ได้ค่ะ แต่การแต่งสดมีความเสี่ยง เราอาจลงเอยด้วยการออกทะเล หรือเส้นเรื่องเดินเป็นคลื่นไปมา ไม่ชัดเจน การแต่งสดทำให้เราวางแผนไม่ได้ว่าฉากนี้จะส่งผลไปถึงตอนจบได้ยังไง อาศัยดวงเอาว่าบางทีมันอาจจะเชื่อมกันในท้ายที่สุด เหมือนออกเดินไปในป่าโดยไม่รู้ว่าระหว่างทางจะเจออะไรบ้าง อาจไปถึงทางออกเหมือนกัน แต่ได้รับประสบการณ์ไม่เหมือนกัน
เมื่อเขียนจบแล้ว เรื่องของเราอาจจะดูหลวม หรือมีข้อมูลไม่ตรงกันบางจุด ต้องมารีไรท์ใหม่อีก บางคนรีไรท์ทั้งเรื่องทำให้เสียเวลา ดังนั้นยอมเสียเวลาสักนิดเขียนพล็อตเอาไว้ดีกว่า พี่น้องรับประกันว่าใช้เวลาน้อยกว่ารีไรท์เรื่องใหม่หมดแน่นอน
จะวางพล็อตต้องคิดอะไรบ้าง
- นางเอกอยากร้องเพลงของตัวเองให้คนทั้งประเทศฟัง
เราต้องกำหนดเงื่อนไขให้ชีวิตนางเอกลำบากกว่านี้อีก เช่น ถ้าไม่ทำ จะเกิดผลลัพธ์นี้ตามมา หรือผลลัพธ์นี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว นางเอกต้องทำให้มันหายไปด้วยการบรรลุเป้าหมายให้ได้
พี่กำหนดให้นางเอกต้องรีบเป็นนักร้องให้เร็วที่สุดเพราะ
- เธอกำลังจะเรียนจบมัธยมแล้ว และแม่อยากให้เธอทำงานเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่าเป็นศิลปิน ถ้าเธอพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ เธอก็ต้องไปเรียนต่อ
- นางเอกขอดร็อปเรียนหนึ่งปี เพื่อไปทำตามฝัน
- เอ็ดนี เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของนางเอก มีความฝันจะเป็นศิลปินเหมือนกัน แต่ที่บ้านไม่สนับสนุน เพราะอยากให้เขาเรียนบริหารเพื่อกลับมาสืบทอดกิจการที่บ้านต่อ
- แม่ของนางเอก ที่เริ่มเป็นกังวลกับความฝันของนางเอกเนื่องจากเธอไม่ประสบความสำเร็จสักทีและกลัวว่าถ้านางเอกยังพยายามจะเป็นนักร้องทั้งที่เป็นไปไม่ได้ เธออาจจะล้มเหลวในชีวิต
- ด็อจ ชายผู้มาตามหาฝันในนิวยอร์กโดยการเป็นนักดนตรี
- นางเอกต้องไปเปิดการแสดงในร้านอาหารกับด็อจ เพื่อให้เตะตาโปรดิวเซอร์ให้ได้
- ด็อจชวนนางเอกไปร้องเพลงกับเขาที่สวนสาธารณะ แต่ระหว่างที่ร้องเพลงเปิดหมวกกันก็มีกลุ่มวัยรุ่นไม่พอใจด็อจและเข้ามารุมทำร้ายแถมยังขโมยเงินที่คนโยนให้ไปด้วย
- ทั้งคู่เปลี่ยนไปร้องเพลงตามร้านอาหาร แต่ก็ไม่มีใครสนใจฟัง แถมยังปาของใส่อีก
- นางเอกเห็นแม่ตัวเองถูกคนร้ายแทงตายต่อหน้า ทำให้ช็อกจนเปล่งเสียงพูดไม่ได้
- นางเอกตัดสินใจหยุดเรียน 1 ปีเพื่อทำตามฝัน
- แม่
- เสียงของตัวเอง
- นางเอกได้เพื่อนใหม่ชื่อด็อจ (และอาจพัฒนาเป็นคนรักในภายหลัง)
