คณะเภสัชฯ เป็นคณะที่มีการเปิดรับนอก กสพท ด้วย จำนวนที่นั่งในมหาวิทยาลัยที่เปิดรับก็ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งการรับในรอบนี้ ใช้เกณฑ์แตกต่างจากการรับใน กสพท โดยไม่มีการใช้ TPAT1 แต่จะใช้ TGAT และ A-Level 5 วิชา

หลังจากที่คะแนน TGAT ออก น้องๆ หลายคนก็คงอยากรู้ว่า ได้คะแนนเท่านี้จะเอาไปยื่นคณะอะไรได้บ้าง หรืออย่างเภสัชฯ ต้องใช้คะแนน TGAT มั้ย วันนี้พี่มิ้นท์ได้สรุปมาให้พร้อมกับคะแนนย้อนหลังปีก่อน และคาดการณ์คะแนนที่ควรจะทำได้ ไปดูกันเลยค่ะ

ต้องทำ TGAT, A-Level เท่าไหร่ ถึงจะมีโอกาสสอบติดเภสัชฯ รอบ Admission
ต้องทำ TGAT, A-Level เท่าไหร่ ถึงจะมีโอกาสสอบติดเภสัชฯ รอบ Admission

อยากติดเภสัชฯ รอบ Admission ต้องทำ TGAT ได้เท่าไหร่  

เกณฑ์ค่าน้ำหนักคณะเภสัชศาสตร์ รอบ Admission (นอก กสพท) อ้างอิงปี 66

เภสัชศาสตร์ ม.มหิดล

TGAT20% + คณิต1 20% + ฟิสิกส์ 13% + เคมี 14% + ชีววิทยา 13% + อังกฤษ 20%

เภสัชศาสตร์ ม.ขอนแก่น, ม.ธรรมศาสตร์, ม.ศิลปากร, มศว, ม.สงขลานครินทร์, ม.มหาสารคาม, ม.นเรศวร, ม.พะเยา

TGAT20% + คณิต1 20% + อังกฤษ 20% + วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์ + เคมี + ชีววิทยา) 40%

มาตั้งเป้าคะแนนกัน

วิธีการดูง่ายๆ คือ จำนวนเปอร์เซ็น คือ คะแนนเต็มของวิชานั้น เมื่อแปลงตามค่าน้ำหนักแล้ว

ดังนั้นจากเกณฑ์ข้างต้น วิชา TGAT, คณิต 1, ภาษาอังกฤษ ทุกมหาวิทยาลัย มีค่าน้ำหนัก 20% เท่ากับมีคะแนนเต็มอยู่ที่วิชาละ 20 คะแนน (ถ้าสอบได้ 100 คะแนนเต็ม จะได้ 20 คะแนนเต็ม, สอบได้ 50 คะแนน จะได้ 10 คะแนน)

ซึ่งสูตรน้องๆ ลองคะแนนโดยตั้งเป้าคะแนนล่วงหน้าได้ 
โดยใช้สูตร
 (ค่าน้ำหนักวิชา A ÷ คะแนนเต็มวิชา A) x คะแนนที่ทำได้ A  = คะแนนวิชา A ตามค่าน้ำหนัก

ตัวอย่าง จะเข้า เภสัช ม.ธรรมศาสตร์ 

เกณฑ์ TGAT20% + คณิต1 20% + อังกฤษ 20% + วิทย์ (ฟิสิกส์+เคมี+ชีววิทยา) 40%

ตั้งเป้าว่าจะทำคะแนนให้ได้ดังนี้ 

TGAT 50 คะแนน, คณิต1 40 คะแนน, อังกฤษ 60 คะแนน, วิทย์รวม 3 วิชา 150 คะแนน  
 

ย้ำสูตร (ค่าน้ำหนัก ÷ คะแนนเต็มของวิชา) x คะแนนที่ทำได้ = คะแนนที่แปลงตามค่าน้ำหนัก

  • TGAT=(20 ÷ 100) x 50 = 10 คะแนน
  • คณิต1 = (20 ÷ 100) x 40 = 8 คะแนน
  • อังกฤษ=(20÷ 100) x 60 = 12 คะแนน
  • วิทยาศาสตร์=(40 ÷ 300) x 150 = 20 คะแนน

รวม คะแนนที่จะทำได้ในคณะเภสัชฯ ม.ธรรมศาสตร์ คือ 50 คะแนน

ทีนี้มาลองดูคะแนนต่ำสุดของ TCAS66 กัน!

คะแนนต่ำสุด คณะเภสัชศาสตร์ ในรอบ Admission TCAS66  

  • เภสัช ม.มหิดล
    • ต่ำสุด 58.1870  ต่ำสุด 64.9882
  • เภสัช ม.ขอนแก่น
    • ภาคปกติ ต่ำสุด 54.4689  สูงสุด 60.3388
    • ภาคพิเศษ ต่ำสุด 51.4887  สูงสุด 54.0944
    • นานาชาติ ต่ำสุด 48.8721 สูงสุด 57.3010
  • เภสัช ม.ธรรมศาสตร์
    • ต่ำสุด 54.0811 สูงสุด 66.5955
  • เภสัช ม.ศิลปากร
    • ภาคปกติ ต่ำสุด 53.0811 สูงสุด 57.9310
    • ภาคพิเศษ ต่ำสุด 49.1687 สูงสุด 57.1399
  • เภสัช มศว
    • สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม ต่ำสุด 53.0900 สูงสุด 57.3877
    • สาขาเภสัชกรรมอุตสาหการ ต่ำสุด 51.2632 สูงสุด 56.4211
  • เภสัช ม.สงขลานครินทร์
    • สาขาเภสัชกรรมอุตสาการ ต่ำสุด 46.6310 สูงสุด 55.7799
    • สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม ต่ำสุด 50.2333 สูงสุด 55.0887
  • เภสัช ม.มหาสารคาม
    • ต่ำสุด 48.5555 สูงสุด 58.8500
  • เภสัช ม.นเรศวร
    • ต่ำสุด 45.5876 สูงสุด 57.1832
  • เภสัช ม.พะเยา
    • ต่ำสุด 55.7000 สูงสุด 60.6733

