ความหมายของ Hero (ฮีโร่)
พอพูดถึงฮีโร่ พี่น้องรู้ว่าภาพแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองทุกคนคือ ซูเปอร์แมน แบทแมน สไปเดอร์แมน อะไรพวกนี้ใช่ไหมคะ จะคิดแบบนั้นก็ถูก แต่ฮีโร่ที่พี่น้องจะพูดถึงนี้เป็นฮีโร่ในแง่วรรณกรรม ไม่ได้แปลว่า วีรบุรุษที่สละตัวเองเพื่อกู้โลกหรือช่วยเหลือผู้อื่น แต่หมายถึง ตัวละครหลักที่ปรากฏในนิยายแต่ละเรื่อง
สมัยก่อนเราจะเจอนิยายที่มีตัวเอกแบบนี้ได้บ่อยๆ เพราะนักเขียนสมัยนั้นเขาตรงไปตรงมากว่าสมัยนี้เยอะค่ะ ไม่มีเทคนิคซับซ้อน เล่าเรื่องเป็นเส้นตรง ตัวละครแบ่งเป็นสองขั้วชัดเจน ร้ายก็ร้ายไปเลย ดีก็ดีไปเลย
Anti-Hero ตัวเอกในยุคหลัง
กระแส Anti-Hero (แอนไท-ฮีโร่) เพิ่งมาบูมเอาช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 19 เป็นผลสืบเนื่องมาจากกระแสวรรณกรรมแนวเสมือนจริง (Realism) วรรณกรรมแนวนี้ถ้าให้อธิบายละเอียดคงยาว เอาง่ายๆ ว่าเขาเน้นสะท้อนความจริง ไม่เน้นเรื่องเพ้อฝัน
ดังนั้นเราจึงได้เห็นตัวเอกที่ไม่ได้เป็นคนดีศรีสยาม แต่กลับมีข้อบกพร่องนู่นนี่นั่น ซึ่งขัดแย้งกับภาพลักษณ์ฮีโร่ตามขนบที่เราคุ้นเคยเสียเหลือเกิน เรียกได้ว่าตัวละครไม่ได้แบ่งเป็นสองขั้ว ขาวกับดำชัดเจน แต่ผสมกันกลายเป็นสีเทา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยในโลกความจริงมากกว่าตัวละครที่ดีหรือเลวไปเลย
ซึ่งก็ตรงกับกระแสนิยายในยุคหลังๆ ที่เน้นการให้คนอ่านตีความเอง ตัวละครที่จะว่าดีก็ไม่ใช่ จะว่าเลวก็ไม่เชิง คนอ่านต้องตัดสินจากการกระทำและความคิดของตัวละครที่เกิดขึ้นในเรื่องแทน คนเขียนจะไม่มานั่งฟันธงอีกต่อไปแล้ว
ตัวอย่าง Anti-Hero
ไม่ได้มีข้อกำหนดชัดเจนว่าตัวละครแบบไหนถึงจะเรียกว่า Anti-Hero ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป เอาที่ชัดเจนและทุกคนน่าจะเห็นตรงกันคือ เชร็ค
อาร์ทิมิส ฟาวล์ หนุ่มน้อยอัจฉริยะที่ใช้ความฉลาดของตัวเองในการลักพาตัวแฟร์รี่เพื่อเรียกค่าไถ่ แถมยังทำธุรกิจมืดกับพวกมาเฟีย ถ้าเป็นฮีโร่สีขาวแบบสมัยก่อน เขาก็ต้องเป็นคนที่เอาความฉลาดมาใช้ในการช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองแบบนี้
Anti-Hero ไม่ได้จำกัดแค่ตัวเอกพระ/นางเท่านั้นนะคะ แต่ยังเอามาใช้กับตัวละครอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญต่อเรื่องเช่นกัน อย่าง สเนป นี่ก็นับเป็น Anti-Hero ได้ เพราะครูที่หวังดีกับเด็กจริงๆ มักจะทำตัวดีกับเด็ก สเนปหวังดีต่อแฮร์รี่ (เพราะอะไร คนที่อ่านตอนจบแล้วคงรู้กัน) แต่กลับทำตัวให้แฮร์รี่เกลียด ไม่พยายามแก้ตัวหรือปรับความเข้าใจ (ซึ่งก็ช่วยสนับสนุนแผนการในตอนท้ายเรื่องได้เป็นอย่างดี)
สร้าง Anti-Hero ของเรา
ถ้าใครชอบเขียนนิยายที่เล่นกับจิตใจคนอ่าน สไตล์ลุงจอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ติน การสร้าง Anti-Hero เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ปั่นหัวคนอ่านได้ค่ะ แต่จะสร้างได้เราก็ต้องเข้าใจก่อนว่า Anti-Hero มีลักษณะแบบไหนได้บ้าง
ลักษณะใหญ่ที่ยังไงก็ต้องมี ก็คือ "มีข้อบกพร่อง" เพราะคนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับพระเอกนางเอกที่สมบูรณ์แบบทั้งหน้าตาและนิสัย ข้อบกพร่องก็มีได้ทั้งภายนอก (รูปร่าง, หน้าตาไม่ดี) หรือภายใน (ขี้ขลาด, เห็นแก่ตัว, อารมณ์รุนแรง)
ส่วนลักษณะย่อยก็ต้องขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องที่เราวางไว้ มักจะเป็นลักษณะในแง่ลบ เช่น อาจมีพฤติกรรมชอบอยู่คนเดียว ปลีกวิเวก หรืออาจเคยทำผิดมาก่อน (เป็นเด็กเรียนแต่เคยลอกข้อสอบ, เป็นตำรวจแต่เคยขโมยของ, เป็นนักบวชแต่เคยฆ่าคนตาย) อดีตพวกนี้จึงกลายเป็นปมของตัวละครนั้นๆ
เอา Anti-Hero มาใช้ยังไงดี?
