สวัสดีค่ะ น้อง ๆ เด็กแอดมิชชั่นทุกคน ตอนนี้พอมานั่งนับ ๆ ดูแล้วเหลือเวลาอีกแค่ 7 เดือนเท่านั้นนะคะ สำหรับการเตรียมตัวเพื่อสอบ GAT PAT และนำไปเป็นคะแนนแอดมิชชั่น โดยรอบแรกจะสอบเดือนธันวาคม ส่วนรอบที่ 2 จะสอบเดือนมีนาคมปีหน้าค่ะ
... พี่แป้งเชื่อว่ามีน้อง ๆ จำนวนไม่น้อยเลยที่ยังไม่ได้เริ่มอ่านหนังสือ เพราะว่ามัวแต่คิดว่ายังมีเวลาเหลืออีกเยอะ น้อง ๆ ต้อง "หยุด" เถลไถลได้แล้วนะคะ อะไรบ้างที่เด็กแอดฯจะต้องหยุดก่อนเพื่อเตรียมตัวแอดมิชชั่น พี่แป้งมีคำตอบให้ค่ะ
>> หยุดบอกว่า "ไม่มีเวลา"
การที่เรามัวแต่พร่ำบอกตัวเองว่าเราไม่มีเวลา เอาเวลาจากไหน ไหนละเวลาอ่านหนังสือ ถ้าให้พูดตรง ๆ เลยมันก็เป็น "ข้ออ้าง" ของคนที่ขี้เกียจอ่านหนังสือนั่นเองค่ะ เหมือนกันว่าเรารู้อยู่แล้วว่ายังไงเราก็ต้องอ่านหนังสือ แต่เรากลับเอาข้ออ้างเรื่องเวลามาทำให้เราไม่อ่าน มันก็จะยิ่งเสียเวลาเข้าไปอีกนะคะ เด็กแอดฯทุกคนมีเวลาเท่ากัน ถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ ถ้าเกิดว่าน้อง ๆ ยังมองภาพเวลาของตัวเองไม่ออก พี่แป้งแนะนำว่าให้ลองนั่งลิสต์ดูว่า ใน 24 ชั่วโมงของเราเราเอาเวลาไปทำอะไรบ้าง นอนกี่ชั่วโมง อาบน้ำ กินข้าว ไปเรียน เดินทาง แล้วน้อง ๆ จะเห็นเวลาที่เหลือ ซึ่งมากพอให้อ่านหนังสือเตรียมสอบสบาย ๆ เลยค่ะ
>> หยุดคิดว่า "ฉันทำไม่ได้"
มันเป็นความคิดแบบลบสุดขั้วเลยนะคะ กับการที่บอกตัวเองว่า "ฉันทำไม่ได้หรอก" หยุดค่ะ หยุดความคิดนี้เลยถือว่าพี่แป้งขอละกันเนาะ มันเป็นความคิดที่ทำให้เราเริ่มต้นกับอะไรไม่ได้เลยนะคะ เปลี่ยนความคิดใหม่เป็นว่า "ฉันต้องทำได้" ... พี่แป้งเคนเจอเคสน้องคนนึงที่ว่าไม่สนใจเรียนเลยจนคุณพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจเพราะเครียดมากเกินไป น้องเขาเห็นแบบนั้นเลยพยายามมากเพื่อสอบเข้าหมอ ตอนนี้ก็ได้เรียนแพทย์สมใจไปแล้วค่ะ ถ้าเกิดน้อง ๆ มัวคิดว่าทำไม่ได้และไม่ได้ทำอะไรเลย ภาพที่น้อง ๆ ฝันไว้ว่าจะได้เรียนคณะนั้นคณะนี้มันก็ไม่มีวันเป็นจริงขึ้นมาหรอกนะคะ
>> หยุดโลก "โซเชียล" สักพัก