ต้องทำคะแนนได้เท่าไหร่ ถึงจะสอบติด

จากตัวอย่างที่ลองคำนวณ เภสัชฯ ม.ธรรมศาสตร์ 50 คะแนน พบว่ายังไม่สามารถทำคะแนนได้ถึงคะแนนต่ำสุดของปีที่แล้ว แปลว่าสอบไม่ติดค่ะ แต่คะแนน 50 ก็ยังมีโอกาสสอบติดในอีกหลายมหาวิทยาลัย ตามคะแนนต่ำสุดข้างบน

คราวนี้ ชวนน้องๆ มาลองกำหนดคะแนนดูว่า ถ้าอยากสอบติดเภสัช จะต้องทำคะแนนให้ได้เท่าไหร่

เริ่มจาก TGAT, A-Level คณิต1, ภาษาอังกฤษ มีค่าน้ำหนัก 20%  

  • ทำเต็ม 100 เต็ม จะได้ 20 คะแนน
  • ทำ 80 คะแนน ได้ 16 คะแนน
  • ทำ 70 คะแนน ได้ 14 คะแนน
  • ทำ 50 คะแนน ได้ 10 คะแนน
  • ทำ 40 คะแนน ได้ 8 คะแนน

ส่วน A-Level วิทยาศาสตร์ ที่รวม 3 วิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา รวมกัน (ยกเว้น ม.มหิดล)

น้องๆ สามารถตั้งเป้าโดยเอา 3 วิชามารวมกันได้เลย ซึ่งคะแนนเต็มจะเท่ากับ 300 คะแนน (มาจากวิชาละ 100 คะแนน x 3 วิชา) โดยมีค่าหนัก 40%

  • ทำเต็ม 300 เต็ม จะได้ 40 คะแนน
  • ทำ 250 คะแนน ได้ 33.33 คะแนน
  • ทำ 230 คะแนน ได้ 30.66 คะแนน
  • ทำ 220 คะแนน ได้ 29.33 คะแนน
  • ทำ 200 คะแนน ได้ 26.66 คะแนน
  • ทำ 180 คะแนน ได้ 24 คะแนน
  • ทำ 160 คะแนน ได้ 21.33 คะแนน
  • ทำ 150 คะแนน ได้ 20 คะแนน
  • ทำ 130 คะแนน ได้ 17.33 คะแนน
  • ทำ 100 คะแนน ได้ 13.33 คะแนน

ดังนั้น หากน้องๆ ต้องการให้ได้คะแนนอยู่ในช่วง 45-50 คะแนน 

 

  • สายเน้น TGAT  ควรได้
TGATคณิต1อังกฤษวิทย์ (3 วิขา)คะแนนรวมที่จะได้
704050130~49 คะแนน
  • สายเน้น ภาษาอังกฤษ  ควรได้
TGATคณิต1อังกฤษวิทย์ (3 วิชา)คะแนนรวมที่จะได้
604060130~49 คะแนน
  • สายเน้นวิทยาศาสตร์ ควรได้
TGATคณิต1อังกฤษวิทย์ (3 วิชา)คะแนนรวมที่จะได้
603050160~49 คะแนน

**การคำนวณนี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น น้องๆ สามารถดูความถนัดวิชาของตัวเองและปรับเป้าหมายคะแนนแต่ละวิชาได้

ถ้าต้องการให้ได้คะแนนอยู่ในช่วง 50 คะแนนขึ้นไป

 

  • สายเน้น TGAT ควรได้ 
TGATคณิต1อังกฤษวิทย์ (3 วิชา)คะแนนรวมที่จะได้
804050150~54 คะแนน
  • สายเน้น ภาษาอังกฤษ  ควรได้
TGATคณิต1อังกฤษวิทย์ (3 วิชา)คะแนนรวมที่จะได้
704070140~55 คะแนน
  • สายเน้นวิทยาศาสตร์ ควรได้
TGATคณิต1อังกฤษวิทย์ (3 วิชา)คะแนนรวมที่จะได้
704050180~56 คะแนน

**การคำนวณนี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น น้องๆ สามารถดูความถนัดวิชาของตัวเองและปรับเป้าหมายคะแนนแต่ละวิชาได้

สำหรับคะแนนที่ควรจะทำได้เป็นเพียงแนวทางหรือตัวอย่างเท่านั้น น้องๆ สามารถใช้สูตรคำนวณและลองใส่คะแนนที่คิดว่าจะทำได้ ก็ช่วยน้องๆ วางแผนได้เหมือนกันค่ะ และสำหรับน้องๆ ที่อาจจะยังได้ TGAT ความถนัดทั่วไป ไม่ตามเป้า ยังมี A-Level ที่จะจัดสอบในเดือนมีนาคมนี้อีก ไปทุ่มสุดตัวกันที่สนามนี้ได้เลย

 

พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด