แล้วก็วนมาวันเสาร์อีกครั้ง หลายคนอาจยังต้องไปเรียนพิเศษ บางคนอาจต้องไปเรียนเพิ่มเพราะโรงเรียนปิดชั่วคราวเนื่องจากสถานการณ์บ้านเมือง แต่ที่แน่ๆ ถ้าไม่รู้จะทำอะไร มาอ่านเรื่องราวน่าสนใจใน Dek-D กันดีกว่า

        บทความนี้ พี่น้องรวบรวม "ที่สุด" ของวงการหนังสือ ทุกสถิติตั้งแต่นักเขียนอายุน้อยที่สุด ไปจนถึงหนังสือที่ขายดีที่สุด เป็นสถิติระดับโลกที่เราอาจไม่รู้มาก่อน
 

        สถิติที่หลายคนสงสัย "หนังสือ" เล่มไหนกันนะที่มีคนซื้อมากที่สุด ไม่ใช่ Harry Potter ไม่ใช่ Oxford Dictionary แต่เป็นคัมภีร์ The Bible ยอดขายรวมทุกเวอร์ชั่น ทุกภาษา เกินพันล้านเล่ม (สถิติจาก Guinness World Records)

        ที่คัมภีร์ไบเบิ้ลขายดีขนาดนี้ ก็เพราะเป็นหนังสือที่มีมานานแล้ว และเป็นเล่มแรกๆ ที่จัดพิมพ์ในช่วงที่กูเตนเบิร์กพัฒนาแท่นพิมพ์แบบกดให้กับชาวยุโรป นอกจากนี้คัมภีร์ไบเบิ้ลยังเป็นหนังสือที่มีหลายเวอร์ชั่น หลายสนพ. และหลายภาษา ชาวคริสต์ซื้อไปอ่านบ้าง ห้องสมุดซื้อมาให้ยืมอ่านบ้าง ตามโรงแรมบางแห่งก็มีคัมภีร์ไบเบิ้ลให้ในห้องพัก จนกลายเป็นเหมือนหนังสือสามัญประจำบ้านสำหรับชาวคริสต์ไปแล้ว
 

        จากหนังสือที่ขายดีที่สุด มาดู "นิยาย" ที่ขายดีที่สุดกันบ้าง ก็ไม่ใช่ Harry Potter อีกนั่นแหละ แต่เป็น Don Quixote นิยายสเปน มียอดขายคร่าวๆ 500 ล้านเล่ม แปลเป็นไทยแล้วโดยสำนักพิมพ์ผีเสื้อด้วยนะ

        นิยายเรื่องนี้เกี่ยวกับอลองโซ่ ขุนนางชาวสเปนที่อ่านนิยายแนวอัศวินมากเกินไป เลยอยากทำตัวเป็นอัศวินบ้าง ไปหาม้า หาคนมาเป็นสไควร์ (ลูกน้องอัศวิน) เปลี่ยนชื่อตัวเองให้ดูเก๋ไก๋ว่า ดอนกีโฆเต้ แล้วออกช่วยผู้คนที่เดือดร้อน แต่เรื่องจะเป็นไปอย่างที่เขาคาดหรือไม่ ก็ต้องไปหาอ่านกันเอาเอง

        ในขณะเดียวกัน เมื่อเรากลับมาดูที่ Harry Potter ก็มียอดขายเกือบถึง 500 ล้านเล่มแล้ว (รวมทุกภาค ทุก 73 ภาษาที่แปลไป) ลองเทียบกันสองเรื่องนี้ก็ถือเป็นนิยายที่มียอดขายดีที่สุด Don Quixote ได้เปรียบเรื่องเวลา เนื่องจากตีพิมพ์มา 410 ปีแล้ว แต่อาจจะเสียเปรียบที่มีแค่ 2 เล่ม (2 ภาค) ในขณะที่ Harry Potter ได้เปรียบเรื่องจำนวนภาคที่มากกว่า แต่ก็เสียเปรียบตรงที่เพิ่งวางขายมาแค่ 17 ปี
 

