อันยองชาว Dek-D ทุกคนค่า~ อย่างที่เราทราบกันดีว่า ‘เกาหลีใต้’ เป็นอีกประเทศที่คนไทยอยากไปเรียนต่อและทำงานกันมากที่สุดประเทศหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีกระแสต่อต้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนและทำงานหนักเกินเวลา การเหยียดชาวต่างชาติ หรือประเด็นคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
วันนี้เราเลยจะมาไขข้อสงสัยในประเด็นต่างๆ ผ่านประสบการณ์ส่วนตัวของ ‘พี่แบม’ ภัทรกันย์ เฉลิมพรพานิช นักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ ปี 2015 คณะ Media & Communication, Korea University (고려대학교) มหาวิทยาลัยชั้นนำหนึ่งใน SKY หรือเครือข่ายมหาวิทยาลัยที่มีอิทธิพลที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ปัจจุบันพี่แบมทำงานอยู่บริษัทเอเยนซีโฆษณาที่เกาหลีมา 4 เดือนแล้ว และยังมีโอกาสทำงานร่วมกับไอดอลและศิลปินเกาหลีไม่ว่าจะเป็น คยูฮยอน Super Junior, เวนดี้ Red Velvet, LOONA, Monsta X และอีกมากมาย/ / ตามไปส่องได้ใน IG: hyebamm ได้เลยย :)
พี่แบมได้แชร์ประสบการณ์สมัครทุนไว้ด้วยนะ"กว่าจะออกจาก comfort zone ของตัวเองได้ก็ใช้เวลาพอสมควร ตอนนี้ก็ยังเป็นบ้าง
แต่ก็พยายามดู 눈치 หรือคาดการณ์สภาพแวดล้อมรอบตัว ใช้เวลาเกิน 4 ปีกว่า
จนเรียนจบมาแล้วถึงรู้ว่าการเป็นต่างชาติมันไม่ได้เป็นจุดด้อย"
ชีวิตเด็กนิเทศในม.ระดับท็อปของเกาหลี
สาขานิเทศศาสตร์ (Media & Communication) ที่ม.โคเรียจะมีความกว้างมากก ไม่ได้ลงลึกว่าเป็นสื่อฝ่ายการผลิต ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายเอเยนซี หรือฝ่ายโฆษณา ทำให้เราได้เรียนหลากหลาย และได้ลองทำหลายๆ อย่าง ความเก๋ของม.โคเรียก็คือ มีวิชาที่สอนเป็นภาษาอังกฤษค่อนเยอะมากถ้าเทียบกับที่อื่น ในปีแรกๆ จะเน้นไปทางภาคทฤษฎี และพอเริ่มปีสูงๆ ก็จะเริ่มลงลึกไปตามวิชาที่นักศึกษาสนใจลง มี Workshop ได้ทำงานจริง ซึ่งเนื้อหาจะเข้มข้นและเป็นภาษาเกาหลีล้วนๆ ทำให้ต่างชาติบางคนไม่ค่อยลงเพราะกังวลเรื่องภาษาและการปรับตัวเข้ากับชาวเกาหลีที่ต้องทำงานร่วมกัน // แต่สำหรับแบมพอปี 3-4 เริ่มโปรภาษา ก็เลือกลงวิชาภาคปฏิบัติที่เป็นภาษาเกาหลีเลย
แล้วที่ชอบสุดๆ คือวิชาที่ได้ลงมือทำทั้งหลาย เช่น ‘Drama Production Practicum,’ ‘Documentary Production Practicum’ และ ‘Media Production Workshop’ เป็นงานกลุ่ม 5 คนที่เราต้องทำโปรแกรมรายการโทรทัศน์ความยาวประมาณ 20 นาทีขึ้นมา เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการวางแพลน Program ว่าจะให้เกี่ยวกับอะไร จะเอาใครมาเป็นแขกรับเชิญ วาง Concept ของรายการ เตรียมฉากหลังต่างๆ คิดว่าถ่าย Shot ไหนอะไรยังไง รวมถึงเขียนบทเองด้วย! สรุปก็คือกลุ่มเราเลือกที่จะทำรายการคล้ายๆ ‘너의 목소리가 보여 (I Can See Your Voice)’ ให้ทายว่าแขกรับเชิญที่เลือกมาว่าใครเป็นต่างชาติ ผ่านแบบทดสอบต่างๆ และให้ชาวเกาหลีเป็นกรรมการค่ะ
