สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกคน สมัยประถมหลายคนคงเคยเรียนเรื่องภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ที่ประกอบด้วยแบบวัจนภาษา/ภาษาถ้อยคำ (Verbal Language) ที่สื่อสารผ่านคำพูดหรือตัวอักษรที่ถูกกำหนดร่วมกันในสังคม และอีกแบบคืออวัจนภาษา (Nonverbal Language) ที่สื่อสารผ่านอากัปกริยา ท่าทาง สายตา หรือการส่งสัญญาณให้รับรู้
และหนึ่งในอวัจนภาษาที่สื่อความหมายและสะท้อนความคิดในจิตใจของบุคคลหนึ่งได้คือ ‘อาการภาษา’ หรือ ‘การใช้กริยาท่าทาง’ นั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเดินหน้า ถอยหลัง ขยับซ้ายขวา ท่าทางก็สามารถบ่งบอกความในใจของเราได้หมด วันนี้พี่ปุณเลยอยากมาแชร์ทริคการตีความกิริยาท่าทาง ซึ่งทริคต่อไปนี้ถูกแชร์โดย ‘Joe Navarro’ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับและผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารที่ไม่ใช่คำพูด เขาคนนี้ทำงานให้ FBI นานกว่า 25 ปีแล้วค่ะ ไปดูกันว่าชายคนนี้เขาใช้วิธีไหนจับเหล่า spy สายลับมาแล้วบ้าง
จากประสบการณ์การทำงานที่ยาวนานของ ‘Joe Navarro’ มันทำให้เขารู้ว่าบางครั้งการมองคนให้ทะลุปรุโปร่งก็ต้องดูที่อากัปกิริยาท่าทางแทนที่จะฟังจากคำพูด และถึงคนเราจะไม่พูด ร่างกายก็มักจะทำหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลหรือความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา
ยกตัวอย่างเช่น “การกอดอก” คนเรามักจะยกแขน 2 ข้างขึ้นมากอดอกไว้เมื่อรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจที่จะสนทนากับคนตรงหน้า เหมือนว่าเรากำลังพยายามกันตัวเองออกมาจากสถานการณ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ อาการนี้จะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว และมักเกิดขึ้นในที่สาธารณะมากกว่าเวลาที่เราอยู่ตามลำพัง อีกทั้งการกอดอกยังเป็นท่าทางโอบกอดตัวเองที่ช่วยให้เราใจเย็นลงได้อีกด้วย
และนอกจากการกอดอกแล้ว อาการกระแอม การจับจมูก และการปิดปากยังเป็นอีกหลายวิธีที่สามารถช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ทั้งร่ายกายและจิตใจได้เหมือนกันค่ะ
หลายคนอาจเคยดูหนังสายลับมามากมาย แต่บอกเลยว่าการจับสปายของจริงมันช่างแตกต่างจากในหนังมากค่ะ ในคลิปสัมภาษณ์ Joe ได้เล่าถึงเคสๆ นึงเกี่ยวกับสายลับชาวอเมริกันที่ทำงานให้กับต่างชาติ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่เขายังทำงานอยู่ใน FBI เขาได้รับแจ้งว่ามีชายชาวอเมริกันคนหนึ่งกำลังแฝงตัวตามสืบความลับให้กับศัตรู ขณะที่ชายคนนั้นกำลังเดินออกจากร้านดอกไม้เพื่อไปขึ้นรถที่จอดไว้ไม่ไกล ท่วงท่าและอากัปกิริยาของเขาก็ถูกบันทึกไว้ในวิดีโอของเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ทุกคนที่ได้ดูวิดีโอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘พวกเราไม่สามารถเอาผิดเขาจากภาพเหล่านี้ได้ เพราะชายคนนี้ไม่ได้แสดงอาการพิรุธอะไรให้เราเห็นเลย’
