กลเม็ดวันนี้ พี่น้องขอตามกระแส The Maze Runner อีกสักหน่อย อ๊ะๆ สงสัยใช่ไหมว่า The Maze Runner เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่จะพูดวันนี้ พอดีว่าบทความวิจารณ์ The Maze Runner ที่พี่น้องลงไปเมื่อต้นเดือน มีนักอ่านคนหนึ่งที่น่าจะอ่านจนจบสามเล่มแล้วบอกว่า The Maze Runner ไม่น่าจะใช่นิยายธีม Dystopian อย่างที่สื่อทั้งหลายประโคมข่าว (เพื่อเกาะกระแส The Hunger Games) แต่มันคือแนว Apocalyptic ต่างหาก
เคยพูดถึงนิยายธีม Dystopian ไปแล้ว จะไม่พูดถึงแนว Apocalyptic ก็คงไม่ได้ งั้นอาทิตย์นี้ก็พูดถึงเรื่องนี้ละกัน
นิยาย Apocalyptic คืออะไร
นิยายที่อิงธีม Apocalyptic จะพูดถึงหายนะที่เกิดขึ้นกับโลกของเรา เช่น ดาวตก โลกแตก น้ำท่วม พระเจ้าพิโรธ สงคราม ไวรัสระบาด ฯลฯ เภทภัยใดๆ ที่จะทำให้มนุษย์หายสิ้นไปจากโลกนี้ เหลือไว้แต่ซากกับผู้รอดชีวิตไม่กี่คน ต้นกำเนิดมาจากตั้งแต่สมัยบรรพกาล คัมภีร์ของศาสนาต่างๆ ก็จะมีพูดถึงวันพิพากษา วันน้ำท่วมโลก (เรือโนอาห์) แร็กนาร็อกของชาวนอร์ส ฯลฯ
หรือถ้านิยายเรื่องนั้นพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากโลกโดนภัยพิบัติจนย่อยยับแล้ว ผู้คนจะอาศัยกันอยู่ต่อไปอย่างไร จะเรียกว่า Post-Apocalyptic (post = หลัง)
พูดแบบนี้แล้ว พี่น้องเชื่อว่าในหัวชาวเด็กดีตอนนี้คงเริ่มผุดชื่อหนังวันสิ้นโลกอย่าง Deep Impact เอย Armageddon เอย World War Z เอย อะไรแบบนี้ใช่ไหมคะ นั่นแหละค่ะ น้องเข้าใจนิยายแนวนี้ถูกแล้ว
แต่สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจ เอ๊ะ เรื่องแบบไหนที่เข้าข่ายธีมนี้บ้างนะ พี่น้องมีตัวอย่างค่ะ
ต่างดาวบุกโลก - The War of the Worlds, Hitchhiker's Guide
ภัยพิบัติ - The City of Ember, Deep Impact,The Day after Tomorrow
หุ่นยนต์, วิทยาการอันล้มเหลว - Terminator, The Matrix
ซอมบี้, เชื้อไวรัส, โรคระบาด - The Walking Dead, I Am Legend, The Maze Runner
เขียนเพื่ออะไร
สงสัยไหมคะว่าทำไมต้องเขียนเรื่องพวกนี้ออกมา ทำให้คนกลัว? สนุกดี? ส่วนหนึ่งแล้วเป็นการ "เตือน" ค่ะ ทั้งสงคราม ภัยธรรมชาติ บางอย่างเราควบคุมได้ เราป้องกันได้ เมื่อเราอ่านนิยายพวกนี้แล้วเราก็จะได้คิดว่าถ้าวันหนึ่งมันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริงๆ เราจะทำอย่างไร และก่อนที่จะถึงวันนั้น มีทางไหนที่เราจะป้องกัน หรือชะลอให้มันเกิดช้าลงบ้างหรือไม่
ส่วนนิยายแนว Post-Apocalyptic มักจะเขียนเพื่อค้นหาว่ามนุษย์จะเป็นอย่างไร หากวันหนึ่งอารยธรรมที่สั่งสมมาเป็นพันๆ ปีมันพังลง ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีการปกครอง ไม่มีกฎหมาย จากวันหนึ่งที่เราอยู่กันอย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ต้องย้อนกลับมาใช้ชีวิตแบบดึกดำบรรพ์อีกครั้ง แต่ละคนจะแสดงสัญชาตญาณที่เคยถูกกดไว้ด้วยกฎ ขนบ หรือศีลธรรมมากน้อยแค่ไหน เรียกว่าเป็นนิยายที่เน้นเผยสัญชาตญาณดิบในตัวมนุษย์และการเอาตัวรอดในภาวะกดดันมากที่สุด
Apocalyptic VS Dystopian
ความจริงแล้วสองธีมนี้เนื้อหาต่างกันนะคะ แต่มันมีฉากหลังเป็นโลกหลังหายนะคล้ายๆ กัน
