สวัสดีค่ะชาว Dek-D หลังจากมีข่าวแว่วมาเนิ่นนานว่าข้อสอบ TOEIC ที่สอบในไทยจะเปลี่ยนรูปแบบ ในที่สุดทางศูนย์สอบฯ ก็ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าในปี 2020 เราจะได้ต้อนรับศักราชใหม่พร้อม The TOEIC® Listening and Reading test updates หรือ “Updated TOEIC” ที่สอดคล้องกับยุคสมัยมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ก็มีเกาหลีและญี่ปุ่นที่นำร่องอัปเดตเวอร์ชันไปเมื่อ 2016
ก่อนจะพาไปเปรียบเทียบแบบเดิมและแบบใหม่ ขออธิบายก่อนว่า TOEIC (Test of English for International Communication) คือหนึ่งในข้อสอบที่เป็นมาตรฐานสากลเพื่อวัดระดับการใช้ภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่ผู้สอบจะเป็นวัยทำงาน หรือนักศึกษาจบใหม่ที่เตรียมยื่นสมัครงาน ซึ่งแต่ละแห่งแต่ละสายงานก็จะระบุเกณฑ์ขั้นต่ำไว้แตกต่างกัน
สำหรับ TOEIC จริงๆ จะมี 2 แบบคือ ข้อสอบทั่วไปที่เป็น Listening & Reading Test* ใช้ในประเทศ และอีกแบบเรียกว่า Public จะเพิ่มส่วน Speaking & Writing Test ด้วย ใช้ยื่นต่างประเทศ สำหรับรูปแบบที่จะมีการปรับเปลี่ยนก็คือแบบแรก (แบบทั่วไป) เดี๋ยวเรามาดูกันต่อว่าโฉมใหม่เหมือนหรือแตกต่างจากเดิมตรงไหนบ้าง?
สิ่งที่เหมือนเดิม
- จำนวนข้อสอบ 200 ข้อ (Listening 100 ข้อ + Reading 100 ข้อ)
- เวลาทำข้อสอบ 120 นาที (Listening 45 นาที + Reading 75 นาที)
- คะแนนเต็ม 990 คะแนน
สิ่งที่เปลี่ยนไป
- สัดส่วนโครงสร้างข้อสอบ เปลี่ยนแปลงทุกพาร์ต ยกเว้น Talks *ลดข้อง่าย เพิ่มข้อยาก*
- ลักษณะคำถาม เน้นการคิดวิเคราะห์มากขึ้น และมีการปรับให้สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันมากขึ้น
- ค่าสอบ เพิ่มจาก 1,500 เป็น 1,800 บาท
ภาพรวม
เจาะกันทีละพาร์ต
ลักษณะข้อสอบ + ข้อแตกต่าง
พาร์ตฟัง (Listening Comprehension) = 100 ข้อ
ข้อสอบพาร์ตนี้จะทดสอบว่าเราสามารถฟังภาษาอังกฤษเข้าใจมากน้อยแค่ไหน โดยมีเวลาฟังและทำข้อสอบ 45 นาที ทั้งหมดมี 4 พาร์ต ดังนี้
1. Photograph มีรูปภาพมาให้ เราต้องเลือกตอบข้อที่ตรงกับรูปภาพนั้นๆ
เปรียบเทียบ
- ลดจำนวนข้อจาก 10 ข้อ เหลือ 6 ข้อ
- ลดจำนวนข้อจาก 10 ข้อ เหลือ 6 ข้อ
2. Question-Response ฟังคำถามและ 3 ตัวเลือก เลือกข้อที่ดูเป็นไปได้มากที่สุด
เปรียบเทียบ
- ลดจำนวนข้อจาก 30 ข้อ เหลือ 25 ข้อ
- ลดจำนวนข้อจาก 30 ข้อ เหลือ 25 ข้อ
3. Short Conversation มีบทสนทนา + คำถาม ให้เราเลือกตอบโดยอิงจากบทสนทนา (3 คำถาม / 1 บทสนทนา)
เปรียบเทียบ
- เพิ่มจาก 30 ข้อ เป็น 39 ข้อ
- เพิ่มจาก 30 ข้อ เป็น 39 ข้อ
- รูปแบบเดิมจะเป็นบทสนทนาระหว่าง 2 คน แต่รูปแบบใหม่จะเพิ่มข้อที่เป็น 3 คนเข้ามาด้วย
- มีคำถามอ้างอิงประโยคที่พูด ต้องคิดวิเคราะห์เพิ่ม เช่น เพราะอะไรเขาถึงพูดอย่างนั้น?
