อ่านแล้วฉลาด!
10 เทพนิยายแฝงข้อคิด
ฉบับฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน
สวัสดีชาวนักเขียนนักอ่านเด็กดีทุกคนค่ะ ก่อนอื่นขอถามว่า... ชอบอ่านเทพนิยายกันไหม...? แอดมินเป็นคนหนึ่งที่เสพติดเทพนิยายมากกกกกกกกกกกกกก ตอนเด็กๆ นี่ซื้อไว้เยอะค่ะ พวกการ์ตูนหรือภาพเคลื่อนไหวก็มีดูบ้าง แต่หลักๆ จะชอบอ่านเป็นเล่มมากกว่า ซึ่งตอนสมัยเด็กๆ ก็ไม่ค่อยได้คิดอะไรหรอก อ่านเล่นๆ สนุกดี แต่พอโตมา ก็พบว่า... เทพนิยายที่อ่านเนี่ย ให้ประโยชน์และให้ข้อคิดดีๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยแฮะ
เพราะงั้น แอดมินก็เลยตัดสินใจว่าจะเอามาแบ่งปันให้คนอื่นๆ ในเว็บได้ฟังด้วยดีกว่า เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ เหมือนกัน และเทพนิยายที่แอดมินเลือกมา ก็เป็นผลงานของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน นักเขียนชาวเดนมาร์ก (ค.ศ. 1805-1875) ที่มีชื่อเสียงจากการนำนิทานพื้นบ้านดั้งเดิมมาเล่าใหม่ (หรือที่เรียกว่า retelling) โดยเจ้าตัวได้เพิ่มเติมจินตนาการส่วนตัวเข้าไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นความเศร้า ความน่ากลัว และความดาร์ค (แอดมินสันนิษฐานว่าแอนเดอร์สันน่าจะเป็นคนดราม่าและมองโลกในแง่ลบ (หรืออีกนัยหนึ่งคือมองโลกตามความเป็นจริง) ไม่ใช่คนคิดบวก) และน่าแปลก ที่มันทำให้เทพนิยายของเขามีชื่อเสียง โด่งดังไปทั่วโลก และตราตรึงอยู่ในใจคนอ่านเรื่อยมา (หรือแท้จริง มนุษย์ชอบเสพความดาร์ค...??)
นั่นแหละค่ะ และวันนี้แอดมินก็เลยรวบรวม 10 เทพนิยายฝีมือของแอนเดอร์สันมาฝากกัน ด้วยความมั่นใจมากๆ ว่า ทั้ง 10 เรื่องนี้จะให้ข้อคิดแก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย ยังไงหวังว่าคนอ่านทุกคนจะชอบเหมือนแอดมินนะคะ
เครดิตภาพ : thegraphicsfairy.com
1 ธัมเบลิน่า (Thumbelina)
เรื่องย่อ : ธัมเบลิน่าหรือที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าหญิงหัวแม่มือ’ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1835 และไม่ได้รับความนิยมมากนัก ทว่าในปัจจุบัน ทุกคนต่างก็คุ้นหูกับชื่อ ธัมเบลิน่าเป็นอย่างดี เด็กหญิงที่เกิดและเติบโตในดอกไม้ แต่ด้วยโชคชะตาทำให้เธอต้องออกเดินทาง ไปอาศัยอยู่กับสัตว์นานาชนิด ทั้งหนู ตัวตุ่น กบ ปลา นก ผีเสื้อ และคางคก กว่าจะได้พบเจ้าชายตัวจริงของเธอ