เมื่อย้อนดูคลิปอีกครั้ง Joe ถึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง วิธีถือดอกไม้ของชายคนนั้นแตกต่างจากชาวอเมริกันทั่วไป เพราะแทนที่เขาจะจับบริเวณโคนต้นแล้วหงายดอกไม้ขึ้น เขากลับจับลำต้นแล้วคว่ำดอกไม้ลง ซึ่งท่าทางการถือดอกไม้ในลักษณะนี้ก็มีแค่ชาวยุโรปตะวันออกที่ทำกันเท่านั้น สุดท้ายชายคนนี้ก็ยอมสารภาพผิดและรับโทษไปในที่สุด
10 จุดน่าสงสัยชวนให้จับพิรุธ
จะเห็นได้ว่าบางครั้งการสืบสวนสอบสวนก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารที่ไม่ใช้คำพูดเข้ามาช่วยด้วยเช่นกัน เพราะผู้ต้องหาหรือคนร้ายส่วนใหญ่มักจะไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดจนกว่าตำรวจจะมีหลักฐานที่แน่นหนามายืนยัน เพราะฉะนั้นการใช้เวลาพูดคุยเพื่อสอดส่องพฤติกรรมจึงเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้กันมาก โดย 10 จุดที่เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับมักใช้ในการจับสังเกตนั่นก็คือ
1. ผมหรือเส้นผม
ส่วนผมหรือเส้นผมเป็นส่วนที่แสดงให้เราเห็นว่าบุคคลนั้นดูแลตัวเองมากแค่ไหน ผมสุขภาพดี แสดงถือการเอาใจใส่และมีเวลาให้กับการบำรุงผม
2. หน้าผาก
ความเครียดที่แต่ละบุคคลสะสมไว้ มักจะปรากฏให้เห็นในลักษณะของรอยย่นบนหน้าผาก เครียดมากเท่าไหร่ หน้าผากก็จะยิ่งย่นไปมากขึ้นเท่านั้น และอีกหนึ่งพื้นที่ที่ทำให้เรารับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคนได้ก็คือ พื้นที่เล็กๆ ระหว่างดวงตาที่เรียกว่า ‘บริเวณหว่างคิ้ว (Glabella)’ นั่นเอง
3. ดวงตา
หลายคนอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ” เพราะเมื่อเรามองตา ความรู้สึกต่างๆ ก็มักจะส่งผ่านออกมาให้เห็น อีกทั้งเรายังสามารถจับสังเกตได้ด้วยว่าเจ้าของดวงตามีอาการเหนื่อยล้าไหม ได้นอนบ้างหรือเปล่า
4. ปาก
เมื่อรู้สึกกดดันและไม่สามารถหาคำตอบให้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ รูปปากของแต่ละบุคคลมักจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ริมฝีปากบนล่างจะเม้มเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
5. แก้ม
ถ้าแก้มป่องเมื่อไหร่ มันอาจจะหมายถึงว่าบุคคลนั้นกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เพราะเมื่อมีอะไรมากวนใจคนเราก็มักจะเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มข้างใดข้างหนึ่งไว้โดยที่เราก็ไม่รู้ตัว
6. คอ
เวลารู้สึกสบายใจหรืออยู่ในโหมด relax คนเราก็มักจะเอียงคอไปทางซ้ายทีขวาที แต่เมื่อไหร่ที่อาการเหล่านี้หายไป นั่นแสดงว่าบุคคลนั้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ!