- เนื่องจากร้องเพลงไม่ได้ ด็อจจึงสอนให้เธอสีไวโอลิน และใช้ไวโอลินบอกความรู้สึกของตัวเอง ทำให้นางเอกค้นพบว่าเสียงดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้องก็สื่ออารมณ์โศกเศร้าในใจเธอได้เช่นกัน
- นางเอกค้นพบว่าการเป็นนักร้องอาชีพ มีผลงานเพลงของตัวเอง มีแฟนคลับนั้นไม่ง่ายเลย
หลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มเหตุการณ์ และรายละเอียดต่างๆ ลงไปเพื่อขยายเรื่องให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น เท่านี้ก็จะได้นิยายขนาดยาวหนึ่งเรื่องแล้ว
จำไว้ว่าการวางพล็อตไม่ได้จำเป็นต่อการเขียนนิยายเสมอไป แต่เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราประหยัดเวลาในการรีไรท์ได้นะคะ บางคนด้นสด แต่งเสร็จกลับมาอ่านอีกทีพบว่าหลายจุดไม่เข้าเค้า หลายจุดน่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็ขี้เกียจแก้แล้ว หรือไม่ก็เสียดายที่พิมพ์มาเยอะแยะ เลยไม่แก้ก็มี ถ้าเราวางพล็อตแต่แรกเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอนค่ะ
http://www.how-to-write-a-book-now.com/plot-outline.html
43 ความคิดเห็น
เคยใช้นะคะ แต่ท้อตรงลงรายละเอียดเพียบ สรุปเขียนพลอตไม่จบ55555
เคยใช้วิธีนี้ควบคู่กับวิธีของพี่ may112 ค่ะ สำเร็จดีเยี่ยมเลย
ขอบคุณสำหรับวิธีดีๆ แบบนี้นะคะ
พลอตจบแต่นิยายไม่จบ
สวัสดีไหที่น่ารักนานเชียวนะตัวเธอ55555
ทำทรีทเมนต์ หรือที่เข้าใจง่าย ๆ คือ ทำตอนย่อย พล็อตย่อยเอาไว้ กันออกทะเลค่ะ แต่เนื้อหาอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ และต้องทำจนถึงตอนจบเลยค่ะ สู้ ๆ นะคะ จบไปบ้างหรือยัง กี่เรื่องแล้ว
เย้ๆ ขอบคุณคร๊าบ มีประโยชน์มากๆเลย

ศึกษามาหลายเว็บ หายกระทู้ หลายรูปแบบมากครับ ทั้งของพี่ may112 ของพี่น้องแผนภาพสามเหลี่ยม ใช้เวลาสองอาทิตย์สุดท้ายก่อนเปิดเทอม สรุป 'เขียนจบเรื่อง' เลยครับ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่มีในนิยายของเค้า
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ^[]^!
แต่นิยายของเราไม่เคยวางพล็อตเลย(หรือถ้าวางก็จะเป็นแบบหยาบๆเช่น ยังไงก็ได้ให้พระเอก กับนายเอกรักกัน) พอมีตัวละครมาใหม่มันก็จะโผล่มาโดยที่เราไม่เคยคิด(แต่ก็มีผลต่อความรักของตัวเอกมากเลยนะ) ต่อไปนี้จะลองวางพล็อตดูนะคะ
(ได้ข่าวว่าแต่งสดเพราะวางมาหลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จ...)