ข้อคิดที่ได้ : โดยพื้นฐานแล้ว นิทานเรื่องนี้จะคล้ายคลึงกับลูกเป็ดขี้เหร่ กล่าวคือ สอนให้เรารู้ว่า... สักวันต้องเจอที่ของตัวเองได้แน่ๆ แม้เราจะแปลกและแตกต่างในสังคมหนึ่งๆ หรือไม่ได้รับการยอมรับในสังคมนั้นๆ แต่สักวัน เราต้องหาตัวตนพบและเจอคนที่เข้ากับเราจนได้ ขอเพียงเราพยายามและอดทนไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ธัมเบลิน่ายังสอนให้เรารู้จักความรักที่ใช่ด้วย กว่าจะเจอคนที่ใช่ ธัมเบลิน่าต้องผ่านอะไรมามากมาย แต่ในที่สุดแล้ว โชคชะตาก็พาเธอมาพบกับเจ้าชายของเธอในที่สุด
2 ลูกเป็ดขี้เหร่ (The Ugly Duckling)
เรื่องย่อ : นิทานเรื่องลูกเป็ดขี้เหร่ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1844 เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกเป็ดตัวหนึ่ง เติบโตมาในฝูงเป็ด แต่กลับมีรูปลักษณ์หน้าตาที่แตกต่างจากพวกพ้อง ทำให้ถูกล้อเลียนมาตลอด และถูกมองว่า ‘ขี้เหร่’ ‘ไม่เข้าพวก’ ลูกเป็ดรู้สึกว้าเหว่ และเข้ากับเพื่อนรอบๆ ตัวไม่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง ลูกเป็ดได้เจอฝูงหงส์ และได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้ว มันไม่ใช่เป็ด แต่เป็นหงส์ต่างหาก
ข้อคิดที่ได้ : คนแต่ละคนมีจุดเด่นจุดด้อยไม่เหมือนกัน แต่ละสังคมมีความแตกต่างกันเสมอ ในสังคมหนึ่ง เราอาจดูไม่ดีหรือเป็นที่น่าตำหนิ แต่ในบางสังคม อาจจะยอมรับในคุณค่าของเราและตัวตนที่เราเป็น จงภูมิใจในตัวเองเสมอ และอย่าได้ดูถูกตัวเองเป็นอันขาด เพราะบางที... คุณค่าในตัวเรา อาจมีมากกว่าที่เราคิด ขณะเดียวกัน เมื่อเจอคนที่คิดต่างหรือแตกต่างจากเรา ก็ควรที่จะยอมรับในตัวเขา อย่าเกลียดใครเพียงเพราะเขาแตกต่าง
เครดิตภาพ : oddboggle.wordpress.com
3 ราชินีหิมะ (The Snow Queen)
เรื่องย่อ : หนึ่งในเทพนิยายที่ยาวที่สุด ราชินีหิมะ (เชื่อกันว่าเทพนิยายเรื่องนี้คือแรงบันดาลใจที่ทำให้ดิสนี่ย์สร้างเรื่อง frozen ขึ้น) เป็นผลงานคลาสสิกที่พูดเรื่องความดีกับความชั่วได้อย่างชัดเจน แอนเดอร์สันกระจายเทพนิยายเรื่องนี้ออกเป็น 7 บท เรื่องราวของเคย์และเกอร์ด้า สองเพื่อนรักวัยเด็ก วันหนึ่งเคย์เคราะห์ร้ายถูกกระจกต้องสาปบาด ตั้งแต่วันนั้น ราชินีหิมะเข้าครอบงำจิตใจของเขาและทำให้เคย์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เกอร์ด้าไม่ยอมแพ้ เธอทำทุกทางเพื่อหาทางช่วยเหลือเคย์จนสำเร็จ