ในขณะที่นิยายธีม Apocalyptic เน้นพูดถึงหายนะที่เกิดขึ้นกับโลก ความเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้น คนจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร วัฒนธรรมใหม่จะถูกสร้างขึ้นไหม
นิยายธีม Dystopian อาจไม่พูดถึงหายนะเลย เปิดเรื่องมาก็เป็นสังคมใหม่ที่เราไม่รู้จักไปแล้ว ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร เพราะเขาไม่ได้เน้นว่าเกิดอะไรขึ้นโลกถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ แต่เหตุการณ์ต่อจากนี้ต่างหากที่สำคัญ เช่น The Giver แทบไม่พูดถึงโลกที่เราเคยอยู่กันเลย แต่มีเผยทีละนิดว่าก่อนหน้าที่จะเป็นสังคมไร้สีแบบนี้ โลกเคยอยู่กันอย่างไรมาก่อน
หรือพูดถึงหายนะที่เกิดขึ้นด้วย บอกเลยว่าเนี่ย ทำไมอยู่ดีๆ มนุษย์ถึงต้องมาอยู่กันแบบนี้ แล้วไม่พูดถึงหายนะอีก แต่เน้นไปที่สังคมรูปแบบใหม่แทน
สิ่งสำคัญที่สุดที่นิยายธีม Dystopian ควรมีคือการเน้นสังคมที่ประชากรถูกทำให้เชื่อว่ามันดีแล้ว ปกครองกันแบบนี้น่ะดีแล้ว ใช้ชีวิตกันแบบนี้น่ะดีแล้ว ไม่มีใครเคยคิดนอกกรอบ ไม่มีใครเคยเห็นอะไรที่ดีกว่านี้ เหมือนโดนล้างสมองกันหมด และจะต้องมีตัวเอกเพียงคนเดียวที่นึกขึ้นได้ว่านี่มันไม่ถูกต้อง จนเป็นผลไปสู่ความเปลี่ยนแปลง
สุดท้ายนี้พี่น้องมีกิจกรรมต้อนรับวันฮาโลวีนที่ใกล้เข้ามาแล้ว เป็นกิจกรรมง่ายๆ สั้นๆ เพราะเห็นว่าบอร์ดนักเขียนกำลังประกวดเรื่องสั้นกันอยู่ เดี๋ยวจะไม่มีเวลาเขียนกัน
กติกาง่ายๆ
สมมติว่าเราเป็นนักเขียนอาชีพ และสมมติด้วยว่านี่ก็อีกหลายเดือนกว่าจะถึงฮาโลวีน จู่ๆ บก. แสนดีโทรมาบอกว่าอยากได้นิยายเจ๋งๆ สักเรื่องออกช่วงฮาโลวีนนี้ จะสืบสวน Dystopian Apocalyptic หนีซอมบี้ ผีในหอพัก ฯลฯ อะไรก็ได้ที่น่าจะขายได้ในวันฮาโลวีน
แต่ ณ ตอนนี้ ช่วยส่งไอเดียคร่าวๆ มาให้ก่อน ไม่เกิน 10 บรรทัด ว่าเรื่องที่เราวางไว้มันจะเกี่ยวกับอะไร ไม่ต้องเขียนมาเป็นเรื่องเป็นราว อารมณ์เล่าปากเปล่าให้เพื่อนฟัง
ไอเดียใครเจ๋งจนบก. "ซื้อ" 3 อันดับแรก (วัดจากจำนวนคนถูกใจ) เอารางวัลไปเลย
1. นิยายสยองชุด 10 ศพ 1 ชุด 10 เล่ม (สำนักพิมพ์ Sofa)
2. นิยายชุด Paranormalcy 1 ชุด 3 เล่ม (สำนักพิมพ์ Spell)
3. นิยายเรื่อง พีระมิดสีเลือด เล่ม 1 (สำนักพิมพ์ Enter Books)
ประกาศผลผู้โชคดีที่ได้รางวัล
คะแนนโหวตอันดับหนึ่ง 41 โหวต
คะแนนโหวตอันดับสอง 32 โหวต
คะแนนโหวตอันดับสาม 10 โหวต
เดี๋ยวติดต่อไปหลังไมค์จ้า
คนที่ไม่ได้รางวัลไม่เป็นไรนะ วันนี้ตอนเย็นจะมีอีกกิจกรรมนึง ต้อนรับฮาโลวีน
ขอบคุณภาพประกอบจาก
The Walkind Dead - AMC
The War of the Wolrds - Paramount Pictures
51 ความคิดเห็น
"พิมนภา หญิงสาวมหาวิทยาลัย เธอคิดจะฆ่าตัวตายเพราะเลิกกับแฟน และเธอก็ท้องได้ 3 เดือน จึงคิดจะกระโดดตึกตาย และก็ตายจริงๆ...เรื่องคงจบเพียงเท่านี้ หากไม่ใช่ว่าเธอฟื้นขึ้นมาในอีกโลก ซึ่งเธอพบว่าแฟนและเพื่อนของเธอตายไปแล้ว แต่คนที่ตายไปแล้วกลับฟื้นขึ้น และทำตัวเหมือนคนปกติ...รวทั้งพี่ชายของเธอเอง เธอเริ่มรู้สึกผิดปกติจึงต้องเรียนรู้ในโลกใหม่ และพร้อมกับการสืบสวนหาสาเหตุไปในเวลาเดียวกัน...สิ่งที่คาดว่าน่าจะเชื่อมโยงกันคือพี่ชยของเธอเอง"
ขอให้ได้รางวัลที่ 1 ด้วยเถิด สาธุ!!!