7. หัวไหล่
อาการยักไหล่เป็นอาการอัตโนมัติที่เกิดขึ้นโดยที่คนเราไม่ทันได้ตั้งตัว ทันทีที่ถูกถามคำถามที่ไม่สามารถตอบได้ ไหล่ 2 ข้างก็จะทำงานประสานกันยกขึ้นโดยฉับพลันเลยล่ะค่ะ
8. มือ
อาการมือเกร็งและการประสานมือเข้าด้วยกันแล้วขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ แสดงให้เห็นว่าบุคคลนั้นกำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก แต่นอกจากการประสานมือ “การเท้าสะเอว” ก็ยังบ่งบอกความคิดและระดับความเครียดของคนเราได้ด้วย ถ้าเครียดเพียงเล็กน้อยคนก็มักจะเท้าสะเอวโดยซ่อนนิ้วโป้งไว้ด้านหลัง แต่ถ้าเครียดมากนิ้วโป้งทั้งสองข้างจะถูกเปลี่ยนตำแหน่งมาวางไว้ด้านหน้าทันที แค่เปลี่ยนองศามือและนิ้วก็ทำให้ mood ที่ออกมาต่างกันไปได้แล้ว
9. ขา
เมื่อไหร่ที่บุคคลตรงหน้าเริ่มเอามือลูบไปที่หน้าขา ก็สามารถตีความได้เลยว่าเขากำลังอารมณ์ร้อนหรือโมโห เพราะการลูบขานั้นจะช่วยทำให้บุคคลใจเย็นและสงบลงได้
10. เท้า
การสังเกตเท้าก็สามารถสังเกตได้จากการแกว่งเท้าหรือเตะเท้า เวลาที่คนเรารู้สึกกดดันหรือรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคุกคาม เราก็มักจะขยับเท้าไปข้างหน้าและไขว้มันไว้ด้วยกัน
ไม่ว่ามนุษย์จะพยายามซ่อนอาการเหล่านี้มากแค่ไหน พวกเราก็ไม่สามารถสั่งห้ามการเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติของร่างกายได้ การศึกษาและสังเกตอากัปกิริยาของผู้ต้องหาจึงไม่ได้เป็นการตัดสินว่าเขาถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี แต่เป็นการตีความและวิเคราะห์ว่าร่างกายของเขาพยายามจะสื่อสารอะไรออกมาก็เท่านั้นเอง
เพราะแม้ในตอนที่ไม่มีใครพูดอะไรและไม่ได้ขยับส่วนไหนของร่างกาย มนุษย์ก็ยังมีการสื่อสารผ่านวิธีการแต่งตัว การดูแลผม การยืน การนั่ง ความถี่ในการกระพริบตา จังหวะการเดิน จังหวะการหายใจ รวมไปถึงความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉงที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน ตามสถานการณ์ภายนอกและความรู้สึกภายในจิตใจเรานั่นเอง
แรกเราพบกัน ฉันสังเกตเธอในทันที!
การแสดงออกทางกายที่ชาวตะวันตกมักทำกันก็คือ “การทักทายด้วยการจับมือ (Hand Shaking)” ครั้งแรกที่เราต้องจับมือกับคนไม่รู้จัก มันเป็นโมเมนต์ที่ค่อนข้างสำคัญและอาจตัดสินคนๆ นั้นไปตลอดเลยก็ได้ การจับมือเหมือนเป็นการปล่อยเคมีบางอย่างระหว่างกัน มันบอกได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง ชอบหรือไม่ชอบเรามากแค่ไหน
นอกจากนี้ “ระยะห่างในการนั่งหรือยืน” ยังแสดงให้เห็นว่าคู่สนทนามีความเต็มใจและสบายใจที่จะคุยกันมากน้อยขนาดไหน คนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ จึงมีการขยับร่างกายค่อนข้างบ่อย เพื่อจะหาระยะห่างที่ใช่ที่จะทำให้สนทนากันได้อย่างไม่อึดอัดนั่นเอง
ท่าทีที่เปลี่ยนไปกับไพ่ Poker ในมือ