ข้อคิดที่ได้ : สำหรับเทพนิยายเรื่องนี้ ว่ากันว่าแอนเดอร์สันได้แรงบันดาลใจจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล หลักๆ เลยเรื่องนี้แฝงข้อคิดเรื่องความรักและมีน้ำใจต่อเพื่อน การที่มนุษย์คนหนึ่งไม่ยอมแพ้ต่อความชั่วร้าย และพร้อมที่จะช่วยเหลือคนรอบตัวอยู่เสมอ เกอร์ด้าคือตัวแทนของความดี และตัวแทนของมนุษย์ที่จะไม่ยอมผิดต่อบาป ไม่ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายหรือปัญหาอย่างไรก็ตาม เธอยังคงคิดดีทำดี และใฝ่ดี สุดท้าย ความดีก็ปกป้องเธอ
4 ไนติงเกล (The Nightingale)
เรื่องย่อ : แอนเดอร์สันเขียนเรื่องนี้ขึ้นเพราะได้แรงบันดาลใจจาก เจนนี่ ลินด์ นักร้องโอเปร่าชาวสวีเดนที่เขาหลงรัก เรื่องราวของจักรพรรดิชาวจีน (องค์ฮ่องเต้) ที่ได้ยินเสียงนกไนติงเกลร้องเพลงอย่างไพเราะ ก็เกิดหลงใหลในน้ำเสียงนั้น จนต้องฟังเสียงขับขานทุกวัน กระทั่งวันหนึ่ง พระองค์ได้ของกำนัลเป็นนกไขลาน ความที่เห่อของใหม่ ทำให้ทรงหลงลืมเจ้านกนไนติงเกลน้อยไปชั่วคราว สุดท้าย นกไขลานก็เสีย จักรพรรดิจึงนึกขึ้นได้ว่า... ทำพลาดไปเสียแล้วที่ทอดทิ้งนกไนติงเกลน้อย พระองค์รู้สึกผิดจนล้มป่วย ในที่สุด นกไนติงเกลก็ให้อภัย และกลับมาขับขานเพลงให้พระองค์ฟังอีกครั้ง
ข้อคิดที่ได้ : บทเรียนหลักๆ ของเทพนิยายเรื่องนี้คือการให้คุณค่ากับผู้คน... โดยเฉพาะคนที่รักและดีต่อเรา ข้อผิดพลาดของจักรพรรดิทำให้เราได้เรียนรู้ว่า... เวลาใครรักและดีต่อเรา เราควรต้องถนอมน้ำใจของเขาไว้ ไม่ใช่เป็นคนได้ใหม่ลืมเก่า แล้วเผลอไปลดคุณค่าของคนสำคัญในชีวิต จงใส่ใจกับทุกคนอย่างเท่าเทียม และยุติธรรมต่อความรู้สึกของทุกคนเสมอ
เครดิตภาพ : pagepulp.com
5 เงือกน้อย (The Little Mermaid)
เรื่องย่อ : หลายคนคุ้นเคยกับเงือกน้อยในแบบฉบับของดิสนี่ย์ ที่นางเงือกได้ลงเอยกับเจ้าชาย แต่ในความเป็นจริง (เชื่อว่านักเขียนนักอ่านเด็กดีที่เป็นแฟนคลับบทความของเราน่าจะรู้) บทสรุปของเรื่องนี้ไม่ได้สวยงามแบบนั้น เรื่องเริ่มต้นที่เจ้าหญิงเงือกน้อย หลงรักเจ้าชายรูปงาม จึงไปขอพรจากนางแม่มด ให้ตัวเองมีขา เพื่อจะได้อยู่เคียงข้างเจ้าชาย หลังดื่มน้ำยาเปลี่ยนร่าง เสียงของเธอหายไป และถูกนางแม่มดตัดลิ้น เธอยังต้องแลกเปลี่ยนกับการที่ต้องรู้จักเจ็บปวดทุกครั้งที่ก้าวเดิน เหมือนย่ำลงบนเศษแก้ว แต่แน่นอนว่าความรักเอาชนะทุกสิ่ง นางเงือกน้อยยอมแลกทุกอย่าง เพียงเพื่อได้อยู่เคียงข้างเจ้าชาย น่าเสียดาย เจ้าชายไม่มีสายตาให้กับเธอ เพราะพระองค์มีเจ้าหญิงอันเป็นที่รักอยู่แล้ว นางแม่มดให้ข้อแลกเปลี่ยนกับเงือกน้อย ถ้าเธอยอมฆ่าเจ้าชายและนำเลือดของพระองค์มาให้ เธอก็จะสามารถกลับเป็นเงือก และได้ใช้ชีวิตตามเดิม ทว่าความรักทำให้เงือกน้อยไม่อาจทำร้ายคนที่เธอรักได้ลง สุดท้ายเธอจึงฆ่าตัวตาย และกลายเป็นฟองคลื่น
