สวัสดีค่ะชาว Dek-D ใครอยากเรียนต่อประเทศที่ไม่ไกล ได้ฝึกภาษาอังกฤษ และเจอประสบการณ์ครบรส อินเดียนับว่าติ๊กถูกทุกข้อเลยนะคะ เดี๋ยววันนี้จะพาไปรู้จัก “พี่ฟ้า-นันธิดา พรอินทร์” นักเรียนทุนรัฐบาลอินเดีย ที่เรียนจบ ป.ตรี Business Administration (Travel and Tourism) จาก Rosary College of Commerce and Arts ของ Goa University หรือ มหาวิทยาลัยรัฐในเมืองตาเลเกา (Taleigão) ประเทศอินเดีย
จากตอนแรกที่คนรอบข้างไม่เชียร์และเจออุปสรรคระหว่างทางเยอะมากๆ แต่ในที่สุดเธอก็สามารถสมัครทุนนี้สำเร็จ และได้ไปเรียน ป.ตรี ที่ประเทศอินเดีย // เรื่องราวหลังจากนั้นเป็นยังไงบ้าง? ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกไหมนะ? ตามไปอ่านรีวิวกันเลยค่า
เว็บสาขา BA Travel & Tourism1. เรียนสายวิทย์-คณิต แต่ติดใจภาษาอังกฤษทำไงได้!
ต้องเล่า background ก่อนว่า ม.ปลาย ฟ้าเรียนสายวิทย์-คณิต แต่ชอบวิชาภาษาอังกฤษ มีความฝันอยากไปต่างประเทศ รู้จักเพื่อนต่างชาติกับวัฒนธรรมต่างๆ บนโลกค่ะ คิดว่าจุดเปลี่ยนสำคัญๆ น่าจะตอน ม.ต้น มีโครงการที่นักเรียน 1 คนในโรงเรียนจะได้ไปศึกษาดูงานที่สิงคโปร์ ฟ้าลองสมัครแล้วได้ไปจริงๆ หลังกลับจากทริปยิ่งรู้สึกมีไฟฝึกภาษาจริงจัง ส่วนใหญ่ฝึกจาก YouTube แปะโน้ตศัพท์ไว้ตามมุมต่างๆ ที่บ้าน และเคยเป็นตัวแทนจังหวัดศรีษะเกษไปแข่งภาษาอังกฤษที่กรุงเทพฯ ด้วย
ตอนอยู่ไทยฟ้าจะรู้สึกตัวเองโชคไม่ดีและต้องดิ้นรน เห็นเพื่อนเก่งๆ เลือกเรียนวิทย์-คณิตก็เลือกตามเพราะอยากเป็นเด็กห้องเก่ง แต่เรียนไปแล้วก็ไม่มีความสุข ในขณะที่เรื่องการฝึกภาษาอังกฤษเราไม่เคยเหนื่อยเลย พอถึงช่วงที่ต้องคิดเรื่องมหาวิทยาลัย และมีข้อจำกัดเรื่องเงิน ทำให้อยากลองขอทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ
จริงๆ ดูไว้หลายที่ แต่ตัดสินใจเลือก “อินเดีย” เพราะอาจารย์ที่สอนสังคมเค้าเล่าถึงหลานชายที่ไปเรียนต่ออินเดีย ฟ้าฟังแล้วสนุกจนไปหาซื้อหนังสือมานั่งอ่านตามเลย แถมอาจารย์ก็ช่วยซ้ปพอร์ตเต็มที่ ให้หนังสือของอาจารย์เองและยืมหลานมาให้ ทำให้ค้นพบความน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าอินเดียเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ ค่าครองชีพไม่สูง เหมาะกับสายลุย ในขณะที่การศึกษาก็มีคุณภาพและใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่
(ว่าแล้วก็ขอขอบคุณอาจารย์ประสานศรี โรงเรียนไพรธรรมคุณวิทยา มา ณ ที่นี้ด้วยค่า)
2. ขั้นตอนไม่ยาก แต่กว่าจะเป็นเด็กทุน ไม่ง่าย
อย่างที่รู้กันว่าคนไทยเรามักได้ยินชื่อเสียงของประเทศอินเดียในแง่ลบ คนเราข้างเราก็มีทั้งไม่เข้าใจ เป็นห่วง ไม่เชียร์ให้ไปเท่าไหร่ ฟ้าเลยต้องมั่นคงกับจุดยืนและพยายามมากเป็นพิเศษ สุดท้ายก็เป็นเรื่องที่รู้สึกคิดถูกและภูมิใจกับตัวเองที่สุดในชีวิต จบมาแบบไม่มีหนี้ติดพัน แล้วยังได้ภาษา ได้คอนเน็กชัน เพิ่มโอกาสหางานอีกเยอะมากๆ
ข้อดีของทุนรัฐบาลอินเดียคือเรียนมหาวิทยาลัยรัฐฟรี ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด มีเงินให้ใช้จ่ายเป็นรายเดือนประมาณครั้งละ 18,000 รูปี (≈ 8,000 บาท) ตอนนั้นฟ้าไปอยู่หอพักรวมของมหาวิทยาลัย อาหารและของใช้ที่ต้องซื้อก็ราคาไม่แพง แทบจะเก็บเงินทั้งหมดไว้เที่ยวอย่างเดียวได้เลย
