สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคน หลังจากผ่านพ้นวันเลือกตั้งไป ตอนนี้การเมืองในประเทศเราก็กำลังดุเดือดมากๆ คราวที่แล้ว English Issues ได้นำเสนอคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งไป ครั้งนี้เราจะไปโฟกัสกันที่ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในช่วงนี้กันบ้างค่ะ จะมีคำว่าอะไรบ้างตามพี่ชมพูมาเลย
1. Bipartisan
มาเริ่มกันที่ศัพท์เกี่ยวกับพรรคการเมืองกันดีกว่า สำหรับคำ Bipartisan แปลว่า การรวมกัน/การร่วมมือกันของพรรค 2 พรรคที่มีเป้าหมายทางการเมืองเหมือนกัน คำนี้เกิดจากการรวมกันของ bi และ partisan ค่ะ ซึ่ง bi หมายถึง 2 ส่วน partisan ก็คือกลุ่มนั่นเอง
2. Shadow party
ส่วนคำว่า Shadow party คือพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงโหวตตามมาเป็นอันดับ 2 ของการเลือกตั้งค่ะ แล้วพอเข้าไปในรัฐสภา พรรคพวกนี้จะกลายเป็น Shadow carbinet หรือ คณะรัฐมนตรีเงา ที่คอยทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลค่ะ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นฝ่ายค้านนั่นแหละ
3. Cabinet
Cabinet มีหลายความหมายค่ะ จะแปลว่า ตู้เก็บของ หรือ โต๊ะเขียนหนังสือแบบมีลิ้นชักก็ได้ แต่ในเรื่องการเมืองจะมีความหมายว่า คณะรัฐมนตรีค่ะ และจะมีอีกคำนึงที่คล้ายๆ กัน คือ Cabinet minister คำนี้จะหมายถึง รัฐมนตรีผู้มีตำแหน่งนั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ค่ะ
4. Confidence and supply
น้องๆ น่าจะเคยได้ยินคำว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อย มาบ้าง รัฐบาลแบบนี้คือพวกที่จะคอยสนับสนุนข้อกฎหมายบางข้อในสภา เพื่อให้กฎหมายตัวนั้นผ่านค่ะ อาจจะเป็นข้อกฎหมายที่อำนวยต่อตนเองหรือต่อส่วนรวมก็ได้ ซึ่งการสนับสนุนนี้เรียกว่า Confidence and supply agreement
5. Debate
คำว่า Debate เป็นคำที่จะได้ยินบ่อยๆ ในช่วงก่อนเลือกตั้งนะคะ คำนี้แปลว่า การอภิปราย หรือ การถกเถียง ซึ่งการดีเบตในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาจะเป็นการอภิปรายถึงแนวคิดนโยบายของพรรคต่างๆ ว่าแต่ละพรรคมีมุมมองความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันอย่างไรบ้างนั่นเอง
6. Front-runner
สำหรับ Front-runner เป็นสำนวนที่มาจากการแข่งขันกรีฑาค่ะ หมายถึงวิ่งนำหน้า เมื่อนำใช้กล่าวในเชิงการเลือกตั้งจึงหมายถึงผู้สมัครที่มีแนวโน้มเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งสูงที่สุด หรือที่เรียกกันว่า ตัวเต็ง นั่นเอง
7. Lanslide victory
พอเห็นคำว่า Landslide พานทำให้นึกถึงดินถล่มเนอะ แต่คำว่า Lanslide victory ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับดินเลยค่ะ คำนี้หมายถึง ชัยชนะอย่างถล่มทลาย นั่นคือพรรคได้รับคะแนนเสียงอย่างล้นเหลือและได้เก้าอี้ไปนั่งในสภามากที่สุดค่ะ
8. Term of office
เมื่อพรรคการเมืองที่ชนะคะแนนเสียงได้กลายเป็นรัฐบาล ระยะเวลาที่ดำรงอยู่ในตำแหน่ง ณ ตอนนั้น ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Term of office ค่ะ
9. Globalism
Globalism เป็นแนวคิดที่สนับสนุนในเรื่องของการค้าเศรษฐกิจอย่างไร้พรมแดนค่ะ คือทำให้สามารถค้าขายสินค้าได้อย่างเสรี ไม่มีกีดกันและเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ เช่น ระบบเศรษฐกิจของ EU ที่ทุกประเทศจะมีระบบค่าเงินเป็นหน่วยเดียวกัน
10. Populism
ส่วนคำว่า Populism นี้ น้องๆ น่าจะเคยเห็นกันมาบ้างในรูปของ ‘ประชานิยม’ นะคะ ประชานิยมก็คือ แนวคิดการปกครองคนทั้งประเทศบนพื้นฐานการเป็นตัวแทนเสียงของประชาชน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของ Populism คือ อเมริกาในช่วงที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง และประเทศไทยเองก็กำลังใช้แนวคิดนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน
11. Too close to call
ในขณะที่การนับคะแนนใกล้จะสิ้นสุดแล้ว แต่คะแนนของทั้ง 2 พรรคกลับสูสีตีคู่กันมามากๆ ไม่รู้ว่าใครจะได้เป็นรัฐบาลกันแน่ ในสถานการณ์แบบนี้เราจะเรียกว่า too close to call ค่ะ
