งานที่มั่นคง vs. งานที่เรารัก
เชื่อว่าน้องๆ ชาว Dek-D หลายคนอาจเคยรู้สึกสับสนเมื่อวันนึงเราต้องมาเลือกเส้นทางชีวิตว่าจะเรียนต่อคณะไหนดี เรียนจบแล้วจะมีงานทำไหม สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินบนเส้นทางที่เค้าว่ากันว่าดีและมั่นคง แม้ว่าลึกๆ แล้วเราอาจจะไม่ได้ชอบเลยก็ตาม แล้วพอได้มานั่งเรียนหรืออยู่กับมันจริงๆ ก็พบว่ามันทรมานจัง ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย รู้สึกเหมือนทำไปวันๆ พอคิดจะเริ่มต้นใหม่ก็ดูเหมือนจะสายไปซะแล้ว
แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อเราตัดสินใจไปแล้วทุกอย่างย่อมดีเสมอ ถ้าสุดท้ายเราพบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ มันอาจจะยังไม่สายที่จะเริ่มต้นใหม่กับเส้นทางที่ตัวเองรัก เช่นเดียวกับ keshi ศิลปินคลื่นลูกใหม่ที่หลายคนจับตามองอยู่ในตอนนี้ ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยเป็นพยาบาลวิชาชีพ (registered nurse) มาก่อนที่จะตัดสินใจลาออกและเลือกเดินทางในการเป็นศิลปินนักร้อง-นักแต่งเพลง-โปรดิวเซอร์ เรื่องราวชีวิตสุดพลิกผันของเขามีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง ตามไปทำความรู้จักกัน
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก keshi (เคชิ) กันก่อนดีกว่า ความจริงแล้วชื่อนี้ที่หลายคนคุ้นเคยไม่ใช่ชื่อจริงแต่เกิดของเขานะครับ และเขาเองก็ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นด้วยนะ (ใครเคยคิดแบบนี้ยกมือ! 5555) ความจริงเขามีชื่อว่า ‘Casey Luong’ เป็นหนุ่มสัญชาติเวียดนามที่เกิดและเติบโตในเมืองฮิวสตัน(Houston) รัฐเท็กซัส(Texas) ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนชื่อ Keshi นั้นเป็นเพียงชื่อเล่นๆ ที่เพื่อนและแฟนของเขาเรียกตั้งแต่เด็ก เขาเลยนำชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อ username ตอนแต่งเพลงเล่นๆ ลงใน SoundCloud ซึ่งเขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสุดท้ายแล้วชื่อนี้จะกลายมาเป็นชื่อหากินในวงการอย่างทุกในวันนี้
Note: Keshi เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1994 และปัจจุบันมีอายุ 26 ปี
เล่าก่อนว่าเดิมทีแล้ว keshi นั้นมีแพสชันในด้านดนตรีตั้งแต่เด็กๆ เลยครับ เค้าเริ่มเล่นกีตาร์ตั้งแต่อายุ 13 ปี และก็ศึกษาเรื่องการทำเพลงพร้อมจับทิศหาแนวทางที่ตัวเองชอบอยู่ตลอด และสุดท้ายก็มาลงเอยกับแนวเพลง Lofi-hip hop (อ่านวา โลไฟ-ฮิปฮอป) ซึ่งเป็นดนตรีแนวใหม่ๆ ที่มีการผสมผสานดนตรีแนวต่างๆ เช่น Jazz, Hiphop, Soul หรือ R&B จนทำให้บีตส์ดนตรีมีความละมุน เพลงที่ออกมาก็จะเน้นดนตรีมากกว่าเสียงร้อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ลงตัวมากๆ ออกแนวล่องลอยชวนฝันนิดๆ หลายคนจึงมักเรียกดนตรีแนวนี้ว่า Chilling Study Music นั่นเองครับ (แนะนำให้เปิดตอนอ่านหนังสือหรือทำงานคือเวิร์กมากกก ช่วยทำให้มีสมาธิด้วย)
หลังจากพบว่าตัวเองชื่นชอบดนตรีแนว lofi-hiphop เค้าก็ลองแต่งเพลงและส่งประกวดในโปรเจกต์ของ Reddit และผลก็คือเค้าได้รับรางวัลชนะเลิศ ซึ่งเพลงแรกที่เค้าเขียนก็คือ “if you’re not the one for me who is” เรียกว่าเป็นผลงานเบิกทางให้กับเค้าในวงการนี้เลยล่ะ
และน้องๆ รู้มั้ยครับว่า ตอนที่เค้าลองผิดลองถูกกับการทำเพลงอยู่นั้น ก็เป็นช่วงเดียวกับตอนที่เค้าทำงานเป็นพยาบาลวิชาชีพหลังจากเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ นั่นเอง สงสัยเหมือนกันมั้ยว่าในตอนนั้นทำไมเค้าถึงเลือกเรียนพยาบาล?