เรารู้แล้วว่า Anti-Hero คืออะไร มีลักษณะยังไง ทีนี้ก็หาทางเอามันมาใช้ประโยชน์ดีกว่า
แม้ว่า Anti-Hero ในปัจจุบันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป (อ่านนิยายเรื่องไหนก็เจอ ว่างั้นเถอะ) คนอ่านรู้แล้วว่าถ้าเปิดเรื่องมาเจอ Anti-Hero ตอนจบควรจะเป็นยังไง แต่เราทำให้มันน่าติดตามได้ จากการดำเนินเรื่องระหว่างทาง เพราะเสน่ห์ของนิยายที่มีตัวละครแบบนี้ คือ "อะไรจะทำให้ Anti-Hero คนนี้กลับมาเป็น Hero ได้"
พี่น้องจะสมมติพล็อตว่ามีคุณลุงผู้เย็นชา เคยติดคุกเพราะฆ่าคนตาย แต่แล้วบ้านข้างๆ ซึ่งประกอบไปด้วย พ่อแม่ลูก ดันเกิดเพลิงไหม้ คุณลุงไม่ได้คิดจะช่วย แต่ดันจับพลัดจับผลูช่วยลูกชายวัย 5 ขวบของบ้านนี้ให้รอดชีวิตเพียงคนเดียว แต่พ่อแม่ติดอยู่ในกองเพลิง เขาจึงต้องดูแลเด็กคนนี้ระหว่างที่ตำรวจติดต่อหาญาติ
ทิศทางของเรื่องจะแตกเป็นสองแบบ
1) Anti-Hero เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็น Hero ในแบบที่คนอ่านต้องการ
ค่อยๆ ใส่เหตุการณ์ที่หลอมละลายน้ำแข็งในใจเขา เปลี่ยนคนที่เย็นชา อารมณ์รุนแรงให้กลายเป็นคนอ่อนไหวและมีเมตตา โดยใช้เด็กผู้ชายวัย 5 ขวบนั่นแหละเป็นจุดพลิกผัน ต่างคนต่างก็เรียนรู้เรื่องของกันและกัน
หรือ
2) Anti-Hero ไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก แต่ตัวละครรอบข้าง (รวมทั้งคนอ่าน) เริ่มเข้าใจในตัวเขา และเปลี่ยนมาตรฐาน Hero ของตัวเองเสียใหม่
คุณลุงไม่ได้เปลี่ยนไป จนจบเรื่องก็ยังเย็นชา และอารมณ์รุนแรงเหมือนเดิม เพียงแต่เด็กชายวัย 5 ขวบเข้าใจเขามากขึ้น เพื่อนบ้านหวาดกลัวเขาน้อยลง เพราะทุกคนได้รู้ว่าเบื้องหลังนิสัยไม่น่าคบหาของคนๆ นี้แท้จริงแล้วเกิดจากเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตของเขาเอง
รู้ถึงขั้นนี้แล้ว มาลองฝึกสร้าง Anti-Hero ของเราดูบ้างเลยดีกว่า
สรุปกิจกรรม Anti-Hero
หลายคนใช้แพทเทิร์นเดียวกับตัวอย่างของพี่เลย แค่เปลี่ยนตัวละคร เปลี่ยนความผิดที่เขาทำ
ผู้ชายคนนี้ไม่น่า...ทำอะไรแบบนั้นได้เลย
นายตำรวจหันไปมองเด็กผู้ชายวัยกำลังซนที่อยู่บนม้านั่งอีกฝั่งของห้อง ห่างจากผู้ใหญ่แป๊บเดียว เจ้าเด็กก็ขึ้นไปยืนอยู่บนม้านั่ง แล้วพยายามจะแกะโปสเตอร์บนผนังออก
"เราเข้าใจดีว่าคุณไม่สะดวกใจ แต่ตอนนี้เราติดต่อญาติของเด็กคนนี้ไม่ได้จริงๆ"
หนวดของชายตรงหน้ากระตุกขึ้นนิดหนึ่งเหมือนรังเกียจในสิ่งที่ได้ยิน
"ก็เด็กไม่รู้จักใครเลย นอกจากคุณที่เป็นเพื่อนบ้าน และคุณก็ช่วยเขาไว้ตอนเกิดเหตุไฟไหม้" นายตำรวจลดเสียงลง "พ่อแม่เขาก็ตายแล้ว ตัวเด็กเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ขอเวลาให้เขาหน่อยน่า"
"เด็กคนนี้อยู่กับผมไม่ได้" อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและแหบแห้งเหมือนไม่ได้กินน้ำมานานหลายวัน
"ผมเคยฆ่าคนตาย"
จุดที่เราเข้าใจผิดกันมาก และมีตัวอย่างให้เห็นหลายคนก็คือ
- Anti-Hero ต้องดู 'โฉด' ไว้ก่อน เป็นนักฆ่าเลือดเย็น เป็นครูไหวใจร้าย ฯลฯ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เราต้องรู้ก่อนว่ามาตรฐานฮีโร่ของนิยายแต่ละแนวเป็นยังไงบ้าง พระเอกในนิยายแฟนตาซีออนไลน์ต้องเก่ง ดวงดี มีแต่สาวมาจีบ, นางเอกนิยายรักต้องซุ่มซ่าม โก๊ะแตก บ้านจน, พ่อมดในนิยายแฟนตาซีชั้นสูงต้องเก่งกาจ มีหนวดเครา สวมหมวกแหลม ฯลฯ พอเราจับจุดตรงนี้ได้แล้วค่อยมาสร้างตัวละครที่จะทำให้คนอ่าน (ซึ่งอ่านแนวนี้บ่อยๆ) ผิดคาด