โลกโซเชียลเป็นอะไรที่ดูดและสูบเวลาในการอ่านหนังสือมากมาเลยค่ะ เหมือนกับว่าถ้าได้เริ่มเข้าไปแล้วออกมายากมาก จะต้องมีสเตตัสนั้น เม้นท์กับคนนี้ เม้าท์กระทู้โน้น มันก็จะไม่รู้จักจบจักสิ้น เริ่งจาก Facebook ก็จะลามไปที่ IG Twitter BB และสื่ออื่น ๆ ไปอีก ก็ไม่จบสักที เพราะฉะนั้นหันไปมองโซเชียลทั้งหลายแล้วบอกเลยค่ะว่า ... ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก ... แล้วก็ใช้สื่อให้เป็นประโยชน์แทนค่ะ เข้าได้แค่เอาไว้ตามข่าวรับตรง แอดมิชชั่น การสอบอะไรก็ว่าไป เมื่อทรายข่าวแล้วก็ปิด ถ้าทำใจเก็บไม่ได้ก็เอาเครื่องมือสื่อสารฝากไว้กับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ค่ะ ไว้อ่านเสร็จค่อยกลับมาเข้าโซเชียลดีกว่าเนาะ
>> หยุด "เที่ยว" แบบไร้สาระ
เที่ยวแบบไร้สาระคืออะไร คือการเที่ยวที่เราเสียเวลาเปล่า ๆ โดยไม่ได้ความสุขหรือพลังกลับมาเลยค่ะ คนเราแต่ละคนมีการหาความสุขที่แตกต่างกัน แต่ว่า!! ช่วงเวลาของการเตรียมสอบแอดมิชชั่นเหลืออีกแค่ปีเดียวเอง หยุดเที่ยวกันก่อนดีกว่ามั้ย? เอาเป็นว่าให้ตั้งใจเลยว่าถ้าเราทำได้แล้วค่อยเที่ยว ลดการเที่ยวเดินห้าง ดูหนัง โยนโบว์ ร้องเกะ กันไปก่อน อาจมีบ้าง นาน น๊านนนนนน ครั้ง เพื่อเป็นการผ่อนคลาย แต่ว่าขอให้เอาเวลามาเต็มที่กับการเตรียมตัวสอบเข้าก่อน ถ้าสอบติดแล้ว อยากเที่ยวไหนเที่ยวโลด สมัยพี่แป้งก็สอบก็งดเที่ยวเลยเหมือนกันค่ะ พอสอบติดเท่านั้นแหละ ไปตั้งกะเชียงใหม่ยันภูเก็ตเลย 555+
>> หยุดโทษ "โชคชะตา" เรื่องความเก่ง
พี่แป้งเชื่อว่ามีน้อง ๆ จำนวนไม่น้อยเลยที่คิดว่า เราโง่ เราไม่เก่ง เราไม่ฉลาด จะไปสู้อะไรคนอื่นเขาได้ แล้วทำไมเราต้องโทษโชคชะตาที่ทำให้เกิดมาเป็นแบบนี้หล่ะคะ คนเก่งต่อให้เก่งแค่ไหนก็แพ้คนขยันนะคะ ไม่ว่าเราจะเป็นแบบไหนถ้าเราขยันพอพี่แป้งว่าอะไรก็ทำได้ค่ะ คนเราจะเก่งก็ต้องมีการฝึกฝน มีประสบการณ์เพิ่มพูนความรู้ ถ้าเรารู้ตัวว่าเราอ่านเท่าไหร่ก็ไม่จำ เราก็ต้องขยันมากกว่าเดิมเพื่อให้จำให้ได้ คอนเซปต์มันก็มีแค่นี้เองค่ะ โชตชะตา หรือจะสู้ ลิขิตตน ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาแล้วเรามองอดีตว่าเราพยายามไม่พอ อันนั้นนี้เจ็บกว่าพยายามตอนนี้อีกนะคะ สู้ ๆ
>> หยุด "ตามเพื่อน" เพราะกลัวเรียนไม่ได้
ไม่รอดมาหลายรายแล้วค่ะกันคนที่คิดอะไรไม่ออกก็ "ตามเพื่อน" หยุดเลยค่อขอร้อง คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน มีความชอบและความถนัดต่างกัน การที่เราบอกว่าเพื่อนไปไหนไปด้วยดีกว่าจะได้ไม่เสียเพื่อนและจะได้เรียนรอดด้วย การเรียนมหา'ลัยนั้นต่างจากม.ปลายนะคะ เนื้อหาจะเป็นแบบเฉพาะของแต่ละสาขานั้น ๆ ถ้าเราไม่ชอบฝืนใจเรียนเท่าไหร่ก็ไม่รอดค่ะ เลือกเรียนในสิ่งที่เราอยากเรียนจริง ๆ ดีกว่าค่ะ เมื่อเข้ามหา'ลัยไปก็จะได้เพื่อนที่สังคมนึง ส่วนเพื่อน ๆ ม.ปลายก็จะยังไม่หายไปไหน มีเพื่อนหลาย ๆ ระดับดีจะตาย ทั้งเพื่อนมหา'ลัย เพื่อนม.ปลาย เพื่อนประถม และยิ่งสมัยนี้มีโซเชียลไว้ติดต่อกันหลายทาง รับรองไม่ทิ้งกันแน่ค่ะ ^_^