ความฝันและอาชีพที่มั่นคง
keshi นั้นเรียนจบพยาบาลจาก University of Texas ใน Austin และหลังเรียนจบก็ได้ทำงานเป็นบุรุษพยาบาลอยู่ประมาณปีครึ่ง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเค้าถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้บ่อยมากกกก และเค้าเองก็เคยเปิดใจกับตอนที่ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ From The Intercom เมื่อ 2 ปีที่แล้วว่า จริงๆ อยากเรียนด้านดนตรีที่ Berklee College of Music ซึ่งเป็นวิทยาลัยดนตรีเอกชนชื่อดังระดับโลก ตั้งอยู่ในบอสตัน แมสซาชูเซตส์ แต่พ่อแม่ของเค้าก็กังวลว่าเรียนไปแล้วจะไม่มีงานทำ สุดท้ายเค้าก็เลยเลือกเรียนเป็นพยาบาลแทน เพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนเข้ากับใครก็ได้ และอาชีพนี้ก็น่าจะสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับตัวเอง ซึ่งในตอนนั้นเค้าเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าการเป็นพยาบาลจะพาเค้าไปเจอกับอะไรบ้าง
ล่าสุด keshi ก็ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการของช่อง DIVE Studios Podcasts ที่มี eaJ หรือ Jae Day6 (2 คนนี้เคย collab เพลงกันด้วยนะครับ คลิก) และไอดอลสาว AleXa เป็นผู้ดำเนินรายการเกี่ยวกับเรื่องนี้ (อีกรอบ)
J: ความรู้สึกตอนที่ทำงานปีแรกเป็นยังไงบ้าง เมื่อรู้ว่าเรากำลังจะเป็นพยาบาล
K: “เพราะว่าผมแค่ต้องการเลือกบางสิ่งบางอย่าง และผมก็ต้องการทำเพลงไปด้วย ดังนั้นเวลาที่ผมเลือกอาชีพอะไรมันไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะผมก็ไม่ได้มีแพสชันในอาชีพเหล่านั้นอยู่ดี เหมือนว่าแบบก็มีงานประจำอะไรก็ได้ให้ทำตามปกติ แต่สุดท้ายพอเลิกงานก็กลับบ้านก็มานั่งทำเพลงต่อ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ”
“แต่ก็มีจุดที่ผมเริ่มคิดใหม่ เพราะมีอยู่ครึ่งนึงตอนที่ผมเลิกงานแล้วกลับบ้านมานั่งทำเพลงในคอมพิวเตอร์ตัวเอง และก็มีความคิดในหัวว่า เห้ย! เราทำสิ่งนี้ได้ดีเลยนี่หว่า ทำไมถึงไม่ทำในสิ่งที่เราทำได้ดีล่ะ”
อย่างที่บอกไปว่าในช่วงที่ keshi ทำโปรเจกต์เพลงลงใน SoundCloud และชนะการประกวด Reddit นอกจากจะเริ่มมีแฟนเพลงแล้วก็มีหลายค่ายเริ่มทาบทามเข้าสังกัด จึงทำให้เค้าต้องบินไปนิวยอร์กเพื่อไปพูดคุยเกี่ยวกับการเซ็นสัญญา แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มีอะไรแน่ชัดอยู่ดีว่าจะโดนเทหรือเปล่า และใช่ครับ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ยังต้องขึ้นวอร์ดเป็นว่าเล่น จากตอนแรกคิดว่าแค่มีงานประจำและก็ทำในสิ่งที่ตัวเองรักไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ได้ลงตัวขนาดนั้น
K: “ผมบินไปนิวยอร์กตอนวันหยุด ดังนั้นจึงต้องทำงานเข้ากะ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 3 วันติด พอทำงานเสร็จวันถัดมาก็บินไปนิวยอร์กต่อเป็นเวลา 3 วัน และก็บินกลับไปขึ้นวอร์ดต่อเป็นเวลา 3 วันติด ตอนนั้นก็เจอกับความเครียดสะสมที่แบบไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นขนาดนี้ มันเหมือนว่าผมมี 2 ชีวิตเลย”
“จนวันนึงตอนที่ขึ้นวอร์ด ผมรู้สึกแย่มากๆ จนล้มลงต่อหน้าหัวหน้าแผนก ซึ่งก็ไม่มีใครเข้าใจว่าผมเป็นอะไร ทุกคนก็สงสัยว่า Casey เป็นอะไร คือก็ไม่มีใครรู้อ่ะนะว่าผมได้บินไปพูดคุยกับทางค่ายเพลงที่นิวยอร์ก”