ดังนั้น Anti-Hero อาจจะเป็นผู้หญิงกล้ามล่ำ นักยกน้ำหนักทีมชาติ ฉลาด ไม่ต้องพึ่งชายใด พอมาเป็นนางเอกนิยายรักแล้วเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่รู้พระเอกจะมาลงเอยกับผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง เพราะปกติต้องเป็นสาวบอบบาง ร่างเล็กกันเสียมาก - Anti-Hero คือคนดีที่โดนสังคมเข้าใจผิดว่าเป็นคนไม่ดี จริงๆ แล้ว Anti-Hero ต้องเป็นคนแบบนั้นเลย ถ้าจะบอกว่าเขาโหดเหี้ยม ก็ต้องเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาขี้เกียจก็ต้องขี้เกียจจริงๆ
อีกจุดที่เป็นอุปสรรคของเราคือ "จำนวนบรรทัด" เพราะบางทีมันก็ใช้เวลานานมากในการแสดงให้คนอ่านเห็นว่าเนี่ยคือ Anti-Hero มีหลายคนเลยที่ในสิบบรรทัดนั้น มาแค่กลิ่น ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง แต่หลายคนก็ใช้ประโยชน์จาก 10 บรรทัดนั้นได้ดี ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร แต่เลือกตัวละครที่ไม่ต้องบรรยายมาก ก็รู้ว่าเป็น Anti-Hero
และบางคนอาจจะอ่านโจทย์ไม่ครบด้วย ฉากที่พี่น้องต้องการแค่ฉากเปิดตัว ดังนั้นมันต้องเป็นฉากที่อยู่ต้นๆ เรื่องหน่อยล่ะ เราไม่จำเป็นต้องเขียนรวบให้จบในฉากนั้น เหมือนอยู่ดีๆ ตัดย่อหน้ามาจากหนังสือนั่นแหละ แต่ขอให้ฉากนั้นมันสื่อได้ว่าตัวเอกที่คุณผู้อ่านกำลังจะเจอ คือตัวเอกปวดตับ ไม่ใช่ตัวเอกตามขนบทั่วๆ ไปนะ
ไม่ว่าเราจะตัดส่วนไหนมาให้พี่น้องอ่าน พี่ก็จะจินตนาการต่อ (แบบเข้าข้างน้องๆ มากที่สุด) ว่าถ้านี่เป็นเรื่องยาว เรื่องมันจะดำเนินไปแบบไหน ฉากนี้พอจะเป็นคำใบ้เล็กๆ ให้คนอ่านรู้ว่าเรื่องนี้มี Anti-Hero ได้ไหม ถ้าได้ก็ถือว่าผ่าน
ดังนั้นคนที่ได้โหวตมา ไม่ว่าจะมี Anti-Hero หรือไม่ ก็จะถือตามจำนวนโหวตเลย ส่วนคนที่พี่น้องเลือก ก็อาจจะไม่เป๊ะ 100% แต่ถือว่า 'มีตัวละครที่น่าสนใจพอจะเป็น Anti-Hero ได้'
ผู้โชคดี
ที่ 1 ได้เซ็ตปัญจอาถรรพ์ 5 เล่ม ของสำนักพิมพ์ Sofa Publishing

อันนี้ถ้าเปลี่ยนวิธีการเปิดเรื่องให้มันดูน่าสนใจและลึกลับกว่านี้จะดีมาก
อาจจะใส่รายละเอียดที่เป็นการกระทำ หรือบรรยายฉากรอบๆ แล้วให้คนอ่านตีความเอง
ตัวละครนี้น่าสนใจเพราะว่าเขาเป็นเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย แต่หมดศรัทธากับมัน
ทำให้เลือกเดินอีกทาง เขาไม่ใช่ นักกฎหมายในแบบที่เราคาดว่าจะเป็น
ที่ 2 และที่ 3 ได้หนังสือคนละเล่มเป็นของปลอบใจ

อันนี้ถ้าให้พี่คิดต่อยอดเองนะ เนื้อเรื่องต่อจากนี้อาจจะเป็นแนวบู๊นิดๆ
เหมือน Taken อ่ะ แต่สิ่งที่อยากจะตินิดนึงคือประโยคที่พี่ขีดเส้นใต้ด้วยสีแดง
พอเราให้ตัวละครบรรยายแบบนี้แล้วมันดูไม่น่าเชื่อถือ
คนอ่านมีสิทธิคิดได้ว่า ตัวละครกำลังหลอกตัวเองอยู่
พอเป็นแบบนี้แล้ว มันทำให้ความเป็น Anti-Hero ลดลง เพราะเขาอาจไม่ได้อำมหิตจริง

อันนี้เป็นตัวอย่างของ Anti-Hero ที่มาแค่กลิ่น แต่กลิ่นแรงมาก
คือพี่อ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้ต่อยอดเป็นแนวแฟนตาซีออนไลน์ได้
ทีนี้พระเอกแนวนี้เรารู้กันอยู่แล้วว่าส่วนใหญ่มันเป็นสายต่อสู้
แต่ถ้าเราวางไว้พระเอกคนนี้เข้าเกมมาแล้วได้อาชีพนักบวช
อาชีพที่ลุยเดี่ยวไม่ได้ ก็น่าสนใจ
ที่ 1 ได้เซ็ต Galilian Tales 3 เล่ม by SUNICH ของสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ (ไลท์โนเวล)

ที่ 2 และที่ 3 ได้หนังสือคนละเล่มเป็นของปลอบใจ


บอกชื่อ-ที่อยู่สิจ๊ะ
ส่วนคนอื่นๆ ที่ส่งผลงานเข้ามาก็สามารถเอาฉากที่ตัวเองคิดไปต่อยอดได้
พี่อนุญาตให้ลบความเห็น ถ้าเรากลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นไอเดียเรานะ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
http://www.writersdigest.com/online-editor/how-to-create-an-antihero-that-readers-love
155 ความคิดเห็น