>> หยุด "รับ" กิจกรรมทุกอย่างไว้คนเดียว
การเรียน ม.6 แน่นอนว่ากิจกรรมส่วนใหญ่จะตกมาที่พี่ใหญ่สุดของโรงเรียนอย่าง ม.6 แน่นอน ซึ่งเราจะทำตัวเป็นแม่พระพ่อพระเพื่อรับทุกกิจกรรมมาไว้กับตัวไม่ได้นะคะ เพราะจะทำให้เราไม่มีเวลาในการเตรียมตัวสอบเลย พี่แป้งแนะนำว่าให้แบ่ง ๆ กันรับผิดชอบไปคนละกิจกรรมดีกว่าเนาะ จะได้มีเวลาในการเตรียมงาน ทำการบ้าน และก็เตรียมตัวสอบด้วย เป็นเด็กแอดฯมันเหนื่อย แต่ถ้าเราแบ่งเวลาเป็นและเลือกรับกิจกรรมที่เราไหวมันก็ไม่เหนื่อยอย่างที่คิดค่ะ ช่วงเวลาของ ม.6 เป็นช่วงเวลาที่สนุกและผูกพันกันมาก เพราะเราต้องร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน ทั้งเรียน ทั้งกิจกรรม ทั้งเตรียมสอบ เรียกได้ว่าครบรส
>> หยุด "โลเล" เปลี่ยนใจ ไม่มีทิศทาง
อาการโลเลในความหมายนี้ก็คือว่า เลือกไม่ได้สักทีว่าอยากจะเรียนอะไร คณะนั้นก็อยากเรียน คณะนี้ก็ใช่ คณะโน้นก็น่าสนใจ สรุปเลยไม่มีทิศทางสักทีว่าจะไปทางไหน หยุดอาการนี้แล้วตั้งเป้าไปเลยค่ะว่าจะเข้าคณะไหน เพราะว่าถ้ายังโลเลอยู่ น้อง ๆ จะต้องอ่านหนีงสือแบบหว่านแห่มากเลยค่ะ อ่านทุกอย่างเพื่อจะได้สอบทุกอย่างที่อยากเข้า แล้วสุดท้ายมันจะไม่ได้ดีสักอย่าง เด็กแอดฯก็เป็นเด็กคนนึง ไม่ใช่เครื่องจักร อ่านหนังสือมากก็เบลอนะคะ เลือกมาสักทาง เลิกโลเล แล้วลุยไปให้เต็มที่ดีกว่าค่ะ
ถ้าทำตามได้ครบทั้ง 8 ข้อ แต่ว่าไม่ "อ่านหนังสือ" ก็จบเหมือนกันนะคะ ก็เท่ากับว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย การหยุดทั้ง 8 สิ่งที่ว่าก็เพื่อที่จะให้น้อง ๆ อ่านหนังสือหรือเรียนพิเศษให้เต็มที่ ยังไงก็ ม.6 แล้ว เหลือเวลาน้อยจริง ๆ ค่ะ ส่วนน้อง ๆ เด็กแอดฯรุ่นอื่นก็เริ่มเตรียมตัวได้แล้วนะคะ เวลาและวารีไม่ยินดีจะคอยใคร เดี๋ยวอีกแป๊บเดียวก็จะวนมาถึงรุ่นตัวเอง อ่านไม่ทันนี่จบเลยนะคะ ก่อนจะไปอยากให้น้อง ๆ แชร์กันว่า "วิธีไหนที่อ่านหนังสือแล้วเจ๋งที่สุด!!" เม้นลงในคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยค่ะ เราจะไปด้วยกันเนาะ เด็กแอดฯ 57 .....