วิธีนี้เรายอมรับเลยค่ะว่าได้ผล เพราะเมื่อก่อนที่เขียนๆไปเเบบไม่มีพล็อตคือเจอปัญหาเรื่องหลวมมาก เขียนยาก ตันง่าย เเละสุดท้ายยก็ออกทะเล
เราลองเขียนเรื่องคล่าวๆเเบบที่พี่น้องเเนะนำมานี้เลยค่ะ มันเขียนง่ายขึ้นเยอะเพราะเรายังเขียนไม่เก่งเลยต้องพึ่งทามไลน์ที่เขียนออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน
เราว่าเสียเวลาเขียนมันไม่นานหรอค่ะเเต่ผลลัพธิ์ที่ได้คือมันจะช่วยให้งานเขียนเราลื่นขึ้นเยอะเพราะเรามีเป้าหมายค่ะ
เคยวางพล็อตแล้วมันเขียนไม่ตบ เลยแต่งสดเอาเอง55555
เข้าใจง่ายดี ขอบคุณครับ
//พล็อตจบนิยายไม่จบ 5555
ลองเขียนพล็อตมาแล้วนะคะ แต่เป็นคนขี้เกียจมาก 555 กว่าจะลงรายละเอียดจบ โอ๊ย ฉันไม่ไหวแล้วววว! เลยมาแต่งโครงเรื่องคร่าวๆเอา ต้นเรื่อง กลางเรื่อง ตอนจบ เพราะวันหนึ่งเคยคิดพล็อตจบมาอีกวันมันไม่ใช่นะ อยากได้แบบใหม่ แบบเก่าไม่สนุกแน่เลย วันๆนั่งคิดไปเรื่อย อิๆ เลยวางแค่โครงคร่าวๆพอแต่งสดเอา แต่ต้องมีเนื้อเรื่องไว้ในหัวแล้วนะว่าจะให้เป็นไงต่อๆ
เวลาตัน! เป็นบ๊อยบ่อย เลยหาเพลงฟัง อ่านคำคม บทความ นิยาย แล้วมานั่งนึกๆเอา ถ้าอารมณ์ไม่โอเคอย่างเพิ่งแต่งเลยมันจะทำให้เขียนแย่ตามไปด้วย จริงๆนะ เคยได้ยินว่าแต่งวันละนิด คิดไม่ออกก็แต่ง เอาเวลาว่างๆอ่า ไม่ใช่นั่งแต่งแต่นิยายงานการดองนะเธอ 555
เจ๋งมากค่ะ ทุกทีชอบคิดสดๆ5555555
ผมแต่งโดยพลอตเหตุการณ์วางเอาไว้เป็นจุดๆจนจบก่อนแต่งแล้ว แต่ก็ยังเจอปัญหา
1. พอถึงเวลาเขียนเส้นเชื่อมระหว่างจุดไม่ออก แบบตันไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนดี หรือบางที่คิดไม่ออกเลยด้วยว่าตอนแรกที่วางจุดนี้เอาไว้ เราตั้งใจว่าจะให้มันเชื่อมันเชื่อมอย่างไง
2. เพิ่มตัวละคร หรือเนื้อเรื่องมาระหว่างทาง แล้วดันกลายเป็นจุดใหญ่ขึ้นมาใหม่ เชื่อว่าทุกคนคงจะมีอารณ์แบบ จู่ๆก็ปิ้งอะไรใหม่ๆขึ้นมาแล้วก็เลยอยากใส่ลงไปในนิยายของเรา แต่พอใส่เข้าไปแล้วมันไม่ใช่แต่เหตุการณ์ย่อย แต่กลายเป็นจุดใหญ่ที่กลืนเหตุผลที่จะถึงจุดต่อไปเสียหมด จนไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว
3. คนอ่าน บางครั้งอาจจะเพราะเราวางเรื่องไม่ดี ใส่เหตุผลมาไม่ดี พอถูกท้วงติงก็เลยแก้ไข จนจุดที่วางเอาไว้ไม่สามารถใช้ได้ ไปต่อไม่ถูกลมทั้งเรื่องเลย ซึ่งบางครั้งถ้ามันไม่สมเหตุสมผบลจริงๆก็ควลแก้ แต่งใหม่วางโครงเรื่องใหม่
แต่ถ้าจะแก้ตามความชอบของผู้อ่าน เพื่อคง/เพิ่มยอดคนอ่านนั้นผมไม่แนะนำนะครับ
4. เจอความชอบใหม่ ทำให้เริ่มแต่งเรื่องใหม่ บางครั้งพอเจออะไรอิมแพคแล้วมันจะฝังอยู่ในหัวเรา ทำให้เราหันกลับไปแต่งเริ่มก่าต่อไม่ได้ เลยต้องมานั้งแต่งเรื่องใหม่
(ผมเจอปัญหาขอนี้อยู่)
ตอนนี้เรื่องหลักผมยังไม่ได้แต่งต่อมาพักใหญ่แล้ว พึงแต่งไปได้แค่ 2 จาก 10 ภาคเองด้วย หวังว่าจะแต่งจบก่อนตายนะนี่ เฮ่อๆๆๆ
มันคือปัญหา ยิ่งกว่าปัญหาโลกแตกอีก ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะได้ความรู้อีกมากมายในการทำพล็อต