กำแพงทางภาษาไม่ใช่อุปสรรคแค่เรื่องเรียน
แต่รวมถึง ‘การหาเพื่อน’
สังคมที่มหาวิทยาลัยดีมากก แต่ถ้าถามว่าเข้ากับเพื่อนคนเกาหลีได้ 100% เลยมั้ยก็คงตอบว่า ‘ไม่’ ในฐานะชาวต่างชาติ การหาเพื่อนในคณะที่มหา'ลัยจะค่อนข้างยาก เราเลยเน้นไปเข้าชมรมหรือทำกิจกรรมนอกห้องเรียนซะมากกว่า เพราะการมีความสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ตรงกัน ได้ใช้เวลาว่างด้วยกัน (เคยซ้อมเต้นทั้งคืนและรุ่งเช้าไปเรียนต่อ) และยังมีโอกาสสังสรรค์นอกรอบ ช่วยให้เรายิ่งสนิทกับคนเกาหลีได้ง่ายมากขึ้น
‘Language Barrier’ หรือกำแพงทางภาษา คือตัวสำคัญในการเรียนเลย ภาษาเกาหลีที่เคยเรียนจากสถาบันภาษาก่อนมาเข้าเรียนมหา'ลัย กับภาษาที่ใช้เรียนในคณะคือคนละเรื่องเลยค่ะ ทำให้ต้องปรับตัวอย่างหนักหน่วงเวลาเรียนวิชาที่สอนเป็นภาษาเกาหลี และด้วยความที่เป็นคณะนิเทศฯ ทำให้มีงานกลุ่มหลายงาน ถ้าเจอเพื่อนดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดีก็ต้องพยายามให้งานออกมาดีเท่าที่จะทำได้ รับบทนางแบกกันไปค่ะ
"เพราะต่างคนก็ต่างไม่มั่นใจในภาษา ทำให้คนเกาหลีและต่างชาติค่อนข้างมีกำแพง ต่างคนต่างกลัวที่จะเข้าหากันทำให้บรรยากาศระหว่างชาวเกาหลีกับคนต่างชาติออกมาในรูปแบบนี้"
เข้าชมรมและทำกิจกรรมตั้งแต่ปี 1
เราเข้าชมรมเต้น (Kudt) ตั้งแต่ปี 1 พร้อมเพื่อนอีกคน ช่วงแรกๆ เรารู้สึกแย่กับตัวเองเอามากๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นที่ยอมรับเท่าที่ควร ทำให้ช่วงนั้นต้องฝึกทั้งภาษาเกาหลีกับเพื่อน และฝึกเต้นอย่างหนักไปพร้อมๆ กัน เราคิดว่าอย่างน้อยถ้าเค้าไม่ยอมรับเราเพราะการพูดเกาหลี ก็อยากให้เขายอมรับเราในความสามารถในการเต้นแทนก็ยังดี
‘입실렌티 (IPSELENTI)’ หรืองานประจำปีของม.โคเรีย คือเอาชมรมแต่ละชมรมมาขึ้นแสดงเวทีด้วยกัน ถ้าได้เลือกขึ้นก็คือปัง ชมรมเต้นของเราก็ได้ขึ้นเหมือนกันค่ะ อิอิ นอกจากนี้ยังมีการร้องเพลงเชียร์ของมหาลัย ภายในงานต้องซื้อบัตรเข้า แล้วมาลุ้นกันว่าศิลปินไอดอลที่จะมาร่วมงาน Concert ช่วงกลางคืนปีนี้จะเป็นใครบ้าง อย่างสมัยเราก็มี AKMU, SHINee, Highlight, PSY แล้วก็ TWICE ค่ะ
อีกงานยักษ์ใหญ่ก็คือ ‘고연전’ หรืองานกีฬาประเพณีระหว่าง 2 มหาวิทยาลัย: Korea และ Yonsei ค่ะ ในแต่ละปีจะจัดสลับกัน ภายในงานมีการแข่งกีฬา แข่งกิจกรรมตามชมรม เช่น เราอยู่ชมรมเต้นก็ได้แข่ง Dance Battle กับชมรมเต้นของยอนเซ ฝั่งคณะ Media ก็จะมีการถ่าย VTR กิจกรรมและบรรยากาศต่างๆ ในงาน และชมรม Broadcast ก็จะไปถ่ายระหว่างการแข่งกีฬา พร้อมรายงานผลกันไป หรือถ้าอยากเข้าไปแค่เชียร์กีฬาก็ได้ค่ะ :-)
Culture Shock!