“พอถึงจุดที่ไม่ไหวแล้ว จากนั้นผมก็เลยลาออกทั้งที่ยังไม่มีการคอนเฟิร์มใดๆ ว่าผมจะได้เซ็นสัญญาหรือไม่ ตอนนั้นรู้สึกแค่ว่าผมต้องลาออกเท่านั้น! ไม่สามารถเป็นพยาบาลได้แล้ว! แต่โชคชะตาก็เป็นใจ เพราะหลังจากลาออกไปสัปดาห์กว่าๆ ก็ได้รับคอนเฟิร์มและบินไปนิวยอร์กเพื่อเซ็นสัญญากับค่าย Island Records” (ค่ายเดียวกับ Shawn Mendes, The Killers, Demi Lavoto, Elton John, The VAMPS และอื่นๆ อีกมากมาย)
ทุกอย่างที่ตัดสินใจไปแล้วย่อมดีเสมอ
เชื่อว่าหลายคนถ้าเจอสถานการณ์เดียวกับ keshi คงคิดว่า การตัดสินใจเรียนเป็นพยาบาลนั้นเป็นความคิดที่ผิดพลาด ซึ่งเค้าเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เค้าเองก็คิดอีกอย่างว่าถ้าไม่ได้เจอกับเรื่องราวต่างๆ ระหว่างทางแบบนี้ ก็คงไม่มี keshi แบบทุกวันนี้เหมือนกัน
“อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ว่าผมอยากเรียนต่อด้านดนตรีที่ Berklee College of Music เพราะเคยคิดว่า ถ้าไปเรียนต่อที่สถาบันโดยตรงคงจะต้องดีแน่ๆ ซึ่งตอนนี้ผมก็คิดอีกทีว่ามันอาจไม่ดีก็ได้ เพราะมีอยู่ครึ่งนึงที่ผมไล่ตอบ DM แฟนคลับในช่วงพักเที่ยงตอนขึ้นวอร์ด แล้วมีคนนึงส่งข้อความมาบอกว่า ‘สวัสดีครับ ผมกำลังเรียนต่อที่ Berklee และตอนนี้ผมอยากเป็นเหมือนพี่มากๆ และกำลังพยายามทำตามอยู่ ช่วยบอกได้ไหมว่าต้องทำยังไงบ้างครับ’ พอผมอ่านแล้วก็รู้สึกแบบ นี่มันอะไรกันวะเนี่ย เพราะผมเองก็เคยอยากเรียนต่อที่นี่แต่กลับไม่ได้ไปเรียน ก็เลยพยายามด้วยตัวเองจนมีวันนี้ แต่นักศึกษาของที่นั่นกลับมาถามผมแบบนี้ ก็เป็นอะไรที่ตลกดีครับ 5555”
ซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองชอบ
“ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญก็คือ คุณต้องซื่อสัตย์กับตนเองและก็ลงมือทำด้วยตัวเอง และก็ควรมีเพื่อนรู้ใจสักคนสองคนที่พวกเค้ารู้ว่าคุณกำลังให้ความสนใจกับอะไรอยู่ เพื่อให้เค้าช่วยให้ฟีดแบกกับสิ่งที่คุณทำ อย่างผมเองก็มีเพื่อนสนิทที่คอยช่วยฟังเพลงที่ผมทำ ซึ่งบางทีเค้าก็อาจไม่ได้เข้าใจแนวของเราแต่ก็ช่วยฟังและให้ความคิดเห็นได้ เอาจริงผมก็ไม่รู้ว่าวิธีไหนดีที่สุด แต่นี่ก็เป็นวิธีของผมทำและก็ทำให้ผมโชคดีมากๆ”
พอได้รู้สตอรี่ของ keshi ต้องบอกว่าส่วนสำคัญที่เค้าประสบความสำเร็จแบบนี้ได้ เพราะเค้าไม่เคยละทิ้งแพสชันของตัวเอง แม้ว่าช่วงนึงอาจจะเลือกเดินเส้นทางที่หลายคนบอกว่าดีและมั่นคง แต่เค้าก็ยังหาเวลาว่างเพื่อลงมือทำเพลงในแบบที่เค้ารักอย่างเต็มที่ จนสุดท้ายก็ได้มาเป็นศิลปินอย่างที่เคยใฝ่ฝันแบบเต็มตัว และมีแฟนเพลงเยอะมากกกกก (ไอดอลเกาหลีคือมีแต่คนชอบฟังเพลงของเค้าทั้งนั้น ทั้งแพคฮยอน EXO, จองกุก BTS, ยองเค Day6 และอีกมากมาย)
จากบทเรียนของ keshi ก็ทำให้รู้ว่ามันไม่มีคำว่าสายไปถ้าจะเริ่มต้นใหม่ ถ้าน้องๆ คนไหนกำลังเจอปัญหาทั้งเรื่องเรียนในคณะที่ตัวเองไม่ชอบ หรือกำลังทำงานที่ตัวเองไม่ได้รัก พี่ก็หวังว่าเรื่องราวของ keshi จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและผลักดันให้กับน้องๆ ได้ทำตามความชอบของตัวเองกันนะครับ //และอย่าลืมไปฟังเพลงของ keshi ด้วยนะครับ แต่ละเพลงคือเพราะๆ ทั้งนั้นเลยยยย!
Sources:https://reportingtexas.com/as-pay-and-prestige-grow-more-men-pursue-nursing/ https://www.vice.com/en/article/ne8qdw/keshi-lo-fi-hip-hop-music https://fromtheintercom.com/interview-keshi/ https://guitar.com/features/interviews/keshi-lo-fi-hip-hop-john-mayer/ https://www.papermag.com/keshi-interview-2640177450.html?rebelltitem=2#rebelltitem2
2 ความคิดเห็น
เท่มาก
เจ day6 ไม่มี ย์ นะคะ