ข้อคิดที่ได้ : เทพนิยายเรื่องนี้ ให้ข้อคิดเรื่องความรักได้ดีมากๆ บทเรียนที่ได้เรียนรู้จากมันคือ.... เวลาจะรักใคร เราไม่ควรทุ่มเททั้งกายและใจจนหมด แต่ควรจะหลงเหลือเผื่อใจไว้ด้วย นางเงือกน้อยรักเจ้าชายมาก จนยอมที่จะเสียสละทุกอย่าง แม้แต่ครอบครัวและชีวิตของตัวเอง นางไม่ทันคิดว่า... การกระทำของนางอาจไม่ใช่การทำเพื่อความรัก แต่เป็นแค่เพียงการเสียสละโดยไม่ได้อะไรแลกเปลี่ยนคืนมา และการที่เราเสียสละทุกอย่างนั้น ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า... อีกฝ่ายจะรักและตอบแทนความรักของเราได้ ในชีวิตของคนแต่ละคน เราไม่ได้มีแค่เจ้าชาย แต่ยังมีคนอื่นๆ ที่หวังดีต่อเราด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าคิดจะรักใคร ก็ควรเผื่อใจไว้บ้าง
เครดิตภาพ : rhinestonearmadillo.typepad.com
6 ฉลองพระองค์ใหม่ของพระราชา (The Emperor’s New Clothes)
เรื่องย่อ : เทพนิยายเรื่องนี้ ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1837 พร้อมกับเรื่องเงือกน้อย เรื่องราวของพระราชาที่สนใจแต่รูปลักษณ์ของตัวเอง พระองค์คิดแต่ว่า... ภาพลักษณ์สำคัญที่สุด และต้องการสวมเสื้อผ้าที่ทอจากผ้าที่ดีที่สุด จนกระทั่ง นักแสวงโชคได้มาหลอกลวงว่าจะทอเสื้อผ้าคุณสมบัติเลอเลิศให้ พระองค์จึงมอบวัตถุดิบที่ดีที่สุดให้กับพวกนั้น แน่นอนว่าพวกนั้นเป็นพวกหลอกลวง จึงริบเอาเงินไป และหลอกพระราชาว่า ได้ทอเสื้อคลุมล่องหนจากไหมเนื้อดีที่สุดในโลก และมีแต่คนมีวาสนาจึงจะมองเห็น พระราชาผู้ห่วงภาพลักษณ์ไม่กล้าแย้งเพราะเกรงว่าตัวเองจะไม่มีวาสนา พระองค์จึงเดินแก้ผ้าไปมาทั่วอาณาจักรพร้อมฉลองพระองค์ชุดใหม่
ข้อคิดที่ได้ : เรื่องนี้คงไม่ต้องสรุปอะไรมาก เพราะมันชัดเจนอยู่แล้วในตัวเอง ขอสั้นๆ คือคนเราไม่ควรหลงภาพลักษณ์หรือรูปลักษณ์ภายนอกมากเกินไป เพราะสิ่งสำคัญกว่านั้นอยู่ในใจ... ถ้าหากเรายังคงยึดติดแต่กับภาพลวงตา มองคนแต่ภายนอก สักวันเราต้องถูกหลอกอย่างแน่นอน ขอเพิ่มเติมอีกนิด จากเรื่องเจ้าชายน้อยบอกว่า “เพราะสิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นด้วยสายตา”
เครดิตภาพ : en.wikipedia.org
7 เจ้าหญิงกับเมล็ดถั่ว (The Princess and the Pea)