หลังจากพ.ศ.3000 โลกส่งสัญาณเตือนถึงหายนะทั้งการก่อการร้าย โรคระบาด และภัยธรรมชาติที่เกิดจากภาวะโลกร้อน จนไม่มีประเทศอีกแล้ว กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือเขตการปกครอง เขตปกครองที่ 7 ปกครองด้วยระบบ "หน้ากาก" ทำทุกอย่างให้เหมือนกันไปหมด แม้แต่การใส่หน้ากากให้หน้าเหมือนกัน ผู้แตกต่างจะอยู่ไม่ได้ เพราะถูกฝังหัวว่าความเหมือนคือความเสมอภาค "ฌารีย์" เด็กสาวม.ปลายผู้เคร่งครัดในกฎของเมือง ได้ช่วยเหลือผู้หลบหนีจากแดนเอาไว้ ทำให้เธอถูกมองว่าเป็นคนทรยศ ทำให้เธอเห็นว่าแท้จริงแล้วคนในเมืองนี้ถูกฝังหัวให้ทำอะไรเหมือนกันหมด ไม่ต่างจากหุ่นยนต์เลย ฌารีย์กลายเป็นอาชญากร เธอต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้ แต่อะไรก็ไม่เลวร้ายเท่าช่างทำหน้ากากที่เธอไว้ใจมาหลายปีแท้จริงเป็นทายาทของรัฐมนตรีผู้ปกครองเมือง และจุดประสงค์ที่ทำให้เมืองเป็นแบบนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการบงการ ก่อนประกาศสงครามชิงดินแดนที่อุดมสมบูรณ์กว่า ฌารีย์ที่หนีไปเขตเกษตรกรรมต้องทนกับการถูกกดขี่ ขณะเดียวกันก็ต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าการถูกควบคุมไปเสียทุกอย่างนั้นไม่ใช่สิ่งดี
(อยากได้รางวัลที่สองผิดไหมคะ แหะๆ)
น่าสนใจมากค่ะ
เนื่องจากปัญหาการก่อความวุ่นวายของประชาชนก่อให้เกิดกบฎล้มล้างรัฐบาลขึ้น แต่นายกรัฐมนตรีได้ร่วมมือกับองค์กรวิทยาศาสตร์ที่ตั้งขึ้นมาอย่างลับๆ โดยการคิดค้นตัวยาที่ทำให้ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงสภาวะทางจิตใจของผู้ที่ได้รับสารเคมีชนิดนี้เข้าไป เขาต้องการควบคุมจิตใจชาวบ้านและทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง
สารเคมีออกฤทธิ์จริง แต่นั่นทำให้ประชาชนเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็วและยอดผู้เสียชีวิตขยายออกเป็นวงกว้างไปทั่วประเทศ แต่ปัญหาก็คือพวกเขาตายแล้วไม่ตายเลย ใช่แล้ว... พวกเขากลับมาในสภาพที่เรียกว่า "ผีดิบ"
"มีน" เด็กสาวม.ต้นธรรมดาๆ คนหนึ่งออกเดินทางพร้อมกับครอบครัวที่เหลืออยู่ เป้าหมายคือออกจากประเทศ แต่มันไม่มีอะไรง่ายอย่างที่เธอคิด และเปอร์เซนต์ความสำเร็จนั้นก็ริบหรี่เหลือเกิน...