ประสบการณ์ขอทุนก็เรียกว่าสู้ชีวิตตั้งแต่ขั้นตอนส่งเอกสาร อย่างแรกคือต้องมีใบตรวจสุขภาพ ฟ้าอยู่ต่างจังหวัด จำได้ว่าไปหลายโรงพยาบาลกว่าจะเจอที่เค้าสามารถช่วยออกเอกสารสำหรับการคนที่ขอทุนได้ เพราะเป็นเคสที่เค้าไม่ค่อยเจอ
และอีกปัญหานึงคือ Recommendation Letter ฟ้าเกือบหาครูที่จะเขียนให้ไม่ได้ เพราะเขาอยากให้เรากลับไปตัดสินใจใหม่ดีๆ จะไปประเทศนี้จริงเหรอ (ร้องไห้เลยตอนนั้น TT) จนมาให้ครูสังคมที่เล่าเรื่องหลานชายช่วยเขียนฉบับภาษาไทยให้ แล้วเราเอามาแปลเป็นภาษาอังกฤษ + เอาไปให้อาจารย์เซ็นรับรองค่ะ
นอกจากนี้คือฟ้าพยายามปรึกษาอาจารย์กับรุ่นพี่ทุนอินเดียด้วย อย่างครั้งนึงก็ไปคุยกับพี่หนิงที่บูทปรึกษารุ่นพี่งานแฟร์ Dek-D ซื้อแนวข้อสอบมานั่งทำ เข้ากรุงเทพฯ มาสอบข้อเขียน และผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์ สำหรับเรื่องการสอบคิดว่าไม่ยากถ้าเตรียมตัวมาดีและมีเป้าหมายชัดเจน
3. Go to 'Goa' เมืองปาร์ตี้ติดทะเล
ในใบสมัครทุน จะให้เลือกสาขาและมหาวิทยาลัยที่ต้องการไปเรียนต่อ 3 ที่ค่ะ ฟ้าเริ่มเสิร์ชหาข้อมูลว่าเมืองไหนปลอดภัยและเหมาะกับการไปเรียนต่อบ้าง และเลือกสาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรมทั้ง 3 มหาวิทยาลัยในรัฐบังกาลอร์ (Bengaluru), ปูเณ่ (Pune) และโกอา/กัว (Goa)
ผลคือติดทั้ง 3 ที่ คือจริงๆ ใจเราได้หมด แต่มาเลือกที่ Goa University ที่รัฐโกอาค่ะ
- โกอา หรือ กัว เป็นรัฐที่เล็กที่สุดในอินเดีย และอยู่ติดทะเล (นั่งรถ 20 นาทีถึง) บรรยากาศคล้ายๆ จ.ภูเก็ต หรือ จ.กระบี่ ของบ้านเรา เป็นจุดหมายฮิตที่ชาวอินเดียหรือชาวต่างชาติชอบมาเที่ยวและปาร์ตี้
- ด้วยความที่ชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวเยอะ คนที่นี่จะไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษติดสำเนียงอินเดียเท่าไหร่
- ปัจจุบันยังมีกลิ่นอายของศิลปะ ภาษา และวัฒนธรรมของโปรตุเกสอยู่ด้วย เพราะครั้งหนึ่งเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสประมาณ 400 กว่าปี และได้รับเอกราชในปี 1961
- ในเมืองมีคนอัฟกานิสถานเยอะมาก เราได้เรียนรู้หลายอย่างจากพวกเขาค่ะ แล้วโชคดีมากที่เขาเองก็ชอบคนไทยเหมือนกัน
4. ปรับตัวกับเรื่องภาษา การใช้ชีวิต และวิธีเรียนที่ไม่คุ้นเคย
ช่วงแรกที่มาถึงก็เจอ homesick คิดถึงบ้าน แล้วเจอรสชาติความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องจัดการหลายๆ ด้วยตัวเอง (อันดับแรกที่ต้องทำคือไปเปิดบัญชีธนาคารกับออกใบเช่าบ้านก่อนนะคะ)
ฟ้าเลือกโปรแกรม ป.ตรี Business Administration (Travel and Tourism) โดยรวมคิดว่าเป็นการเรียนที่หนัก แต่วิชาเรียนสนุกเยอะ ป.ตรี เรียน 3 ปี แต่จะมีช่วงปิดเทอมสั้นๆ 10 วัน ตอนฟ้าเรียนมีตั้งแต่ 8.00-14.00 น. หยุดแค่วันอาทิตย์ แต่วันหยุดนักขัตฤกษ์คือฉ่ำมากกก!! บางทีตามไม่ทันว่าช่วงนี้คนเค้ากำลังทำอะไรบ้าง
วิชาเรียนประมาณไหน?