เรื่องย่อ : เจ้าหญิงเมล็ดถั่วเทพนิยายเจ้าหญิงที่สั้นที่สุด เนื้อหาพูดถึงเจ้าชายผู้ตามหา ‘เจ้าหญิงที่แท้จริง’ พระองค์ทรงค้นหาคนที่ใช่มาโดยตลอด แต่กลับไม่พบอะไรเลย จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง ฝนตกหนัก ผู้หญิงคนหนึ่งมาเคาะประตูหาที่พักในสภาพเปียกปอน เสื้อผ้าขาดวิ่น และบอกว่าตัวเองคือเจ้าหญิง องค์ราชินีแคลงใจมาก จึงบอกเจ้าชายว่าต้องพิสูจน์ พระองค์ได้วางเมล็ดถั่วไว้บนเตียง แล้วปูที่นอน 20 ชั้น ตามด้วยที่นอนขนนกอีก 20 ชั้น เพื่อให้เจ้าหญิงได้พักผ่อน วันต่อมา เจ้าหญิงบอกว่านอนไม่หลับเพราะปวดหลังและ ณ จุดนั้นเอง เจ้าชายจึงได้รู้ว่า... นี่เองเจ้าหญิงที่แท้จริงที่พระองค์รอคอย
ข้อคิดที่ได้ : โดยเนื้อหาแล้วออกจะบ้าๆ อยู่บ้างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำอะไรแปลกๆ ไปเคาะประตูบ้านคนอื่น ขอรบกวนนอนค้าง แล้วยังบ่นว่าที่นอนของเขาไม่สบายอีก แต่ถ้าพิจารณาดูกันดีๆ เราจะพบว่าเทพนิยายเรื่องนี้สอนเกี่ยวกับความรักได้ดีมาก เจ้าหญิงไม่กลัวที่จะแสดงตัวตนของตัวเองออกไป ทั้งๆ เพิ่งรู้จักกับเจ้าชายแท้ๆ และเธอก็รู้แน่แก่ใจว่า... ถ้าพระองค์รักเธอ ชีวิตของเธอคงสบายไปตลอดชาติ แทนที่จะเอาใจเจ้าชายและองค์ราชินีด้วยคำหวาน เธอกลับตรงไปตรงมาและเป็นตัวของตัวเอง และนั่นแหละคือผู้หญิงตัวจริงที่จะได้พบคนที่ใช่ คนที่เป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่กลัวว่าอาจจะถูกทอดทิ้ง เจ้าหญิงรู้ดีว่า ถ้าเจ้าชายรักเธอ ก็ต้องรักที่ตัวจริงของเธอ ไม่ใช่รักเพราะเธอหลอกลวงหรือเอาใจเขา ใครที่กำลังมีความรักอยู่ ลองเอาไปทำดูนะ เป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ คนรักที่แท้จริงจะยอมรับคุณได้ทุกอย่าง
8 สาวน้อยขายไม้ขีดไฟ (The Little Match Girl)
เรื่องย่อ : อีกหนึ่งนิทานพื้นบ้านที่ทุกคนรู้จักกันดี โศกนาฎกรรมของหนูน้อยตัวเล็กๆ ที่ใครๆ เรียกว่าสาวน้อยขายไม้ขีดไฟ ในช่วงวันคริสต์มาสอีฟที่อากาศหนาวเหน็บ เด็กสาวทำรองเท้าหาย ต้องเดินขายไม้ขีดไฟอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จะกลับบ้านก็ไม่กล้า เพราะกลัวพ่อจะทุบตีที่ขายของไม่ได้ สุดท้าย เด็กสาวจุดไม้ขีดไฟจนหมด และเสียชีวิตจากอากาศอันโหดร้าย
ข้อคิดที่ได้ : ในสายตาแอดมิน เรื่องนี้ไม่มีข้อคิด แต่เป็นเรื่องเศร้าของเด็กผู้หญิงที่ฐานะยากจนและต้องตกระกำลำบาก อ่านแล้วแอบใจหายและสงสารสาวน้อยขายไม้ขีดไฟมากๆ แต่ทางนักวิจารณ์ต่างประเทศมองว่า เทพนิยายเรื่องนี้เป็นความหวังของคนยากจน เรื่องราวของวันคริสต์มาส การสอนให้เราตระหนักถึงความลำบากของผู้อื่น และมีน้ำใจกับคนอื่นบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกคนกลายเป็นหนูน้อยขายไม้ขีดไฟคนต่อไป...