#เห็นน่าสนดี เอามั่ง แอบเล็งรางวัลที่ 3 อยู่
คุณรู้หรือเปล่าล่ะ...ภายในบ้านร้างบนภูเขาลูกหนึ่งในเมืองนั้นมีบางสิ่งบางอย่าซ่อนอยู่ ทุกคนที่หลงเข้าไปในยามค่ำคืนนั้นต่างตายกันหมด...มีเพียงคนเดียวที่หนีรอดออกมาได้ แต่เขากับกลายเป็นบ้า! เก็บตัวอยู่คนเดียวแถมยังเอาแต่พูดด้วยความกลัวว่า "ตุ๊กตาผี! -เด็กบ้าอย่าเข้ามานะ ฉันไม่อยากเล่นกับแก ออกไป!!!" แล้วยังมีคนที่เคยเดินทางผ่านบ้านร้างหลังนั้นบอกเล่าต่อมาว่า พวกเขาเห็นตุ๊กตาเด็กผีนั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่างบ้างร้างที่กระจกแตกจนแทบจะไม่เหลือเศษกระจกให้เห็น พลางโบกมือเรียกพวกเขาด้วยแววตาเศร้า แต่บนหน้านั้นเต็มไปด้วยเลือด!
จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปเพื่อพิสูตรความจริงเรื่องนี้
ปล.รางวัล(คง)ไม่มีสิทธิ์หวังเพียงแต่อยากจะร่วมกิจกรรม
อยากเขียนอีกแต่เกินบรรทัด กลัวเหมือนกันว่ายิ่งเขียนอาจยิ่งไร้สาระ เหอๆ (รูว่าไม่น่าได้ แต่อยากได้อันที่สองมากๆ พิจารณาหน่อยนะคะๆๆๆ ><)
ในช่วงบ่ายที่ร้อนจัด 4หนุ่มสุดหล่อแอบโดดเรียนมาซ่อนอยู่ที่ห้องน้ำเก่า ก่อนจะเห็นซอมบี้ร่างเปื่อยๆ มาพร้อมกลับกลิ่นเน่า เเล้วรีบวิ่งกลับไปยังอาคารเรียนเเต่กลับไม่ทันเสียเเล้วเพราะตอนนนี้ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีเเต่ซอมบี้เต็มไปหมด พวกเขาพยายามหนีซอมบี้โดยการเข้าไปในเมือง ระหว่างทได้มีผู้ร่วมทางเพิ่มเเต่ก็ตายไประหว่างทาง พวกเขาสู้กับซอมบี้เรือยๆ เกิดเปลี่ยนใจอยากเห็นหน้าบุพการีขึ้นมา จึงตกลงกันว่าจะกลับบ้านเเละไปตามสถานที่ทำงานบุพการีสุดรัก เเต่หนทางนั้นเเสนลำบากเพราะซอมบี้อยู่ทั่วทุกที่ และแสงความหวังที่จะเจอหน้าบุพการีสุดเลิฟก็ยิ่งริบหรี่ลงเรื่อยๆ...เรื่อยๆ... ไม่รุ้จะได้มั้ยเเต่อยากได้รางวัลที่หนึ่งอ่ะ >
เด็กวัยอนุบาลร้องไห้งอแงจะเอาตุ๊กตาไม้เก่าๆ กลับบ้าน เด็กบอกกับเเม่ว่า"แง้ แม่จ๋าพี่ไม้อยากำปอยู่กับเราพาพี่เค้สไปนะคะ นะๆๆๆ" เด็กน้อยงอแงจนเเม่ยอมซื้อเเล้วก็หัวเราะดีใจคุยหงุงหงิงกับตุ๊กตาไม้คนเดียว ตกดึกมา แม่ก็ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญฟังไม่ได้ศัพท์คืนต่อๆมาก็เริ่มฟังออกว่าเสียงนั้นบอแว่าหิว หนาว อยากได้ชุดหล่อๆ อยากเเต่งงาน