ที่เราช็อกมากก็คือ...คนเกาหลีขยันมากก มากขนาดที่ถึงไม่ใช่ช่วงสอบ ห้องสมุดหรือห้องอ่านหนังสือในมหาลัยก็เต็มตลอด ไม่เคยว่างตลอดเลย 24 ชม. แต่ละคนมีความ Productive กันสูงมาก เอาหมดทั้งการเรียน งานชมรม กิจกรรม กินเหล้าสังสรรค์ เรารู้สึก ‘Work Balance’ ของเขาสุดยอด สามารถแบ่งเวลาได้ดี นอกจาก Work hard แล้วยังสามารถ Play hard ได้อีกด้วย แยกร่างยังไงก่อนน
อีกวัฒนธรรมที่ wow มากสำหรับเรา คือ วัฒนธรรม ‘빨리 빨리 (ทำทุกอย่างเร็วไปหมด)’ ของคนเกาหลีค่ะ สำหรับเราถือเป็นทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบที่สุดในเวลาเดียวกันเลยค่ะ ข้อดีคือระบบทุกอย่างของเกาหลีจัดการเป็นระบบระเบียบ เรียบร้อย และเร็วดีมาก แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยความที่ทุกอย่างมันเร็วมาก เลยมีบางครั้งที่เราตั้งตัวไม่ทัน เช่น สั่งงานตอนเช้าจะเอาภายในเย็นวันนั้นเลย ทั้งๆ ที่เป็นงานที่ต้องมีการทำ Reseach ออกไปเก็บข้อมูลข้างนอก และเรียบเรียงก่อนส่ง แต่วัฒนธรรมนี้เองที่ฝึกให้เราเป็นคนทำงานเร็ว รู้จักบริหารเวลาให้ดีมากยิ่งขึ้น
รับบทสาวเอเยนซีทำหมดทุกบทบาท!
แบมเคยฝึกงานอยู่ที่ช่อง ‘SBS’ ค่ะ (สถานีโทรทัศน์ชื่อดังของประเทศ) เป็นโปรเจกต์สั้นๆ ทำ Market Research เกี่ยวกับดราม่า และ Broadcasting ของประเทศไทย ซึ่งต้องบอกเลยว่าสวัสดิการ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของบริษัทดีสุดๆ สมกับเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของประเทศ ที่นี่มีศูนย์อาหาร (Cafeteria) และยิม (Gym) ข้างในบริษัทเลย แต่ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่มีความเกาหลีจ๋าเอามากๆ และบรรยากาศภายในบริษัทที่มีระบบระดับชั้น (Hierarchy) แบ่งแยกที่ค่อนข้างชัด เลยคิดว่าไม่ค่อยเหมาะกับเราสักเท่าไหร่ เลยคิดว่าอยากร่วมงานเป็นโปรเจกต์ๆ มากกว่าให้เข้าไปทำงานที่นั่นเลยค่ะ
ส่วนบริษัทปัจจุบันที่แบมทำงานอยู่เป็นบริษัทเอเยนซีโฆษณาของคนรุ่นใหม่ที่เปิดได้ไม่นาน ซึ่งงานของเราก็ได้ร่วมมือกับองค์กรของรัฐบาลเพื่อส่งออกความเกาหลีใต้สู่ต่างชาติผ่าน Platform และ Method ต่างๆ อย่างเช่น เวลารัฐบาลหรือองค์กรต่างๆ ต้องการผลิตสื่อคอนเทนต์ที่มีคนต่างชาติเป็น Target เขาก็จะมาจ้างเราค่ะ หน้าที่ของแบมก็คือทำทุกอย่าง ตั้งแต่ติดต่อฝ่าย Production ติดต่อ Influencer ทำ Social Media Planning คิดคอนเทนต์และติดต่อกับทางหน่วยงานรัฐบาลโดยตรง และต้องเขียนรายงาน Meeting Agenda ทุกอย่างเป็นภาษาเกาหลี ซึ่งเราจะไม่ได้ทำงานแค่ในออฟฟิศ เพราะบางทีมีส่วนหน้างานที่ต้องไปออกกองเหมือนกัน หรือมีต้องตัดต่อวิดีโอบ้าง หลักๆ เราจะทำหน้าที่เป็นคนกลางที่คอยติดต่อสื่อสารค่ะ