- มีภาพประกอบคำถามในบางข้อ ทดสอบประสาทสัมผัสไปเลยค่ะ เพราะตาต้องอ่านทั้งคำถามและมองภาพ ส่วนหูก็ต้องฟัง
4. Talks คล้ายกับพาร์ต Short Conversation เมื่อสักครู่นี้ แต่ตรงมีคนพูด 1 คน + คำถาม แล้วให้เราเลือกคำตอบโดยอิงจากสิ่งที่เขาพูด (3 คำถาม / 1 บทพูด)
เปรียบเทียบ
- จำนวน 30 ข้อเท่าเดิม
- มีคำถามอ้างอิงประโยคที่พูด ต้องคิดวิเคราะห์เพิ่ม
- มีภาพประกอบคำถามในบางข้อ
พาร์ตอ่าน (Reading Comprehension) = 100 ข้อ
ข้อสอบแบบใหม่ใช้เวลา 75 นาทีเท่าเดิม เพิ่มเติมคือความยาวของบทอ่านและความซับซ้อน ลักษณะคำถามจากเดิมที่เราอาจเคยสแกนหาคีย์เวิร์ดก็ตอบได้เลย ก็กลายเป็นต้องอ่านละเอียด ใช้เวลากับมันมากขึ้น
5. Incomplete Sentences มีประโยคมาให้ + เว้นช่องว่าง ให้เราเลือกคำตอบที่เหมาะสม วัดทั้งคำศัพท์และแกรมมาร์
เปรียบเทียบ
- ลดจำนวนจาก 40 ข้อ เหลือ 30 ข้อ
- ลดจำนวนจาก 40 ข้อ เหลือ 30 ข้อ
6. Text Completion มีบทอ่าน + เว้นช่องว่างมาให้ เราต้องเลือกข้อความมาเติมให้สมบูรณ์
เปรียบเทียบ
- เพิ่มจำนวนจาก 12 ข้อ เป็น 16 ข้อ
- จากเดิมที่มีให้เติมคำศัพท์หรือทดสอบแกรมมาร์ธรรมดา คราวนี้เขาจะให้เลือกประโยคไปเติมด้วย
7. Passages อ่านจับใจความ แล้วเลือกตอบคำถามให้ถูกต้องโดยอิงจากบทอ่าน
เปรียบเทียบ
- Single Passages เดิมมี 28 ข้อ (7-10 บทอ่าน บทอ่านละ 2-5 คำถาม) ปรับเป็น 29 ข้อ (10 บทอ่าน บทอ่านละ 2-4 คำถาม)
- เดิมมี Double Passages 20 ข้อ (4 คู่ คู่ละ 5 คำถาม) คราวนี้ปรับเป็นมีทั้ง Double และ Triple Passages รวม 25 ข้อ (5 เซ็ต เซ็ตละ 5 คำถาม) เช่น มาแบบประกาศโฆษณา, ร้านค้าออนไลน์ กับอีเมล ให้อ่านร่วมกันเพื่อตอบคำถาม
- มีรูปแบบแช็ต (Chat) หรือข้อความ (Text messages) เพิ่มเข้ามา
สรุปแล้วใน Updated TOEIC ที่จะเริ่มใช้ปีหน้า พาร์ตที่จัดว่าง่ายอย่าง Photograph หรือ Question-Response จะถูกลดจำนวนข้อลง แล้วแทนที่ด้วยคำถามพาร์ตอื่นที่ซับซ้อนและต้องคิดวิเคราะห์มากขึ้น ดังนั้นนอกจากเก็บคำศัพท์และแกรมมาร์ ก็ต้องจับเวลาและเช็กว่ามีพาร์ตไหนที่เราต้องเพิ่มสปีด (*ถ้าใครเคยทำรูปแบบเดิมไม่ทันหรือทันแบบเฉียดฉิว มีโอกาสสูงที่จะทำรูปแบบใหม่ไม่ทัน)
และสำหรับใครที่รู้สึกยังไม่พร้อมกับข้อสอบแบบใหม่ วันสุดท้ายที่ยังใช้แบบเดิมคือ 25 ธ.ค. นี้ รีบจองเพื่อสมัครสอบให้ทันโอกาสสุดท้ายก่อนปีใหม่นะคะ
ที่ตั้งศูนย์สอบ
- สถานที่ตั้งศูนย์สอบ TOEIC กรุงเทพมหานคร
อาคาร BB Tower (Bangkok Business Building) ชั้น 19 ห้อง 1907 ถ.อโศกมนตรี (ซ.สุขุมวิท 21) กรุงเทพฯ 10110 *อยู่ข้างๆ ตึกแกรมมี่ ลง BTS อโศก (ทางออกที่ 3) - ที่ตั้งศูนย์สอบ TOEIC (สาขา เชียงใหม่)
ชั้น 3 อาคารนวรัตน์ 4/6 ถนนแก้วนวรัตน์ ซอย 3 เชียงใหม่ 50000
9 ความคิดเห็น
ดีนะที่เอาพวกหนังสือเตรียมสอบ TOEIC ไปบริจาคให้กับห้องสมุดก่อน
ค่าสมัครสอบแพงมาก เราคงไปสมัครไม่ไหว
ถ้าจะสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของตัวเอง
เราขอสอบ CU-TEP ของจุฬาฯกับ TU-GET ของม.ธรรมศาสตร์ดีกว่า
1800.- ต้องเตรียมเงินดีๆแล้วล่ะ
ลง MRT-เพชรบุรี หรือ MRT อโศก ก็ได้ครับ แล้วนั่งมอไซค์เข้าไป