อบากมีครอบครัว และอีกบลาๆๆ แม่เริ่มกลัวคิดง่าตุ๊กตาไม้จะทำร้ายลูกตัวเอง เช้ามาเลยแอบเอาตุ๊กไม้ไปทิ้งเเต่ตกดึกส่งลูกสาวเข้านอนกลับเจอตุ๊กตาอยู่บนเตียงลูกสาว แม่เลยพาตุ๊กตาไปให้หลวงตาดู หลวงตาบอกให้เป็นตามเวรตากรรม แม่เลยคอตกกลับบ้านนอนคิดหนัก และฟังเสียงตุ๊กตาไม้ เเต่กลับมีโจรขึ้นบ้านเเละรีบหนีไปไม่โวยตะโกนลั่นว่า"ผีๆๆ" แม่จึงทำใจกล้าคุยยกับตุ๊กตาไม้ ผลได้ว่าตุ๊กตาไม้นั่นเป็นผีจริงๆ และไปผุดไปเกิดไม่ได้ ขอให้เเม่ของเด็กน้อยช่วย เพราะทรมานเหลือเกิน แม่จึงรับปากเเลกกับต๊กตาผีต้องปกป้องทั้งบ้าน และลูกด้วย แม่จึงตัดสินใจบอกความจริงกับลูกสาวตัวเองเเต่เด็กน้อยกลับบอกว่า รู้อยู่เเล้วเเต่กลัวบอกไปเเม่ไม่เชื่อ สุดท้ายก็ช่วยกันจนรุ๊กตาไม้ได้ไปผุดไปเกิด กลับชาติมาเกิดเป็นเเมวหลงเข้ามาในบ้านของเเม่เเละเด็กน้อยอีกพลอยมีลาภลอยเข้ามาไม่ขาด สองเรื่องผิดกติกาเปล่า? เเต่กติกาไม่ได้ห้ามนี่เนอะ555
แล้วเขียนเรื่องการระลึกชาติได้เหรอเปล่าคะ
พวกคุณรู้จักการระลึกชาติหรือไม่ พวกคุณรู้จักคนที่เคยบอกว่าระลึกชาติได้เหรอเปล่า และพวกคุณเคยเชื่อเรื่องการระลึกชาติไหม ถ้าหากพวกคุณคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไร้สาระหลอกเด็กก็แล้วแต่พวกคุณนะ พวกคุณก็ควรจะเชื่อบ้างสักเล็กน้อยว่าการที่คนอื่นระลึกชาติได้นั้นเป็นเพราะพรสวรรค์หรือสัญญาณจากภพอดีตหลายภพหลายชาติที่พวกเขายังแก้ไขไม่หมด ถ้าหากพวกคุณเชื่อเรื่องเวรกรรมจากชาติภพที่แล้ว บางคนระลึกชาติได้เพราะถูกสะกดจิตจากนักจิตวิทยาหรือตกอยู่ในภวังค์โดยไม่รู้ตัว บางคนเคยเกิดเป็นคนเลวทำบาปทำกรรมมามากมายในชาติที่แล้วและต้องทนทุกข์ทรมานในชาตินี้เพื่อชดใช้กรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ตามมาอาฆาตจองเวร บางคนติดหนี้ค้างกับใครบางคนในชาติที่แล้วและต้องมาชดใช้หนี้กับพวกเขาในชาตินี้ แต่บางคนทำความดีมาตั้งแต่ชาติที่แล้วและกระทำอย่างต่อเนื่องในชาตินี้กับชาติต่อๆไป ที่กล่าวมานั้นไม่อยากให้พวกคุณเป็นคนงมงาย แต่ควรจะตระหนักถึงการกระทำของตัวเองว่าเคยทำกรรมดีกรรมชั่วมากแค่ไหนกันทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้
ป.ล.อยากได้รางวัลที่ 1
เอาแบบเล่าให้เพื่อนฟังใช่ไหมคะ ? อารมณ์นั้นเลยนะ ?