"รัฐบาลเกาหลีสนับสนุนบริษัท Startup มาก มีการให้เงินทุนเฉลี่ย 3 ล้านต่อปี
ขึ้นอยู่กับนวัตกรรมของบริษัทนั้นๆ ทำออกมามีประโยชน์ต่อสังคมมากน้อยแค่ไหน
ตอนนี้ที่กำลังมาสุดๆ เลยก็คือ ‘ฝั่งไอที’ ค่ะ
ก่อนหน้านี้แบมเคยทำงานกับบริษัทอื่นมาก่อน ตอนนั้นคือทุกข์มาก เพราะมีวัฒนธรรมองค์กรให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ห้ามกลับก่อน บังคับให้อยู่ดึกทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น แล้วเราได้มาเจอกับบอสบริษัทปัจจุบัน ซึ่งเป็นพี่ที่เรารู้จักมาก่อน ตอนนั้นพี่เขาลาออกมาเปิดบริษัท Startup ของตัวเองพอดี เราเลยมาทำงานด้วย
การทำงานจะเป็นสไตล์ชิลสุดๆ เหมือนมาทำงานในห้องชมรมที่มหาลัยแบบนั้นเลย บอสเปิดกว้างมาก ทั้งเรื่องแนวคิด การแต่งตัว และเวลาในการทำงาน แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยความที่เป็นบริษัทเล็กๆ แล้วมีคนไม่เยอะ งานเลยจะค่อนข้างหนักเพราะเราต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ช่วยกัน อีกข้อดีคือที่นี่เป็นบริษัทของคนรุ่นใหม่ จึงไม่มีค่านิยมทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำแบบไม่มีค่าตอบแทน (มีบ้างทีต้องอยู่ถึงดึกถึงตีสอง แต่บอสก็ดูแลเป็นอย่างดี ซื้อข้าวมาเลี้ยง ให้เงิน OT ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ดีเลยทีเดียวค่ะ เพราะปกติแล้ว บริษัททั่วไปจะไม่ค่อยมีเงินนอกเวลาสำหรับการทำงานช่วงกลางคืนให้)
How to หางานที่เกาหลีใต้
ภาษาสำคัญมากๆ สำหรับการหางานที่เกาหลี ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเกาหลีเลย เพราะเราต้องใช้สื่อสารกับเพื่อนร่วมงานและคนอื่นๆ สมมติเป็นต่างชาติและสนทนากับเขาไม่ได้ จะมีโอกาสสูงที่จะโดนเมินหรือถูกแบ่งแยกจากเพื่อนร่วมงาน และอีกสิ่งที่สำคัญมากๆ คือการเป็น ‘Specialist’ หรือเชี่ยวชาญในงานของตัวเอง เพราะเราก็ต้องมีความสามารถมากพอให้เขาอยากจะจ้างเราซึ่งเป็นต่างชาติ แทนที่จะจ้าง Source ในประเทศที่มีอยู่แล้ว
ส่วนบริษัท Startup ระดับ Global ที่เกาหลีที่สามารถสนันสนุนวีซ่าให้เราได้นั้นมีเยอะมากกก เราสามารถหาได้จากเว็บไซต์หางานออนไลน์ โดยพิมพ์คีย์เวิร์ดตำแหน่งงานที่เราสนใจ และดูว่ามีบริษัทไหนที่เขาต้องการจ้างคนไทยบ้าง แล้วกำหนดเงื่อนไขยังไง
แบมแนะนำให้หางานทางเว็บไซต์ Jobkorea และ Saramin และดูรีวิวบริษัทต่างๆ จากพนักงานเก่าผ่านเว็บไซต์ Jobplanet เราจะได้เห็นภาพบรรยากาศบริษัทเพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ อย่างบริษัทเก่าเราก็คือโดนถล่มด่าอย่างหนักหน่วงเลย (บอกทริกอีกนิดนึง ถ้าอันไหนได้คะแนนมากกว่า 4 คะแนนคือปลอม ให้พนักงานมาเขียนรีวิวอวยบริษัทเองค่ะ 555)
เกาหลี “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” จริงมั้ย?