12. Whip
Whip เป็นอีกคำที่มีหลายความหมายค่ะ ทั้งแส้ หวด ชนะ แต่ในเรื่องการเมืองจะหมายถึง ผู้ควบคุมเสียงสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งมีหน้าที่คอยไล่ต้อนให้สมาชิกในสภาทำการออกเสียงค่ะ เมื่อมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเราจะได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ประธานวิป, รองประธานวิป และกรรมการวิป
13. Electoral fraud
มาถึงคำที่ถูกพูดถึงบ่อยในช่วงนี้นะคะ (555) คำว่า Electoral fraud เกิดจาก Electoral แปลว่า เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และ Fraud แปลว่า การฉ้อโกง ดังนั้นคำนี้จึงหมายถึงการโกงการเลือกตั้ง หรือจะใช้คำว่า Election fraud ก็ได้ค่ะ
14. Spoiled ballot
ในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งๆ จะมีคำศัพท์ที่อยู่คู่มาด้วยกันนั่นคือ ‘บัตรเสีย’ ซึ่งในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Spoiled ballot ค่ะ เนื่องจากคำว่า spoiled มีความหมายว่า เสีย ค่ะ
15. Independents
ปกติแล้วคำว่า Independent หมายถึง คนที่ไม่ได้อยู่ใต้อำนาจใคร หรือ คนที่มีอิสระ ค่ะ พอนำมาใช้ในเรื่องการเมืองแล้ว Independents จึงแปลว่า คนที่ลงคะแนนเสียงด้วยความคิดของตัวเอง ไม่ได้โหวตเพราะพรรค หรือ การชักจูงของผู้อื่นค่ะ สามารถใช้คำว่า Independent voter แทนได้เช่นกัน
16. Absentee voting
สำหรับการเลือกตั้งจะมีอยู่ 2 แบบ คือการเลือกตั้งในวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้ กับการเลือกตั้งล่วงหน้าสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปที่หน่วยเลือกตั้งในวันจริง ซึ่งการเลือกตั้งแบบที่ 2 เนี่ยเราเรียกว่า Absentee voting ค่ะ คือการลงคะแนนเสียงโดยที่ไม่ต้องไปที่หน่วยเลือกตั้ง
17. Tactical voting
การโหวตแบบ Tactical voting คือ การโหวตโดยคำนึงว่าคะแนนเสียงของตัวเองจะต้องไม่เสียเปล่าค่ะ แทนที่จะเลือกพรรคที่เราชอบ, สนับสนุน ก็ไปเลือกพรรคที่มีโอกาสชนะมากที่สุดแทน ก็เรียกได้เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่สามารถนำมาสกัดพรรคที่เราไม่ชอบได้
18. To cast my vote
ในเมื่อจะไปเลือกตั้งแล้ว การจะบอกคนอื่นว่าจะไปลงคะแนน/ออกเสียงเลือกตั้งแล้วนะ เราจะใช้วลีว่า Go to cast my vote นั่นเองค่ะ หรือจะใช้แบบทางการขึ้นมาหน่อยว่า Go to cast my ballot ก็ได้
19. Silent majority
ในช่วงเวลาที่คนต่างออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองมากมาย จะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งเลือกที่จะอยู่เงียบๆ คอยรอดูเหตุการณ์ว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร คนกลุ่มนี้เราเรียกว่า Silent majority ค่ะ ซึ่งคนกลุ่มนี้เนี่ยอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งเกิดขึ้นก็ได้ แค่พวกเขาเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็นออกมาเฉยๆ
20. Social judge warrior
มาถึงคำสุดท้าย สำหรับคำว่า Social judge warior หรือ SJW มีความหมายว่า กลุ่มคนที่ลุกขึ้นต่อต้านปัญหาที่ไม่เป็นธรรม เช่น การเหยียดสีผิว, การเหยียดเชื้อชาติ, สิทธิสตรี, การโกง ฯลฯ ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะออกมาเรียกร้องผ่านสื่อออนไลน์ อย่างที่เราเห็นในตอนนี้คือเริ่มมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบความโปร่งใสในการเลือกตั้งบนโลกออนไลน์กันอยู่
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในครั้งนี้เป็นยังไงบ้างคะ พอจะมีคำคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้างมั้ย สำหรับคนที่ไม่ได้ตามการเมืองจริงจังอย่างพี่เนี่ยถือว่าได้ศัพท์ใหม่ไปหลายตัวเลย อย่างคำว่า Whip เนี่ยนึกไม่ถึงเลยว่าหมายถึงผู้ควบคุมการออกเสียงในสภาได้ด้วย น้องๆ คนไหนมีศัพท์ทางการเมืองเพิ่มเติมสามารถมาแบ่งปันกันได้นะคะ ^^
ข้อมูลจาก
1 ความคิดเห็น