ภาพรวมปีแรกเป็นพื้นฐาน กับสถานที่ท่องเที่ยวในโกอา พอปี 2 ถอยออกมาเป็นภาพใหญ่ขึ้น เรียนสถานที่ท่องเที่ยวในอินเดีย และปี 3 จะมีให้เลือกลงไปอีก
มีวิชาแนว Soft Skills เช่น จิตวิทยาการบริการ (พอมาทำงานจริงต้องใช้เยอะมาก) หรือวิชาบริหารจัดการเวลา นอกจากนี้ฟ้ามีลงเรียนภาษาโปรตุเกส (ตอนปี 2) กับเยอรมัน (ตอนปี 3) เรียนเป็นขั้นพื้นฐาน ชอบนะแต่รู้สึกยากมากจริงๆ งานกลุ่มกับพรีเซนต์เยอะเหมือนกัน
รูปแบบการเรียนเป็นยังไงบ้าง?
ส่วนใหญ่อาจารย์จะเปิด VDO ให้ดูประกอบการสอน หรือบางวิชามีพาไปดูสถานที่จริง เช่น ฟ้ามีโอกาสได้ดูบ้านโปรตุเกส โบสถ์ศาสนาคริสต์ ฯลฯ ในวิชาประวัติศาสตร์
ฟ้าคิดว่านักเรียนไทยมักจะเจอปัญหาคล้ายกันคือติดเขิน ไม่ค่อยกล้าแสดงออก เพราะตอนเรียนที่อินเดีย ลงเรียน 7 วิชาต่อปี มีพรีเซนต์เกือบ 30 ครั้ง และเป็นคะแนนกลุ่ม ถ้าเตรียมตัวมาไม่ดีอาจส่งผลกับคะแนนของเพื่อนๆ ได้ค่ะ
5. นอกคลาสไม่มีคำว่าเบื่อ
- ทางทุนจะมีช่วงที่จัดกิจกรรม Summer Camp และ Winter Camp มีให้เลือกหลายที่ เช่น มุมไบ (Mumbai), บังกาลอร์ (Bengaluru) ฯลฯ ฟ้าเลือกไป “มะนาลี” (Manali) ได้แต่งชุดส่าหรี่ และอีกที่คือ “ชิมลา” (Shimla) อากาศหนาวแต่สวยเวอร์ๆ ทั้งหมดนี้ฟรีหมดทั้งค่ารถ ค่าเที่ยว และอื่นๆ ได้เจอเพื่อนหลายเมืองหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย อียิปต์
- เป็นมหาวิทยาลัยที่สนับสนุนความสามารถแต่ละคนเต็มที่ เปิดโอกาสให้ทำสิ่งที่ชอบ เช่น ประกวดเพนต์เล็บ แต่งชุดประจำชาติ ร้องเพลง วาดรูป ฯลฯ และจะมีกิมมิกเล็กๆ ตามเทศกาลให้เราทำสนุกๆ เช่น วันฮาโลวีน (Halloween) เดรสโค้ดคือแต่งชุดผีไปโรงเรียน ไม่ต้องใส่ยูนิฟอร์ม
- เพื่อนคอยช่วยกันตอนเรียนตลอด พอนอกคลาสก็ชอบชวนกันไปเที่ยวน้ำตก ทะเล (โกอาคือเมืองปาร์ตี้ริมทะเล) หรืออาจจะชวนทำอาหาร แต่งชุดประจำชาติอินเดีย ฯลฯ
6. ฝึกงานจังหวะโควิดระบาด!
ตอนเรียนฟ้ามีโอกาสได้ฝึกงานกับอาจารย์ที่เขาจัดตั้งธุรกิจ Travel Agency แต่พอเจอช่วง COVID-19 ธุรกิจก็เลยเงียบๆ อาจารย์ก็เลยมอบหมายหัวข้อให้เราไปค้นคว้าช่วงฝึกงาน เช่น ขั้นตอนสำหรับคนอินเดียที่อยากมาเที่ยวไทย หรือชาวต่างชาติที่อยากเที่ยวอินเดีย เป็นต้น
7. การทำงานโรงแรมหลังจบ
คนที่จบสายนี้ไปต่อยอดได้หลากหลายสายงานมาก มีทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ที่ไปทำงานโรงแรม แอร์โฮสเตส หรือทำงานในประเทศที่น่าสนใจ เช่น ดูไบ บาห์เรน อเมริกา ฯลฯ
และตอนนี้ฟ้ากลับไทยมาแล้วค่ะ ปัจจุบันทำงานเป็น Receptionist ที่โรงแรมแห่งนึงในย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ สนุกเพราะเป็นงานที่ได้เจอชาวต่างชาติเยอะ และท้าทายตรงที่เราไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ที่จะเจอแต่ละวันได้ ต้องทำงานแบบใจเย็น รอบคอบ พยายามสังเกตและจดจำ เตรียมรับมือกับงานลูกค้าที่หลากหลาย ฝึกฝนจากประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ค่ะ
8. #รีวิวอินเดีย แบบจุ่ม!!