บรรยากาศภายในห้องเรียนยังคงร้อนอบอ้าวเมื่อประกอบกับเสียงบรรยายของอาจารย์แล้วมันคือมนตร์สะกดให้หลับใหล แต่นั่นไม่ใช่กับ มีนา ที่กำลังจ้องมองผู้ชายคนข้างหน้าเธออย่างครุ่นคิด เสียงกริ่งดังขึ้น แต่ละคนต่างเก็บข้าวของเพื่อกลับบ้าน “โอยยยย หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว กลับกันเถอะมีน” เพื่อนสาวของฉันเดินเข้ามาก่อนมองตามแล้วยิ้มเยาะ “อย่าบอกนะว่าเธอเกิดสนใจหมอนั่นขึ้นมาน่ะ” ฉันเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ เพื่อนสาวเบ้ปากก่อนพูด “หมอนั่นนิสัยไม่ดีนะ ชอบทำตัวหยิ่ง ไม่มีใครคบหรอก” ฉันเพียงแต่ยักไหล่ก่อนเริ่มเก็บของ “เข้าเรียนก็สาย แล้วดูแต่งตัวเข้าสิ สารรูปดูไม่จืดเลย แล้วแว่นหักๆนั่นมันอะไร ฉันล่ะสงสัยว่าเค้าเข้ามาเรียนโรงเรียนไฮโซแบบนี้ได้ยังไงกัน” เพื่อนฉันจีบปากจีบคอพูด “ใครๆก็รู้กัน ว่าเค้าน่ะตัวร้าย มีคนเคยเห็นเค้าสุมหัวอยู่กับพวกนักเรียนโรงเรียนอันธพาลด้วยนะ” ฉันพยักหน้ารับรู้ ก่อนบอกออกไป “วันนี้ฉันติดธุระน่ะ เธอกลับก่อนเถอะ” เพื่อนสาวฉันหน้างอ ฉันจึงพูดเสริม “เค้ามารอเธอนานแล้วน่ะ ฉันเหล่มองไปทางประตูที่มีผู้ชายคนนึงยืนอยู่” “โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ” เธอยิ้มระรื่นก่อนเดินตัวปลิวออกไป ฉันเหลือบไปมองคนที่กำลังตื่น ภาพเมื่อวานยังคงติดตา คนที่กระโดดไปช่วยลูกหมาที่ตกลงไปในคลองเนี่ยนะจะนิสัยไม่ดี ฉันยิ้มนิดๆ
****************************************
เย้! เสร็จละ 'w') ฝากติชมด้วยนะคร้าบบบ
อ้าว! ไม่ทันซะละ QAQ ...ว่าจะมานั่งส่งบ้างอุตส่านั่งคิดไว้อย่างดิบดีเตรียมเนื้อที่สมองจับจองเอาไว้พิมพ์...ที่ไหนได้...ตายคากองงานโรงเรียน... อดเลย...ม่ายยยยยย แอบเสียดายนิดๆที่ไม่ได้เข้าร่วมสนุกด้วย โธ่เอ้ย...ไม่น่าดับอนาถคากองงานเลยฉัน //นั่งสบถตัวเอง
มองวันที่เขาจะประกาศอีกทีก็สายเกินไป...นี่สินะที่เขาเรียกว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา...
เหอๆ ในเมื่อตัวเองไม่ประกวดแล้วก็ขอโหวตละกันนะคะ >w< //นั่งอ่านของแต่ละคนอย่างรวดเร็ว
“คิดว่าทำแบบนี้มันดีแล้วหรือ” ชายวัยสามสิบปลายๆกอดอก รอยย่นระหว่างคิ้วเด่นชัด ดวงตาจ้องไปที่ลูกชาย “ก้าวร้าว ต่อยตี สร้างชื่อเสียให้แก่โรงเรียน ผ.อ. ว่ามาแบบนี้” คนเป็นพ่อถอนหายใจ “ลูกสิบเจ็ดแล้วนะ สิ-บ-เ-จ็-ด ไม่ใช่เด็กสิบเอ็ด หัดมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ซะบ้าง”
ผู้ถูกต่อว่ากลอกตา เบ้ปาก “อย่างกับพ่อไม่เคยงั้นแหละ” สิ้นเสียง แววตาของอดัม ผู้เป็นใหญ่ในบ้านก็เปลี่ยนไป
“เป็นอะไรน่ะพ่อ” เด็กเจ้าปัญหาดูจะจับสังเกตได้ อดัมสะดุ้ง ตาสีฟ้าหลุบลง เหงื่อค่อยๆผุดขึ้นบนใบหน้า
“เปล่า”
ได้ยินดังนั้นชายวัยคะนองจึงเดินเข้ามาประจันหน้ากับพ่อตน “พ่อโกหก ผมจับทางพ่อได้หมดแหละ ขนาดพ่อยังเคยต่อยตีกันแบบผม ทุกคนก็เคยทั้--”
“ไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนพ่อตอนวัยรุ่น” อดัมพูดแทรก
“...พ่อไม่อยากให้ลูกเผลอพลั้งมือจนได้เข้าคุกแบบพ่อ”
------------------------------------------------
เมื่อก่อนเอาแต่ส่องคนอื่น คราวนี้มาแต่งเองบ้าง55555 ไม่เคยแต่งนิยายส่งกิจกรรมเลยอ่ะ กลัวพลาด
น่าสนใจ
จองแปป
“ทำไมเธอต้องทำตัวติดฉันขนาดนี้ด้วย ฮะ!!” เด็กหนุ่มเจ้าของผมทรงเม่นที่ถูกย้อมด้วยสีสันจัดจ้านท้าทายครูปกครองตะคอกใส่เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติ เธอสะดุ้งเฮือกก่อนจะพยายามนั่งตัวเล็กลีบก้มหน้ามองโต๊ะ
“ฉะ... ฉันเป็นเด็กใหม่ ไม่รู้จักใครเลย ละ...แล้วนายก็เป็นคนดี ฉันเลยคิดว่า...” เด็กสาวพูดเสียงเบาหวิว
“ฉันเนี่ยนะคนดี!?” เด็กหนุ่มชี้หน้าตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อหู เด็กสาวพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ เป็นการตอบรับ