ในความคิดของแบมมันเป็นเรื่องปกติที่เราจะอยากไปอยู่ในที่ที่ดีกว่า หรือตอบสนองความต้องการของเราได้มากกว่า คนเกาหลีบางคนก็ไม่ชอบวัฒนธรรมการทำงานหนักแบบ Overworked ของประเทศตัวเอง จึงอยากไปในที่ที่ให้อิสระได้มากกว่า แต่แบมมองว่ายังไงประเทศเกาหลีใต้ก็ยังเป็น Destination ที่น่าสนใจสำหรับคนไทย เพราะมีสวัสดิการ การจัดการประเทศ ในแง่ของสิ่งอำนวยความสะดวกของสาธารณะ ค่าตอบแทนขั้นพื้นฐานที่เริ่มต้นต่ำสุดที่ 2 ล้านวอนต่อเดือน (~50,000-60,000 บาทไทย) อีกเรื่องที่เราควรดูก็คือ ระบบการทำงานหรือตำแหน่งงานนั้นมีความเข้ากับตัวเรามากน้อยแค่ไหน เพราะก็มีเพื่อนแบมบางคนที่คิดว่าประเทศเกาหลีไม่ใช่แบบที่เขาชอบ และคิดว่าที่นี่ก็ไม่ใช่ไปเลยก็มีค่ะ
ทำงานร่วมกับไอดอลเกาหลี!
- ออกรายการ ‘노래에 반하다’ ร้องเพลง Blind Date
แบมเคยออกรายการร้องเพลงที่ประเทศเกาหลีด้วยค่ะ สมัครผ่าน Agency ในกลุ่ม Facebook ที่หานักแสดง/นางแบบต่างชาติ พอไปลอง Audition พูดคุยกับคนเขียนบทก็ผ่านค่ะ ถ่ายช่วงตอนเราอยู่ปี 4 พอดีเลย สอบไปด้วย ถ่ายไปด้วย เหนื่อยมากก บรรยากาศมีความตึงเครียด มีความเป็นรายการ Survival นิดๆ เพราะเราต้องไปแย่งคู่คนอื่นมา และรักษาคู่ของตัวเอง และถ้าไม่มีใครมาคู่เราก็ต้องตกรอบ ไม่ได้ร้องในรอบต่อไป T_T
ตอนนั้นก็ค่อนข้างเครียดเพราะเราเป็นต่างชาติหนึ่งเดียว ทำให้รู้สึกกดดันเรื่องภาษาและวัฒนธรรม ไม่รู้ว่าเราที่เป็นต่างชาติจะสามารถทำอะไรได้บ้างในรายการนั้น แต่พอผ่านมาได้ก็คิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ที่เราได้ก้าวผ่านความกลัวของตัวเองไปได้อีกหนึ่งก้าว สำหรับใครที่กำลังประสบเรื่องราวคล้ายๆ กัน แบมอยากจะบอกว่าอย่าไปกังวลเลยนะคะ เพราะการเป็นต่างชาตินั้นถือเป็นข้อได้เปรียบของเราค่ะ : )
ในช่วงที่เราถ่าย ‘คยูฮยอน Super Junior’ เป็น MC ของรายการนี้ด้วยค่ะ เขาน่ารักมากๆ อย่างเวลาเข้าฉากก็ถามตลอดว่าเหนื่อยมั้ย ซ้อมมาเยอะล่ะสิ ร้อนมั้ยทุกคน ตื่นเต้นมั้ย และหลังเลิกกองแล้ว มีนัดสังสรรค์ เขาก็พยายามพูดภาษาไทย ‘สวัสดีค่า~’ กับเรา (ได้ถ่ายรูปด้วย แต่ตอนนั้นเมาภาพตัดเลยทำโทรศัพท์หาย รูปเลยหายไปหมดเลยค่ะ T-T)
- ถ่ายโฆษณากับเวนดี้ Red Velvet!