โป๊กเกอร์ (Poker) คือเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก เพราะนอกจากจะเป็นเกมที่ไม่ซับซ้อนและได้ใช้ความคิดในการประกอบการตัดสินใจ เกมนี้ยังทำให้ผู้เล่นประสบความสำเร็จและร่ำรวยได้แบบไม่มีอะไรมากั้น! แต่การจะชนะเกมนี้ได้มันไม่ใช่แค่เรื่องของความกล้าหาญและดวงดี เพราะความเชี่ยวชาญ จิตวิทยา และการสังเกตผู้เล่นรอบข้างก็เป็นอีกหลายวิธีที่ช่วยสร้างความตื่นเต้นเร้าใจและยิ่งทำให้เราสนุกกับเกมเข้าไปอีก
และเพื่อที่จะทำให้เราเห็นภาพของเกมมากขึ้น Joe จึงได้เปิดคลิป poker และอธิบายอากัปกิริยาของผู้เล่นทั้ง 5 ให้เราได้ฟังไปพร้อมๆ กัน ผู้เล่นทั้ง 5 คนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจแต่การแสดงออกในวินาทีที่พวกเขาเข้ามานั่งที่โต๊ะก็สามารถทำให้เราเห็นได้ว่าหลายคนกำลังรู้สึกอัดอัดและลำบากใจ ที่ต้องใช้เวลาอยู่กับคนไม่รู้จัก บางคนเกร็งและยกไหล่ บางคนเอามือขึ้นมาจับไหล่ไว้ ส่วนบางคนก็เลื่อนเก้าอี้ให้ออกห่างจากโต๊ะไปก่อนที่จะนั่ง และเมื่อเกมเริ่มขึ้น “การวางมือของผู้เล่น” ก็เป็นอีกจุดน่าสนใจที่ชวนให้เราจับตามอง
- ผู้เล่นคนที่หนึ่ง ป้องมือปิดไพ่ไม่ให้คนอื่นเห็น
- ผู้เล่นคนที่สอง วางมือลงบนไพ่และกดมันไว้สนิท
- ผู้เล่นคนที่สาม วางมือไว้บนโต๊ะแต่ขยับมาให้อยู่ใกล้ตัว
- ผู้เล่นคนที่สี่ วางไพ่ไว้แต่เอามือลงจากโต๊ะไปเลย
- ผู้เล่นคนที่ห้า กอดอก ชูนิ้วโป้งขึ้นและขยับไปอยู่ใกล้ตัว
จะสังเกตได้ว่าเวลาเรารู้สึกชอบหรือพอใจกับอะไร เราก็มักจะเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ สิ่งนั้น แต่ถ้าไม่เราก็จะถอยออกห่างในทันที ซึ่งถ้ามองจากมุมนี้แล้ว ผู้เล่นคนที่สองอาจจะได้ไพ่ปังมากเลยต้องปิดไว้กลัวใครแอบดู ส่วนผู้เล่นคนที่สี่ก็ดูจะไม่ค่อยพอใจกับไพ่ที่ได้เท่าไหร่นัก
ระหว่างเกมดำเนินไปผู้เล่นหลายคนก็หันไปสนใจและวุ่นวายอยู่กับตัวชิป Joe บอกว่ามันเป็นหนึ่งในวิธีผ่อนคลาย เพื่อทำให้พวกเขาไม่รู้สึกว่าเกมมันตึงเครียดจนเกินไป เมื่อลองปรับสปีดการเล่นวิดีโอแบบ X2 เราก็มองเห็นการขยับเขยื้อนของผู้เล่นได้ชัดเจนขึ้น ผู้เล่นหลายคนเริ่มขยับตัวไปมา เอียงหัวเอียงคอบ้าง จับนู่นจับนี่บ้าง ยื่นมือออกมาข้างหน้าแทนการกอดอกบ้าง และถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไรแต่ท่าทางเหล่านี้ก็ทำให้เราดูออกว่าพวกเขากำลังตั้งใจคิดหาวิธีมาต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นแบบสุดๆ เพราะฉะนั้น Reaction ของคู่ต่อสู้ในเกม poker จึงเป็นจุดโฟกัสสำคัญที่ผู้เล่นทุกคนไม่ควรมองข้ามเลยล่ะค่ะ
และนี่ก็คือทริคความรู้เกี่ยวกับอาการภาษาที่ ‘Joe Navarro’ ได้นำมาฝากพวกเราในวันนี้ บอกเลยว่าบางกิริยาท่าทางพี่ก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะสามารถสื่อความหมายได้อิมแพคขนาดนี้ ดังนั้นต่อให้เราพยายามปกปิดความไม่สบายกายไม่สบายใจเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากด้วยหน้านิ่ง (Poker face) มากเท่าไหร่ ก็ให้รู้ไว้เลยค่ะว่ายังไงเราก็ไม่สามารถปิดกั้นการแสดงออกทางกายได้อยู่ดี!
1 ความคิดเห็น
หลายทริคก็ใช้ได้จริง แต่อย่าง poker ส่วนตัวไม่ว่าได้ไพ่ดีไม่ดีก็ทำแบบคนที่สี่ทุกครั้งเลย แค่เป็นคนไม่ชอบวางมือบนโต๊ะเฉยๆ 5555