อยากใช้พล็อตแนว Stockholm Syndrome ที่เป็นเหมือนแนวเหยื่อหลงรักคนร้ายอ่ะ แล้วจะเชื่อมมันไปที่คดีฆาตกรต่อเนื่องซึ่งวิธีฆ่าคือจะลักพาตัวไประยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยฆ่า จากนั้นนำศพมาไว้ตามพื้นที่ต่างๆให้เป็นคีย์เวิร์ด ฆาตกรเป็นคนคนหนึ่งที่ถูกการกลั่นแกล้งลับหลังให้แพ้ในการแข่งว่ายน้ำและโดนเยาะเย้ยแต่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นที่ที่จะเอาศพที่ฆ่าแล้วมาทิ้งให้คนเห็นคือสระว่ายน้ำในลู่ต่างๆ มี 8 ลู่ และฆาตกรตั้งใจจะผูกคอตายเป้นคนสุดท้ายจากสปริงบอร์ด ระยะเวลาการทิ้งศพจะค่อยๆน้อยลง เช่นศพแรกเที่ยงคืนวันที่ 1 ศพต่อมาจะโดนทิ้งตอนหกโมงเช้าวันที่ 2 ต่อมาเที่ยงวันของวันที่ 3 ขยับตามวันไปเรื่อยๆ และคนที่พยายามหาตัวฆาตกรก็คือน้องสาวของคนที่ฆาตกรตั้งใจให้ตายเป็นคนสุดท้าย จากที่บอกว่าอยากใช้ Stockholm Syndrome ฆาตกรหลอกใช้น้องสาวของผู้ตายคนสุดท้ายให้ฆ่าพี่ชายตัวเอง และตำรวจเจ้าของคดีคือพ่อของฆาตกร
ดาร์กไปไหม ? เกิน 10 บรรทัดไหม ? และถ้าเอาพล็อตนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟังจริงๆเพื่อนจะเลิกคบไหม 5555555555555
ฮาโล เด็กหนุ่มอายุสิบสามปี ใช้ชีวิตธรรมดาอยู่ในเมืองทางยุโรป เขานัดกับเพื่อนในหมู่บ้านมาฉลองวันฮาโลวีนด้วยกันที่บ้านของเขา ต่อจากนั้นจึงแต่งตัวเป็นสัตว์ประหลาดต่าง ๆ เที่ยวฉลองค่ำคืนด้วยการเคาะตามประตูบ้านและขอลูกกวาด ฮาโลและเพื่อน ๆ เล่นสนุกกันอยู่นานจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่ม เขาและเพื่อน ๆ ตัดสินใจแยกย้ายกลับบ้าน แต่ทว่าบ้านของคุณยายฮาโลนั้นอยู่ใกล้สุสานเก่า ถึงแม้เขาจะกลัวแต่ก็อยากไปเคาะประตูขอลูกกวาดจากคุณยายแสนรัก เขาจึงรีบเดินทางไปหาคุณยายด้วยความอยากได้ลูกกวาดโดยไม่สนใจสุสานเหล่านั้นเลย กว่าเขาจะออกจากบ้านคุณยายก็ห้าทุ่มแล้ว ทันใดนั้นเอง ฮาโลได้สังเกตเห็นคนกลุ่มใหญ่เดินออกมาจากสุสานด้วยความสนใจเขาจึงไล่ตามไป จนกระทั่งดินบริเวณสุสานสั่นไหว สิ่งที่อยู่ใต้ดินผุดออกมาฉุดกระชากขาเขาลงไปในดินแดนที่ไม่รู้จัก ฮาโลต้องเอาตัวรอดจากผีดิบที่กำลังสวนทางขึ้นมาบนโลกมนุษย์และต้องออกจากโลกหลังความตายก่อนเที่ยงคืนที่ประตูแห่งโลกความตายจะปิดลงแต่มันจะไม่ยากเย็นอะไรเลยถ้าเขาไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาเปลี่ยนร่างที่ทำให้ตัวเองเป็นผีเพื่อจะกลับออกมา!
#แหะ ๆ ไม่ค่อยหลอนแต่เกี่ยวกับผี ๆ ขอบคุณสำหรับกิจกรรมดี ๆ ครับ!
ใต้แผ่นดินที่มนุษย์อาศัยอยู่ มีอมนุษย์ปกครองดินแดน ผีห่าซาตานเป็นใหญ่ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า นางเงือก ผีตานี ก็อยู่ในดินแดนใครดินแดนมันอย่างสงบสุข มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างตามชาติพันธุ์ แต่ก็เป็นไปตามหลักห่วงโซ่อาหาร ผู้ที่อ่อนแอพ่ายแพ้ให้ผู้แข็งแกร่ง กระทั่งสัตว์น้อยใหญ่ก็เป็นมอนสเตอร์หรือสัตว์กลายเป็น งูสามหัว แพะผี อีกาต้องสาป ฯลฯ แต่แล้ววันหนึ่ง มนุษย์ทารกก็ถือกำเนิดขึ้นมาใต้พสุธาแห่งนี้ เขาเติบโตอย่างรวดเร็วท่ามกลางการเลี้ยงดูของปิศาจแต่ละเผ่าพันธุ์ที่หมุนเวียนกันมาดู "ปิศาจ" ชนิดใหม่ เหล่าอมนุษย์ต่างตั้งใจจะให้ทารกน้อยเป็นราชาแห่งปิศาจ เพื่อปกครองดินแดนให้รักษาสมดุลระหว่างเบื้องล่างและเบื้องบน (โลกมนุษย์) ทว่า เด็กชายคนนั้นกลับเรียนรู้วัฒนธรรมมนุษย์จากเบื้องบน ทำให้เขาคิดว่าเหล่าปิศาจที่เลี้ยงดูเขามาแต่เล็กคือพวกชั้นต่ำและเลวทราม ต้องกำจัดให้เ-้ยน เมื่อเขาฆ่าปิศาจทุกตนจนไม่เหลือใคร เขาก็พบว่า โลกข้างบนก็ยังคงไม่ต้อนรับเขาอยู่ดี เพราะเขาคืนคนจากโลกปิศาจนั่นเอง
# หากติดหนึ่งในสามเราจะนำไปเขียนเรื่องยาวเลย
นี่ๆเพื่อนสาวสุดที่รัก มาฟังเรื่องที่ฉันจะนำไปเสนอไอเดีย ให้บก.หน่อยสิ ฉันตั้งใจแต่งมากเลยนะ ตั้งใจฟังนะเพื่อน....