พอจบจากรายการร้องเพลงไปแล้ว ทาง Agency เดิมเขาก็ยังมี Contact ของเราอยู่ เขาเลยติดต่อมาว่ามีงานโฆษณาใหม่นะ สนใจจะมาแคสต์มั้ย เราเลยไปลองแคสต์ดู แต่ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าจะได้เจอถ่ายกับใคร เป็นสินค้าของอะไร หรือแสดงบทบาทอะไรยังไง เพราะเขาแจ้งเพียงว่า ต้องการโมเดลที่มีลักษณะแบบนี้ ว่างภายในวันนี้ๆ เป็นการถ่ายครึ่งวันหรือเต็มวัน Budget เท่าไหร่ ถ้าสนใจก็ให้ส่งรูปมา บอกสถานที่ ตารางเวลาคร่าวๆ เท่านั้น
แต่พอไปแล้วมีการ Fitting เสื้อผ้า และถ่ายภาพด้วย ก็เริ่มคิดละว่าน่าจะเป็นงานค่อนข้างใหญ่ (เพราะปกติเขาจะเตรียมเสื้อผ้าอะไรไปเองซะส่วนมาก) พอได้แต่งหน้าทำผมอะไรเรียบร้อยถึงรู้ว่าจะได้ถ่ายกับ Wendy วง Red Velvet แล้วคุณเวนดี้คือไนซ์มากที่สุดในโลก ได้กอดด้วยแหละ~
- เป็น Staff ในกองถ่ายโฆษณาเกาหลี x LOONA
งานนี้เป็นของบริษัทของแบมเอง ทำโฆษณาร่วมกับองค์กรของรัฐบาลเกาหลี เป็นการถ่าย Promotional Video ให้รายการ ‘Talk Talk Korea’ โดยเอาวง LOONA มาเป็น Ambassador ของ Contest สำหรับปีนี้ หน้าที่เราก็คือคุมหน้างาน ดูแลความเรียบร้อยของนักแสดงต่างชาติที่จ้างมา คอยแปล คอยดูแลหาข้าวหาน้ำ คอยดูตารางให้เข้าคิวตอนไหนอะไรยังไง
ตอนนี้ Talk Talk Korea มีการแข่งขันทำคอนเทนต์เกี่ยวกับเกาหลีด้วยนะคะ มีหลากหลายหัวข้อให้เข้าร่วม คนไทยก็สามารถร่วมได้นะคะ ชิงรางวัลกว่า 300,000 บาทและทริปมาประเทศเกาหลี รวมไปถึงรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยค่า // หมดเขตวันที่ 15 กค. นี้แล้ว~
...
ตอนนี้แบมก็ทำ Youtube Channel ชื่อช่อง Hyebam ด้วยนะคะ เป็นการแชร์เรื่องราวต่างๆ ของแบมในประเทศเกาหลี ไม่ว่าจะเป็น VLOG การทำงาน หรือไลฟ์สไตล์ต่างๆ สำหรับใครที่มีคำถามอะไรเพิ่มเติม สามารถมา Comment ไว้ในช่องได้เลย เร็วๆ นี้จะทำวิดีโอ Q&A ตอบคำถามที่หลายๆ คนสงสัยกัน ฝากทุกคนติดตามด้วยนะคะ~ : )
3 ความคิดเห็น