“ถ้าเธอคิดว่าคนที่ทำทุกอย่างที่ผิดกฎของโรงเรียน...” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาวางพาดไว้บนโต๊ะเรียนจนเกือบโดนหน้าเด็กสาว “แถมกำลังจะต่อยผู้หญิงตอนนี้...อย่างฉัน เป็นคนดีแล้วล่ะก็ฉันว่าเธอน่าจะไปเช็คสายตาที่โรงพยาบาลพร้อมกับทำความสะเอ็ดแผลอักเสบไปด้วยเลยดีกว่านะ” เด็กหนุ่มยิ้มเยาะพลางกระดิกเท้าไปมา
“แต่ว่านาย... ช่วยหมาที่โดนรถชนจนพ้นขีดอันตราย และตอนนี้นายก็เลี้ยงหมาตัวนั้นไว้ด้วย”
********************************************
ส่งด้วยเหมือนกันฮับ
อ่านจบแล้วรีบเปิดเวิร์ดเขียนเลย >< เมื่อก่อนเคยกะจะแต่งแนวๆ นี้ แต่ก็พับโครงการไปไม่มีกำหนด เจอกระทู้นี้แล้วรู้สึกอยากขุดขึ้นมาอีกครั้ง 555
ว่าจะต่ออีกซักนิด แต่พอนับๆ ดูในเวิร์ด ครบ 10 บรรทัดซะแล้ว... TOT
มือหนายื่นเสื้อโค้ดสีดำของตนให้กับเด็กชายตัวผอมที่นั่งกอดเข่าจนตัวสั่นท่ามกลางความหนาวเย็นที่เกือบติดลบในบริเวณมุมอับของหอพักเก่าในย่านสลัม ไม่รอช้าเด็กน้อยรีบคว้าเสื้อตัวใหญ่ไว้แทบจะทันที ‘อิริค’ ย่อตัวลงก่อนลูบหัวของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู และใช้มือผลักร่างเล็กเบาๆ เพื่อเป็นเชิงว่าให้รีบหนีไป
‘รีบไปซะ.....ก่อนที่นี้จะกลายเป็นสนามรบ’
เสียงไซเรนดังขึ้นข้างหลัง เขาค่อยๆหันหลังไปยังทิศทางของเสียงนั้น มองรถตำรวจนับสิบคันที่อยู่ตรงหน้า แสยะยิ้มโหดภายใต้หน้ากากสีขาว ราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่นี้
“ยอมมอบตัวซะ อิริค แบล็ค!”
ใช่แล้วบุรุษผู้นี้คือ ‘อิริค แบล็ค’ ฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารผู้คนรวมแล้วถึง 120 ศพ โดยไม่มีศพไหนที่สามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ได้เลยแม้แต่คนเดียว เพราะพวกเขาเหล่าล้วนโดนตัดหัวและทำลายศพอย่างไม่มีชิ้นดี!!
_____________________________________________________________
พึ่งสอบเสร็จเองกว่าจะกลั่นออกมาได้ น้ำตาจะไหลแท้ ๕๕๕
ฉันคือคนที่เด็กๆเรียกว่าครู มีหน้าที่ต้องสอนและให้ความรู้กับเยาวชนของชาติที่กำลังจะเติบโตไปเป็นอนาคตของชาติ ฉันรักอาชีพนี้ แต่ฉันควรเป็นคนที่เด็กๆเรียกว่า“ครู”จริงๆน่ะหรอ เพราะฉันยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดขององค์กรมืดที่ค้าอาวุธ ค้าสิ่งผิดกฎหมาย สั่งฆ่าคน เพียงเพราะฉันเป็นลูกสาวของเจ้าขององค์กรมืดแห่งนี้
ก๊อกๆ “นายหญิงค่ะ มือสังหารรายงานมาว่าจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”เลขาสาวส่วนตัวเคาะประตูห้องก่อนจะก้าวเข้ามารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับการจัดการคู่แข่งทางการค้าฝ่ายตรงข้ามขององค์กร
“อืม ก็ดี แล้วของล็อตใหม่ล่ะส่งไปหรือยัง”ฉันเอ่ยถามเกี่ยวกับสินค้า“ต้องห้าม” ที่กำลังจะส่งออก
“ยังค่ะเรากำลังดำเนินการ”เลขาสาวว่า
“รีบๆเข้าล่ะ อย่าเลยกำหนด ไปได้ล่ะ แล้วมารายงานด้วย”ฉันบอกก่อนจะส่งเลขาสาวให้ไปทำหน้าที่ต่อ
เฮ้อ~ นี่น่ะหรอสิ่งที่ครูทำน่ะ สั่งฆ่าคน ค้าอาวุธ และค้าสิ่งผิดกฏหมาย ฉันไม่ควรมานั่งเก้าอี้ตัวนี้และไม่สมควรที่จะยืนอยู่หน้าชั้นเรียนสอนเด็กๆที่เป็นอนาคตของชาติ ฉันจะทำอย่างไรดีน่ะ หรือฉันควร...จะหายไปจากโลกนี้เลยดี
ประตูไม้สักถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี เขาเดินเข้ามาภายในห้องโถงที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์มากนัก กลางห้องมีชายชราวัยหกสิบห้าปีกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เขามองผู้เป็นปู่ก่อนจะกวาดตาไปรอบๆ ห้องแล้วสะดุดกับใครบางคน...