เรื่องเกิดเมื่อ กาลเวลาได้ผันแปลเปลี่ยนไปเป็นพันๆปี โลกนี้ก็เช่นกัน.......ตึกรามบ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมของคำว่า ' โลกมนุษย์ ' อีกต่อไป ตึก บ้าน อาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ บัดนี้ได้มีวัชพืชและต้นไม้อีกนานาชนิด กลืนกินทั้งตึกจนแทบไม่เหลือเค้า ถนนหนทางเต็มไปด้วยพืชต่างมากมาย มี ทั้งมอส เฟิร์น และ พืชชนิดอื่นอีกมากมายนับไม่ถ้วน โลกนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วไร้ซึ่ง วี่แววของสิ่งมีชีวิตซึ่งเรียกว่า ' มนุษย์ ' ไม่มีอีกต่อไป....พืชและต้นไม้อื่นๆนับเหมื่อนนับแสนนานาพันธุ์ ได้ครอบครองโลกนี้ไปเสียแล้ว เหมือนว่าพวกพืชเหล่านี้กำลังทวงพื้นที่ของพวกเขาคืน จาก'มนุษย์'ที่นับวันเริ่มล้ำเขตของเหล่าพืชด้วยสิ่งก่อสร้างขึ้นทุกวันจน ไม่มีวันหยุด ถ่ามกลางเมืองร้างที่เต็มไปด้วยพืชและต้นไม้นั้น ' ธราธร ' ได้ตื่นจากห่วงนิทราที่นานนับพันปี เขาซึ่งสูญเสียความทรงจำทุกอย่างในชีวิต จำได้เพียงว่าชื่อตัว เอง และเหตุการณ์เพียงไม่กี่นาทีก่อนที่เขาจะหลับ ชายใส่ชุดขาวมีหน้ากากบางอย่างครอบหัวเอาไว้ ก่อนสติของชายหนุ่มจะค่อยๆหลับตาลง พร้อมกับได้ยินคำว่า ' หลับให้สบายนะ ' ชายหนุ่มออกเดินทางหาสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า'มนุษย์' วันแล้ววันเล่า จนได้ไปเข้าไปในตึกๆหนึ่ง และแล้วเขาก็รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ทำไม'โลก'ถึงเปลี่ยนไป และได้พบว่า เขาไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป อยู่กับสิ่งมีชีวิตกลายพันธ์ุ ที่กลายพันธ์ุมาจากพืช!!
เป็นไงเพื่อนสาว ช่วยเชียร์ฉันด้วยนะ ถ้าได้ตีพิมพ์เมื่อไหร่ จะเอาเรื่องยาวมาให้อ่าน ไปแล้วนะ บก.รอนานแล้ว สุขสันต์ วันฮาโลวีนนะ
# ปล. ช่วยโหวตให้หน่อยนะครับ อยากได้ง่ะ
อันนี้จะออกแนวแฟนตาซีเว่อร์ไปหน่อย ภาษายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่อภัยให้ข้าน้อยด้วย
ณ หอพักนักเรียน เด็กหญิงมัธยมต้นกำลังนั่งเล่นเกมทางเลือก “ไขปริศนาวันฮาโลวีนสีเลือด” ในเว็บเด็กดี เป็นแบบเลือกตอบ 2 ทาง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคดีการตายของเพื่อนสนิทที่สุดของplayerในคืนวันฮาโลวีนโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากที่เธอเล่นไปได้ไม่เท่าไหร่ก็มีเสียงโวยวายดังมาจากชั้นล่างของหอพัก เมื่อเธอตามเสียงนั่นไปก็พบกับศพของเพื่อนสนิทที่สุดของเธอนอนจมกองเลือดอยู่ คนที่ฆ่าเพื่อนของเธอจะต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่งในหอพักนี้เเน่ ที่น่าแปลกคือเรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปเหมือนกับเกมที่เธอเล่นเอาไว้ไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นสภาพศพ ที่เกิดเหตุ หรือแม้แต่ผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวพันกับคดีนี้ แต่เดี๋ยวสิ! เธอยังเล่นเกมไม่จบนี่นา ก็น่าจะยังมีอะไรที่พอจะแก้ไขได้อยู่บ้าง แล้วทางเลือกนั้นมีอยู่แค่ 2 ทางจริงๆหรือ?