        หนังสือเล่มนี้บันทึกความสำเร็จทั้งหมดของผู้นำสาส์นจากพระอัลลอฮ์ นาม มูฮัมหมัด และอิทธิพลของศาสนาอิสลามที่มีต่อชาติอื่น ขนาดของหนังสือเล่มนี้ กว้าง 5 เมตร สูงราว 8 เมตร หนัก 1,500 กิโล มีทั้งหมด 429 หน้า

        หนังสือเล่มนี้ใช้คนทำถึง 50 คน (ไม่แน่ใจว่าเขียนอย่างเดียวหรือมาช่วยกันทำให้เป็นรูปเล่มด้วย) และทำเสร็จในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012
 

หนังสือตีพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก: The Little Prince

        จากหนังสือที่ใหญ่ที่สุดที่ทำกันเอง มาดูหนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่มใหญ่สุดๆ คือ The Little Prince เจ้าชายน้อย ของเวอร์ชั่นของประเทศบราซิล สูง 2 เมตรนิดๆ ตอนเปิดจะกว้าง 3 เมตรหน่อยๆ มีจำนวนหน้าทั้งหมด 128 หน้า

        หนังสือเล่มนี้จัดแสดงในงานหนังสือที่เมือง ริโอ เดอ จาเนโร ของบราซิล ในวันที่ 13 กันยายน 2007 เสียดายที่พี่หารูปมาให้ดูไม่ได้ อาจจะพิมพ์มาสำหรับนักสะสมโดยเฉพาะ เหมือนบารามอสที่สถาพรบุ๊คส์จัดพิมพ์เป็นหนังสือเล่มเท่าสารานุกรม ถืออ่านไม่ได้ แต่เก็บไว้นอนอ่าน หรือตั้งโชว์ได้สำหรับแฟนพันธุ์แท้นิยายเรื่องนี้จริงๆ

หนังสือตีพิมพ์ที่เล็กที่สุดในโลก: Flowers of the Four Seasons

        ตำแหน่งหนังสือที่เล็กที่สุดในโลกตกเป็นของหนังสือชื่อ Flowers of the Four Seasons เป็นหนังสือแนะนำดอกไม้ทั้ง 4 ฤดูในญี่ปุ่น มีทั้งหมด 22 หน้า เนื้อหาเป็นภาพดอกไม้ชนิดนั้นๆ ประกอบด้วยชื่อภาษาญี่ปุ่นข้างบน ชื่อภาษาอังกฤษข้างล่าง และจะมีเนื้อหาบางหน้าที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรเล็กมากถึงกับต้องใช้หน่วยวัดเป็นไมครอนกันเลยทีเดียว

        เจ้าของไอเดียหนังสือเล่มเล็กนี้คือ Marc Palkovic เจ้าของห้องสมุดแห่งหนึ่งในอเมริกา ตีพิมพ์กับบริษัท Toppan Printing วางขายตั้งแต่เมษายนปี 2012 เป็นจำนวนทั้งหมด 250 ชุด ในชุดประกอบด้วย หนังสือเล่มจิ๋ว หนังสือฉบับขยายใหญ่แล้ว และแถมแว่นขยายมาให้ด้วย

        สำหรับพี่ เคยเห็นหนังสือเล็กสุดก็คือพจนานุกรมอังกฤษ-ไทยสูงประมาณ 4-5 ซม. ตัวหนังสือใหญ่กว่าพจนานุกรมเล่มโตๆ บางเล่มเสียอีก แต่จำนวนศัพท์ก็น้อยตามขนาดเล่มด้วย
 

นักเขียนที่มีผลงานตีพิมพ์อายุน้อยที่สุด: Dorothy Straight

        นักเขียนอายุน้อยที่สุดที่มีผลงานตีพิมพ์คือ Dorothy Straight (ปัจจุบัน 56 ปี) เขียนหนังสือเรื่อง How the World Began ในปี 1962 ตอนนั้นเธออายุเพียง 4 ปี และได้ตีพิมพ์ในปี 1964 โดยสำนักพิมพ์ Pantheon Books