.
47 ความคิดเห็น
1. ปิดมือถือ
2. ปิดคอม
3. ปิดไวไฟ สามจี สี่จี หรือแม้กระทั่งฟรีอินเตอร์เน็ตก็ไม่ต้องเชื่อมต่อ!
4. ปิดทีวี
ถ้าทำได้ครบทุกอย่าง รับรองว่าอ่านหนังสือสอบได้ชิลๆค่ะ :D #โดนถีบ
ปล. แต่มันได้ผลจริงๆนะ 555+
1.นั่งอ่านบนโต๊ะคอม
2.เปิดคอมเปิดเพลงฟังคลอเบาๆ
3.หาของกินมาเตรียมไว้ไม่ให้ท้องว่าง+น้ำเย็นๆพร้อมน้ำแข็ง
4.แล้วก็ตั้งใจอ่าน อ่านให้เข้าใจไม่ใช่ท่องจำ แล้วสรุปสิ่งที่อ่านออกมา
ปล.เราอ่านแบบนี้มาตลอดแล้วรู้สึกว่ามันช่วยเราได้เยอะมาก
เพราะปกติเราอ่านแบบจริงจังแล้วสักพักจะรู้สึกง่วงนอนรู้สึกเบื่อ
แต่พอเราลองอ่านแบบสบายๆเรากลับไม่รู้สึกง่วงหรือเบื่อเลย
ปิดคอม
ปิดโทรศัพท์
ปิดทุกอย่างที่ไร้สาระ
แล้วก็ปิดไฟ นอน
ก่อนอ่าน งีบสัก 30 นาที
พอตื่นขึ้นมาแล้วจะทำให้สอมงตื่นตัว ไม่ง่วงง่าย จากนั้นตั้งใจอ่านหนัง
หากระดาษมาจดส่วนที่เรารู้สึกว่า "อ๋อ!!!" อธิบายออกมาเป็นภาษาของเรา
ถ้าอ่านอันไหนยังไม่เข้าใจ เข้าไปหาคำตอบที่ Google เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่า
ไม่ได้อ่านแค่ในหนังสืออย่างเดียว แต่สำหรัยคนที่ติดคอม วันไหนไม่ได้เปิดรู้สึกจะตาย
วิธีนี้น่าจะช่วยได้ ไม่เป็นการหักดิบด้วย
1. ลิสต์รายการที่จะอ่านในวันนั้นๆ เวลา พักกี่นาที ฯลฯ(ของเราวิชาละ 3-4 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย ส่วนวิทย์ คณิต วิชาที่ยากก็ 5-7 ชั่วโมง)
2.หาของกิน ขนม น้ำบลาๆๆๆ(เอานิยาย ไอพอด โทรศัพท์ ของล่อใจต่างๆไปซ่อนหรือฝากพ่อแม่)
3.หาห้องเงียบๆ(ของเราเป็นห้องนอน)เตรียมหนังสือวิชาที่จะอ่าน(ตามลิสต์)มา กับกระดาษแล้วก็ปากกาสี เมจิก
4.อ่านตามเวลาเลย อ่านแล้วกินพร้อมขนมเหมือนอ่านนิยายก็ได้.. พยายามอย่านอนอ่าน เดี๋ยวง่วง
5.สรุปเนื้อหาที่จะอ่านคร่าวๆเป็นMind mapping แล้วเช็คกับในหนังสือ แก้ส่วนที่ผิด
6.อ่านทบทวนอีกรอบ
ขอบคุณนะค่ะพี่แป้ง
ดิฉันเป็นเด็นแอดฯ57ค่ะ
ได้รับรู้ดิฉันจะนำไปปรับใช้อย่างรวดเร็วนะค่ะ