เด็กหญิงและเด็กชายสองคนต่างหลงทางเข้ามาในป่าสีเทาโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิดเดียว ในป่านี้ยามเช้าดูเงางามยิ่ง ทว่ายามค่ำคืนกลับแปรผันทุกอย่างเป็นสีเทา ดูเยือกเย็นและน่าวังเวง เด็กญิงและเด็กชายต่างไม่รู้ว่าตัวเองจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร เพราะยิ่งเดินไปเท่าไร ดูเหมือนกับว่าป่าจะขยายตัวมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งทั้งสองอ่อนแรง อีกไม่นานตะวันจะขึ้นฟ้าที่เรื่องที่ไม่ทันคิดก็บังเกิด เมื่อป่าแปรผันตัวเองกลายเป็นปราสาทนับพันๆ ในขณะที่พวกเขาหลับไป เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองตกอยู่ท่ามกลางปราสาทนับพันๆ หลัง พวกเขายังตกลงกันว่าจะเดินไปเรื่อยๆ และทุกหนึ่งวันสภาพที่แห่งนั้นจะแปรเปลี่ยนจากป่าเป็นปราสาท จากปราสาทเป็นทุ่งหญ้าราบ และที่สุดพวกเขาก็รู้จนได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปีศาจตัวเองหนึ่งกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่ เขาหาที่ซ่อนของมันแต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนเข้าไปสะกิดเข้ากับประตูบานใหญ่ ในนั่นมีเสียง เสียงอะไรสักอย่าง เขาตัดสินใจเปิดเขาไปและหมายจะฆ่าปีศาจแต่...
ปีศาจก็คือกระจกสีเลือด เด็กหญิงและเด็กชายต่างช่วยกันทำลายกระจกทั้งหมดในห้องอย่างบ้าคลั่ง จนพวกเขาหมดสติและตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันก็แค่ฝันร้ายคืนหนึ่งนั่นเอง
ด้วยคนนะครับ ^^
ณ เมืองแห่งหนึ่งซึ่งมีกำแพงสูงราวๆ700เมตรล้อมรอบเมืองแห่งนี้ไว้ ภายในเมืองแห่งนี้ถูกปิดตายจากโลกภายนอกนานนับร้อยปี ตึกและอาคารต่างๆถูกสร้างอย่างทันสมัย เครื่องอำนวยความสะดวกมากมายถูกประดิษฐ์ขึ้นมามากมาย แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปหรือต่ำลงเรื่อยๆคือ มนุษย์ มนุษย์ในเมืองแห่งนี้มีแต่ความเห็นแก่ตัว จิตใจต่ำทรามลงเรื่อยตามกาลเวลา ทุกคนภายในที่นี้ไม่มีใครรู้เลยว่านอกกำแพงนั้นมีอะไร 'สเตฟาน' เด็กหนุ่มวัยรุ่นและเพื่อนของเขาอีกสองคนพยายามที่จะขึ้นไปพิสูจน์โลกนอกกำแพง และแล้วเขาก็ได้ขึ้นไปบนกำแพง และได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น มวลน้ำมหาศาลล้อมรอบกำแพงเมืองแห่งนี้ ไม่มีพื้นดิน ไม่มีสิ่งมีชีวิต มีเพียงแต่มวลน้ำที่ไกลสุดลูกหูลูกตา และมวลน้ำนี้ก็สูงจนเทียบเท่ากำแพง สเตฟานกับเพื่อนลงไปข้างล่างเพื่อที่จะบอกทุกคน แต่ไม่มีใครเชื่อ และแล้ววันที่จะพิพากษ์ษาคนบนโลกก็มาถึง แผ่นดินไหวขนาด9ริกเตอร์ เกิดขึ้นใจกลางเมือง เมืองทั้งเมืองถล่มกลายเป็นซากปรักหักพัง แต่ก็ไม่เลวร้ายเท่ากำแพงสูง700เมตรกำลังถล่มมาพร้อมกับมวลน้ำมหาศาลเคลื่อนตัวลงมาที่เมือง !