หญิงสาววัยสิบแปดปีกำลังนั่งรับสายลมเย็นๆ ในช่วงหัวค่ำอยู่ริมหน้าต่าง ที่หัวของเธอมีผ้าสีขาวพันรอบหัว เธอสวมชุดของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มยืนมองหญิงสาวด้วยอาการสั่นเล็กน้อย
“นั่งก่อนสิ” เสียงแหบต่ำเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง
“คะ...ครับปู่” ชายหนุ่มรับคำก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับชายชรา
“หลานเป็นคนช่วยเธอจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อเดือนก่อน แต่เธอเสียความทรงจำเธอไม่มีญาติอยู่ในกรุงเทพ หมอเลยอยากให้เธอเริ่มชีวิตใหม่” ชายชราบอกผู้เป็นหลาน “หลานช่วยดูแดเธอได้มั้ย?”
“มะ...ไม่ได้” เสียงของชายหนุ่มเริ่มสั่นเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ก่อนจะส่ายหัวเหมือนคนขาดสติ ใบหน้าเขาเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมา “เพราะผม... เป็นคนขับรถชนเธอ”
----------
ครั้งแรกค่าาา ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ
"มีลูกด้วยงั้นหรือ? เนื้อหางานไม่ได้บอกไว้แบบนี้ซักหน่อย?"
ท่ามกลางแสงสลัวของยามพรบค่ำปรากฏสามร่างในห้องกว้าง หนึ่งคือชายหนุ่มในชุดดำพร้อมปืนในมือ เขาคือมือสังหาร สองคือร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่แทบเท้าของเขา นั่นคือเป้าหมาย หัวหน้ามาเฟีย สามคือเด็กน้อยที่โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้และร้องเรียกหา "พ่อ?"
เด็กคนนั้นคงอายุไม่ถึงสามขวบดีด้วยซ้ำ และกำลังถือปืนเล็งมาที่มือสังหาร มือที่เล็กจนจับปืนได้ไม่ถนัดสั่นกึกๆ นัยน์ตาของเด็กเบิกกว้าง น้ำตาเป็นสายไหลออกจากดวงตาคู่นั้น
"อย่าทำแบบนั้นดีกว่าน่า หนุ่มน้อย" เขาเอ่ยเสียงเรียบ ขณะเล็งปืนไปยังเด็กน้อย "ฉันไม่อยากฆ่าเด็ก"
แต่คำพูดของเขาก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ นี่ไม่แปลก เพราะไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนหน้า เขาเองนี่แหละที่เป่ากระสุนนับสิบเข้าใส่ร่างบิดาของเด็กน้อยจนพรุนเป็นรังผึ้ง
พริบตาก่อนที่นิ้วของเด็กจะขยับไปเหนี่ยวไก เขาก็ถอนหายใจเบาๆ และกระชับไกปืน
"บัดซบ..."
ปัง!
‘เฮ้ อาจจะฟังดูแปลกๆ นะ แต่ว่านับจากนี้ไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉันก็ฝากดูแลเอพริลด้วยนะ’
คาร์ลอสยิ้มให้เขาก่อนจะออกจากบ้านของเขาไป ไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูดนักแต่ว่าเขาก็รับปาก แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าสิ่งที่เพื่อนรักบอกมาจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไบรอันลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน รู้สึกหัวหนักอึ้งจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ตกค้าง เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา และตอนนั้นเองผ้าห่มสีแดงผืนโตก็ไหลลู่ลงจากอกไปกองอยู่ที่ตักของเขา ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อย จำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเขาห่มผ้าด้วยเหรอ ? เขามองไปที่ปลายเท้า ไม่มีรองเท้า แต่มันไปอยู่ด้านล่างแทน แถมวางอย่างเป็นระเบียบเสียด้วย
เขาลุกขึ้น เดินขึ้นไปชั้นบน ที่ที่เขามั่นใจว่าคนที่ทำสิ่งนี้ให้อยู่ที่นั่น ไบรอันตรงไปยังห้องของเอพริลก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป เด็กสาววัย 14 ไม่ได้นอนหลับอย่างที่คิดไว้ ร่างเล็กนั่งกอดเข่าอยู่ปลายเตียง ใบหน้าหวานมีแต่น้ำตา เธอตวัดมองเขาก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ เขาถอนหายใจ เมื่อคืนเขาทำอะไรลงไปนะ
ชายหนุ่มคุกเข่าลงต่อหน้า ดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอก พูดว่า “ขอโทษนะ... ที่เป็นคนดีแบบพ่อเธอไม่ได้”
*****************************************
ออกจะมึนๆ มากกว่านะเนี่ย พี่น้องบอกว่าไม่ขาดไม่เกิน 2 บรรทัด ในเวิร์ดมี 11 บรรทัด คงได้นะคะ
ระหว่างที่ผมยืนรอคำตัดสินโทษ ผมก้มมองตัวของผมผ่านทางแอ่งน้ำบนพื้น บางครั้งผมก็ถามตัวเองว่าทำไม ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมผมถึงเกิดมา ทำไมผมต้องเป็น ‘ปิศาจ’ สิ่งมีชิวิตที่กินจิตวิญญาณมนุษย์เป็นอาหาร เลือดสีดำข้นในกายของผมคือหลักฐานยืนยันเผ่าพันธุ์เป็นอย่างดี ปิศาจตนหนึ่งเดินผ่านมาเหลือบมองผมฉีกยิ้มชั่วร้าย
“แกต้องโดนลงโทษแน่ๆ โทษฐานที่ปล่อยให้ ‘อาหาร’ หนีไป”
ใช่ ผมทำผิดกฎ ผมต้องนำ ‘อาหาร’ ที่คัดสรรมาอย่างดีนั้นบรรณาการให้องค์ราชาปิศาจ ผมเป็นขุนนางคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ‘อาหาร’ ทุกอย่างที่นำบรรณาการแก่องค์ราชาปิศาจ ว่าสมควรหรือไม่ มีค่าเพียงพอจะให้องค์ราชาหรือไม่ และไม่ใช่พวกก่อกบฏส่งมาเพื่อกำจัดองค์ราชา
แต่ ‘อาหาร’ ครั้งนี้ผมทำไม่ได้ ผมเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน เมื่อ ‘อาหาร’ มองผมด้วยแววตาใสๆ ไม่รับรู้เลยว่าอยู่ในแดนปิศาจ เด็กหญิงตัวน้อยที่ใส่ชุดกระโปรงสีขาวสะอาดเหมือนเทพธิดา
“องค์ราชาเรียกเจ้าเข้าพบ” ปิศาจระดับองครักษ์ตนหนึ่งบอกผม
ถึงเวลาแล้วสินะ อา..ป่านนี้เทพธิดาน้อยที่ผมช่วยเอาไว้ จะเป็นอย่างไรบ้างนะ แต่ถึงยังไงผมก็จะไม่เสียใจ เพราะผมได้ช่วย ‘เทพธิดา’ เอาไว้แล้ว
---------------------------------
ดิทแก้ครั้งที่ 1
ผมเป็นนายพราน......มีหน้าที่ล่าสัตว์ทุกตัวในป่าเพื่อเอาไปขายในตลาดมืด ราคากำลังดี..... ฮึๆ เสียงหัวเราะผมดูทุเรศจัง......