กินไปอ่านไป
กินอาหารบำรุงสมอง
เราไม่แน่ใจจะได้ผลรึป่าว แต่เราทำแล้วได้ผล
(ได้ผลดีสุดตอนช่วงใกล้สอบสำหรับเราอ่ะ)
อ่านเสร็จก่อนนอนก็เช็คเมลล์ ประมาณนั้น
1.อ่านเสร็จทำข้อสอบ
2หาอะไรเคี้ยวอยู่ในปากจะได้ไม่ง่วงนอน เช่น อมลูกอม หรือกินผลไม้ก็ได้จะได้ไม่อ้วน
3แยกสมุดแต่ละวิชา และ สรุปแต่ละเรื่องที่เราอ่านลงสมุด
4.หาพวกแรงบันดาลใจ หรือ เรื่องที่เราไม่ได้แปะไว้บนโต๊ะ หรือ ที่ๆเราเห็น จะได้สร้างแรงบันดาลใจ และจำเรื่องที่เราไม่ได้ได้
5.อย่าเลิกล้มความตั้งใจ ต้องบอกว่าเราต้องทำให้ได้
เด็ก ม.6 สู้ๆๆ อีกแค่ไม่ถึงปี เราก็ป็นคนหนึ่งที่จะพร้อมสู้ไปกับพวกเธอ
1.อ่านแบบผ่านๆรอบ1
2.อ่านรอบ2แบบละเอียดแล้วขีดเส้นใต้ส่วนที่สำคัญ
3.เขียนสรุปเนื้อหาที่อ่านเพราะถ้าอ่านอย่างเดียวมันจำได้ไม่นาน ถ้าเขียนสรุปด้วยก็เหมือนได้อ่านอีกรอบนึง
4.ของเราเราจะอ่านหนังสือเรียนติดต่อกันสัก 2 ชั่วโมงแล้วหยุดพักไปทำสิ่งที่อยากทำ(อ่านการ์ตูน เล่นเกม อะไรก็ว่าไป)สักแปปแล้วมาอ่านต่อเพื่อที่จะได้ไม่เบื่อเสียก่อน
5.ไม่อ่านตอนที่รู้สึกล้าเพราะมันจะจำไม่ค่อยได้ เราจะชอบตื่นมาอ่านตอนดึกๆมากเพราะมันเงียบสงบและมีสมาธิดี
ของเราก็มีเท่านี้ เราว่าจะอ่านแบบไหนก็ได้ทั้งแหละขอให้ทำข้อสอบได้กันก็พอแล้ว
ดังนั้นก็ตั้งใจอ่านกันนะทุกคน คณะที่อยากเข้ารอเราอยู่
ผ่านฉลุย
ตอบ ไม่ต้องเอาไรมากครับ ขอแค่เริ่มอ่านได้ก็พอ เพราะส่วนใหญ่แล้วเรามักจะคิดว่า ตอนนี้ยังไม่มีรมณ์อ่าน อ่านไปก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าหัว ขี้เกียจ ไว้ค่อยมีอารมณ์ก่อนค่อยอ่าน
และอีกอย่าง อ่านให้เป็นนิสัย อ่านทุกวัน เพราะสมองกินพฤติกรรมความเคยชินเป็นอาหาร
อะไรที่ทำเยอะๆ บ่อยๆ ก็จะชินไปเองไม่ต้องใช้ความพยายามมาก อ่านบ่อยๆทุกวันไม่มีข้อยกเว้น เราก็จะเสพติดการอ่านหนังสือไปโดยปริยาย :)
ส่วนเรื่องเทคนิคต่างๆ คงจะมีคนพูดมามากแล้ว ผมขอแค่นี้ละกันครับ