        ตอน 4 ขวบ พี่เพิ่งเข้าเรียนอนุบาล 1 เอง ยังเขียนภาษาไทยไม่ถูกเลย (อายเด็ก)
 

        Barbara Cartland ผู้ได้รับฉายาว่าเป็นราชินีแห่งนิยายโรมานซ์ ทำงานเขียนมา 80 ปี มีผลงานตีพิมพ์รวมตลอดชีวิตเธอ 722 เล่ม เฉลี่ยแล้วเธอออกงานปีละ 9 เล่ม แม้ว่างานของเธอจะไม่ได้ขายดีแบบนักเขียนบางคนที่ออกงานแค่ไม่กี่เล่มแต่ยอดขายเป็นร้อยล้าน แต่เธอก็ถือเป็นนักเขียนที่ทำงานได้อย่างต่อเนื่องคนหนึ่ง

        นักสืบดูแปง (อย่าสับสนกับจอมโจรลูแปงนะ) เป็นผลงานของ Edgar Allan Poe นักเขียนชาวอเมริกาที่ชอบเขียนเกี่ยวกับความตายและเรื่องลึกลับ Poe ถือเป็นนักเขียนคนแรกที่เขียนนิยายแนวนักสืบเป็นภาษาอังกฤษ (ก่อนหน้านั้นก็มีแต่เป็นภาษาอื่น) และคุณนักสืบดูแปงยังจุดประกายให้ Sir Arthur Conan Doyle สร้างนักสืบเชอร์ล็อก โฮล์มส์ขึ้นมาด้วย
 

        ชื่อหนังสือที่ยาวที่สุดมีจำนวน 1,086 คำ หรือ 5,633 ตัวอักษร (ภาษาอังกฤษ) ผู้เขียนคือ Dr. Sreenathachary Vangeepuram ชาวอินเดีย ตีพิมพ์ในปี 2010 เป็นหนังสือที่วิเคราะห์ลักษณะเฉพาะของภาษาอังกฤษ พี่พยายามหาชื่อเต็มๆ ของหนังสือเล่มนี้แล้วแต่หาไม่ได้ เท่าที่พิมพ์ทดสอบดู ชื่อหนังสือจะมีความยาวประมาณ 1.5 หน้ากระดาษ A4 (รูปข้างๆ น่าจะเป็นชื่อหนังสือทั้งหมด)
 

        ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของนักเขียนเรื่องนี้เพราะเขามีชีวิตมาตั้งแต่ช่วงต้นคริสตกาล เขาเรียกตัวเองว่า "Chariton of Aphrodisias" เดาว่าน่าจะเป็นนามปากกามากกว่าชื่อจริง (Aphrodisias เป็นชื่อเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งของกรีก ตั้งชื่อตามเทพีวีนัสหรือ Aphrodite)

        นิยายของเขาก็หยิบเอาตำนานกรีกมาแต่งเป็นนิยาย ใช้ฉากในอดีตกาล จากหลักฐานต้นฉบับที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์สรุปว่างานชิ้นนี้น่าจะเขียนขึ้นในปีค.ศ. 200
 

        นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนภาษาฝรั่งเศส ในชื่อว่า A la recherche du temps perdu เขียนโดย Marcel Proust เรื่องนี้ฉบับฝรั่งเศสตีพิมพ์ออกมา 12 เล่ม แต่พอแปลเป็นภาษาอังกฤษมีการรวมบางเล่มเข้าด้วยกัน จนเหลือแค่ 7 เล่ม และเป็นหนังสือที่ผู้เขียนเสียชีวิตก่อนที่จะได้พิมพ์เล่มท้ายๆ โชคดีที่เขาเขียนต้นฉบับแรกเสร็จแล้ว น้องชายเลยเข้ามารับช่วงต่อเพื่อให้นิยายเรื่องนี้จบลงอย่างสมบูรณ์
 

หนังสือที่หนาที่สุดที่เคยตีพิมพ์: Miss Marple