สามปีเจอประมาณสามพันเรื่อง
- ประเทศอินเดียมีเสน่ห์ ถ้าชอบก็ชอบสุดๆ หรือไม่ก็ตรงกันข้าม ถ้าเกิดอยู่อย่างสะดวกสบายมาก่อนอาจต้องปรับตัวเยอะ
- ความหลากหลายสูง ร้อยพ่อพันแม่ ทำให้ข่าวแง่ลบมากตามไปด้วย หลักๆ ที่อยากให้ระวังคือตอนเที่ยวคนเดียว เราอาจไม่ได้รู้สึกเหมือนมาคนเดียว แทบทุกที่เราจะเจอขอทาน คนไร้บ้าน เด็กเดินตามดึงแขนจับมือ อาจเจอตามตลาด ตอนนั่งกินข้าว หรือเจอพวกเขานอนตามที่สาธารณะ
- ความเหลื่อมล้ำในสังคมยังชัดเจน คนที่ได้เรียนจะมีฐานะกลางๆ ไปจนถึงฐานะดี เท่าที่สังเกตคนที่รวยก็รวยสุด คนลำบากก็สุดอีกเหมือนกัน ทุกอย่างต้องสู้เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น เป็นเหตุผลนึงที่อยากเตือนให้ทุกคนระวังทรัพย์สินและการถูกเอาเปรียบ ถึงจะเป็นคนใกล้ตัวก็อย่าไว้ใจมากเกินไป พยายามเก็บหลักฐานเกี่ยวกับเงินไว้เพื่อเซฟตัวเอง
- เรื่องอาหารอินเดีย ถ้าใครชอบทานเนื้อไม่ต้องกังวล ส่วนใหญ่คนเมืองโกอาจะนับถือศาสนาคริสต์ มีขายทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว และอาหารทะเลทั่วไปเลย // เท่าที่อยู่มา 3 ปี เราว่าอาหารที่เมืองโกอาสะอาด แค่อาจจะไม่ได้เน้นตกแต่งหน้าตาอาหารให้สวยงาม
- เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนอาจต้องแยกกันเข้าร้านอาหาร เพราะเงื่อนไขต่างกัน เช่น มีทั้งเพื่อนที่เป็นมังสวิรัติ (Vegetarian), บางคนทานอาหาร Vegan หรืออย่างเราอยู่หอแล้วเจอแต่ผักจนเอียน ถ้าได้ไปข้างนอกก็จะหาเนื้อสัตว์บ้าง (เมนูแปลกใหม่สุดที่เคยทานคือข้าวหมกแกะ)
- หนังอินเดีย เราว่าสนุกถึงจะฟังไม่ออก ไม่ใช่แค่เล่นถึง เราว่าเล่นเกินมากกว่า ร้องเพลงกับเต้นทั้งเรื่อง (โรงหนังอินเดียมีพักเบรกด้วยนะ)
- คนอินเดียก็ชอบดาราไทยกันเยอะ ถ้าอยากหาหัวข้อคุยเพื่อเมกเฟรนด์ ลองชวนคุยเรื่องนี้ได้
- ที่อินเดียเจอวัวเป็นปกติ แล้วไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่าชีวิตนี้ฟ้าจะเจอวัววิ่งไล่มาจนเกือบชน แต่ตอนนั้นยกกระเป๋ามากันไว้ทันแบบหวุดหวิด (รับบทมาทาดอร์) แล้วเจ้าของวัวก็มาพากลับไป
- ข้ามถนนที่อินเดียต้องใจกล้า ก้าวเท้าอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะถ้ายืนรอดูเหมือนเขาจะไม่มีทางหยุดให้เลย แต่ถ้าครั้งไหนมีเพื่อนก็อุ่นใจ สามารถให้เขานำได้
- เคยเจอมอเตอร์ไซค์ขับตาม เค้าจอดเทียบข้างๆ แล้วถามว่า “กางเกงซื้อที่ไหน?” // ตกใจหมด!!
- เวลาไปชอปปิง แนะนำให้พาเพื่อนอินเดียไปด้วย แล้วจะเห็นทักษะการเจรจาต่อรองราคาระดับแอดวานซ์
0 ความคิดเห็น