วันนั้นผมเข้าป่าไปแบบทุกวัน....ผมเจอสิงโตตัวเมีย แม่ลูกอ่อนเสียด้วย แบบนี้ถ้าจับไปทั้งแม่ทั้งลูกคงได้เงินเพิ่ม
ปืนของผมทะลุเข้าที่ตัวของแม่สิงโต.....ผมยังไม่แน่ใจว่าดวงตาของตัวลูกมันทำให้ใจอ่อนลงหรือเปล่า...แล้วพ่อสิงโตก็เข้ามา
ผมสู้กับพ่อสิงโตนั่น........รู้ตัวอีกที......ผมก็ยิงมันเข้าที่ใต้แผงคอแบบถากๆ....แล้วหน้าผมก็มีรอยข่วน
การต่อสู้ครั้งนั้น......ไม่มีใครชนะหรือแพ้ แต่มีแผลกันทั้งคู่ ผมเลยตัดสินใจหนีออกมา แล้วก็ทำงานล่าสัตว์ต่อไป
ลูกสาวของผมดูสารคดีสัตว์ป่าแล้วรู้สึกสะเทือนใจเมื่อรู้ตัวว่าพ่อตัวเองกำลังทำงานแย่ๆแบบนี้...
แต่ว่านะ.......ถ้าผมไม่ทำแบบนี้......แล้วใครจะเลี้ยงลูกละ? เธอไม่มีแม่...ไม่มีใครเลยนอกจากผม.....เหมือนลูกสิงโตตัวนั้น
วันนี้ผมกำลังเตรียมตัวล่าสัตว์ในแคมป์....แล้วลูกสิงโตตัวหนึ่งก็เดินโซซัดโซเซเข้ามา....ดวงตาของมันช่าง......
แล้วผมก็ใจอ่อนอีกจนได้.......เพียงแค่เห็นภาพซ้อนในอดีตเท่านั้น.....ผมก็เผลอช่วยทำแผลให้มัน...แล้วอุ้มมันไปส่งที่ชายป่า....
จากนั้นวันต่อมา.....ผมก็เข้าไปทำงานในป่าอีกรอบ.....แล้วก็ทำอีกทุกๆวันถัดมา......
แก้แล้วส่งอีกรอบได้มั้ยหว่า......ลองแก้ให้ดูเป็นแอนไทฮีโร่มากขึ้นแล้วนะคะ จุ๊บๆ
ปล. ตอนแรกฎาอ่านเป็น อันติ(anti) ฮีโร่อะค่ะ 5555+
ปล.2 ถ้าเอาลงในเวิร์ด แล้วเปลี่ยนฟอนต์เป็นคอร์เดียฯ ขนาด 14 มันจะได้เป็น 10 บรรทัดพอดีอะค่าา
"มน เดี๋ยวมนรอลุงในรถนี่ก่อนนะ " ชายหนุ่มวัย30ต้นๆบอกกับ มน หรือ กชมน หลานสาววัย17ปลายๆที่นั่งอยู่ด้านข้างคนข้างคนขับก่อนที่จะลงไปเปิดประตูหลังด้านคนขับพร้อมกับลากชายหนุ่มอีกคนหุ่นดีหน้าตาดีอายุ20ต้นๆที่โดนมัดมือไพล่หลังลงมาจากรถของเขา,ปิดประตูจากนั้นก็ลากตัวคนร้ายที่เขาพามาน้นส่งให้กับชายหนุ่มที่สวมชุดสูทซึ่งมีอายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี ชายหนุ่มตรงหน้าเขาเมื่อได้ตัวคนร้ายแล้วก็ส่งตัวไปให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่ด้านหลังเขาก่อนที่จะทักว่า "นายยังทำงานดีเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ต่างจากเมื่อ 12 ปีที่เเล้วเลย ดีขึ้นด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นสินะ" ชายหนุ่มทั้งสองหันไปมอง เด็กคนนั้น ที่ชายในชุดสูทบอก ซึ่งเธอกำลังก้มลงดื่มชานมไข่มุกอย่างเอร็ดอร่อย เด็กสาวเงยหน้ามามองพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้ที้งสอง ชายในชุดสูทโบกมือตอบอยย่างเป็นมิตรพร้อมกับถามชายตรงหน้าว่า " เธอรู้ความจริงบ้างหรือยังน่ะ" " ยัง " "เมื่อไรนายจะบอกเธอล่ะฮะ " "...นายจะให้ฉันบอกเธอได้อย่างไรกันล่ะว่าฉันเป็นคนฆ่าพ่อของเธอเมื่อ14ปีที่แล้ว... " ชายหนุ่มหลบตาลง ภาพในอดีตนับร้อยนับพันวนเวียนในหัวเขาราวกับว่า มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน "ถ้าหนูไม่ได้ลุงช่วยในวันนั้นนะป่านนี้หนูคงแย่แน่ๆ " " คุณลุงต้องช่วยหนูตามหาคนที่ฆ่าพ่อหนูด้วยนะคะ หนูไม่ปล่อยมันไว้แน่!!! "....
************************************************************************
แต่งครั้งแรก แฮร่~~~ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ><
**ที่จริงยาวกว่านี้แต่ต้องตัดหลายส่วนออกไป...เสียดายยยยมากเลยค่ะ TT^TT
***ที่จริงในเวิร์ดนับได้ 10 บรรทัดเป๊ะๆเลยนะคะ
“แต่งงานกันนะ”
เขาคุกเข่าลงตรงหน้า แหวนวงใหญ่ยื่นไปหา แต่อีกฝ่ายกลับเบิกตากว้าง ก้าวถอยหลังราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง...อะไรบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
“มะ...ไม่ได้” เธอร้องเสียงสั่น
เขาทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง ราวโลกถล่มลงตรงหน้า เขาทำผิดอะไรหรือ? เขายังรักเธอไม่มากพอหรือ? เหตุใดเธอจึงปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใยขนาดนี้
“ฉันเป็นผู้หญิงที่ดีให้คุณไม่ได้ ฉันเป็นแม่ของลูกคุณไม่ได้หรอก” เธอบอกเสียงเครือ ยกมือขึ้นปิดหน้าที่กำลังมีน้ำตาไหลริน
“ทำไม!” เขากระชากเสียง หัวใจเจ็บร้าวเสียเหลือเกิน
แต่ประโยคต่อมาของเธอก็ทำให้ทั้งร่างของเขาแข็งเป็นหิน
“ฉันเคยถูกข่มขืน”
โลกนี้น่ะเต็มไปด้วยการโกงและคำโกหกหลอกลวง
เด็กสาวผู้มีผมสีทองม้วนเป็นลอนยาวสลวยถึงสะโพกในชุดรัดรูปโชว์-ส่วนสีดำกำลังแสยะยิ้ม เธอค่อย ๆ วางไพ่ในมือลงบนโต๊ะอย่างช้า ๆ
“รอยัลเสรทฟลัชค่ะ คิก..คิก ๆ” เด็กสาวหัวเราะเบา ๆ ขณะที่ใช้มือรวบเหรียญชิพสีดำ-แดงของฝ่ายตรงข้ามมายังฝั่งของตน เธอสบสายตากับชายหนุ่มที่อายุมากกว่าก่อนจะยิ้มหวานอย่างน่ารัก
หึ... เด็กสาวนึกอย่างเย้ยหยันเมื่อเห็นอีกฝ่ายวางชิพลงมาเพิ่มเป็นเท่าตัว รอยัลเสรทฟลัชน่ะมีโอกาสออกแค่หนึ่งในหกหมื่นห้าพันเท่านั้นล่ะย่ะ
ดวงตาสีน้ำทะเลฉายแววดูถูกอย่างไม่ปิดบังขณะเริ่มเกมครั้งใหม่
ใช่แล้ว..โลกนี้น่ะมันต้องโกงเท่านั้นถึงจะอยู่รอด
เอาล่ะ...มาเริ่มกันอีกครั้งเถอะ
สองผู้ยิ่งใหญ่
มีบุคคลสองคนที่มีอิทธิพลสูงสุดในเรื่องนี้ นั่นคือ เบลค โจนส์ และ คอนเนอร์ บราวน์ ทั้งสองคนล้วนเป็นอัจฉริยะ หากแต่ที่ต่างคือความคิดและการกระทำ หลายสิบปีก่อน เบลค โจนส์ ใช้ความรู้คิดค้นยาพิษคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปหลายแสนคน เพื่อเรียกเงินจากรัฐบาลให้ปกป้องประชาชน หากแต่สุดท้ายแผนการล้มเหลว เขาจึงหลบหนีหายไปตั้งแต่นั้น ไม่มีผู้ใดได้ข่าวอีก ในขณะที่ คอนเนอร์ บราวน์ ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนดี และเขาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาคือนายแพทย์ผู้คิดค้นแอนติบอติรักษาโรคอีวาเลียที่กำลังระบาดและคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบล้านได้สำเร็จ รักษาผู้คนหลายล้านที่กำลังป่วยให้หายเหมือนฟื้นจากความตาย เขาคือนายแพทย์ผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี พร้อมที่จะเสียสละเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง
คนทั่วโลกไม่มีทางลืมนามเบลค โจนส์ แม้อยากจะลืมแค่ไหนก็ตาม ขณะเดียวกันก็อยากจดจำนามคอนเนอร์ บราวน์และความดีงามของเขาเพื่อเล่าให้ลูกหลานฟัง ประวัติของเขาคือสิ่งที่ทุกคนใคร่รู้ ...หนึ่งในประวัติที่ควรรู้คือคอนเนอร์ บราวน์ ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม เขาถูกผู้ให้กำเนิดทิ้งไว้ข้างถังขยะตั้งแต่เกิด แล้วมีผู้เก็บมาเลี้ยง
“ผมอยากเล่าเรื่อง ลูอิส บราวน์ ให้พวกคุณฟัง เขาคือพ่อของผม คือสิ่งที่มีค่าในชีวิตผมนอกเหนือจากลมหายใจและคนไข้ เขาเก็บผมมาเลี้ยง และผมเป็นหนี้ชีวิตเขา เขาไม่ใช่พ่อที่ดีนักแต่เป็นพ่อที่ดีที่สุด เขาไม่ได้สอนผมดีที่สุดแต่ทุกอย่างที่เขาสอนหลอมรวมให้เป็นผมในวันนี้” คอนเนอร์ บราวส์กล่าวในรายการหนึ่ง “อันที่จริงพวกคุณน่าจะรู้จักเขาดีหากผมจะบอกว่า ลูอิส บราวน์ คือชื่อที่ถูกเปลี่ยนใหม่ของเบลค โจนส์”
***