เครดิตภาพ : surlalunefairytales.com
9 ทหารดีบุกผู้มั่นคง (The Steadfast Tin Soldier)
เรื่องย่อ : เคยคิดบ้างไหมว่าของเล่นของเราอาจมีชีวิตและมีความรู้สึก ทหารดีบุกผู้มั่นคง น่าจะเป็นเรื่องราวที่ตราตรึงในใจของเด็กๆ ทุกยุคสมัย เรื่องของตุ๊กตาดีบุกตัวสุดท้ายที่ถูกหลอมจากดีบุก ในชุดมีตุ๊กตาทั้งหมด 24 ตัว น่าเสียดายเมื่อหล่อมาถึงตัวที่ 24 ดีบุกเกิดหมดพอดี ทำให้ตุ๊กตาตัวสุดท้ายไม่มีขา เมื่อถูกซื้อมายังบ้านของครอบครัวหนึ่ง ตุ๊กตาดีบุกตกหลุมรักตุ๊กตากระดาษนักบัลเล่ต์ตั้งแต่แรกเห็น จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กชายเกิดไม่พอใจ ขว้างมันออกจากหน้าต่าง มันต้องเจอเรื่องราวร้ายๆ มากมาย จนที่สุดปลายทาง มันถูกปลากลืนกินและได้ย้อนกลับมาที่บ้านหลังเดิมอีกครั้ง ระหว่างทางนั้น ตุ๊กตาดีบุกไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา มันยังอยู่อย่างมีความหวังว่าจะได้กลับมาพบรักแท้ของมัน น่าเสียดายที่เด็กชายตัวน้อยไม่พอใจ และรังเกียจเดียดฉันท์ของเล่นไร้ขา เขาโยนมันลงในเตาเผา และวินาทีนั้นเอง ลมที่หน้าต่างได้เป่าโดนตุ๊กตากระดาษ ปลิวลงในเตาไฟเช่นเดียวกัน และทั้งคู่ก็ไหม้ไฟไปพร้อมๆ กัน
ข้อคิดที่ได้ : แอดมินคิดเหมือนเรื่องก่อนหน้าค่ะ ข้อคิดที่ได้คือ ชีวิตคนเราทำไมมันเจ็บปวดเศร้าหมองขนาดนี้ ต้องมาเจอแต่เรื่องร้ายๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โอ้ น่าสงสารจริงๆ แต่นักวิจารณ์ต่างประเทศก็ยังหาข้อดีมาจนได้ว่า... ตุ๊กตาทหารตัวนี้ช่างมีหัวใจมั่นคงและไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา การต่อสู้อย่างเข้มแข็งของมันเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป และทำให้ทุกคนได้รู้ว่า... ถ้าหากไม่ยอมแพ้เสียอย่าง สักวันก็ต้องสมหวัง (แม้จะต้องตายก็ตาม...) เศร้ามากนะคะ เรื่องนี้ แอดมินขอเพิ่มเติมแล้วกันว่า... ให้ทุกคนดูแลของเล่นเก่าของตัวเองให้ดีๆ อย่าทิ้งขว้างหรือทำลายมันเลย ทุกอย่างก็มีค่าเนอะ ^ ^
10 สาวน้อยรองเท้าแดง (The Red Shoes)
เรื่องย่อ : เรื่องราวของคาเรน เด็กสาวฐานะยากจน ผู้หลงใหลในรองเท้าแดง แม่ของเธอรักและสงสารลูกสาวที่ไม่ค่อยจะมีข้าวของดีๆ ใช้ จึงตัดเย็บรองเท้าแดงให้กับลูก น่าเสียดาย นางป่วยไข้และต้องตายจากไป แทนที่จะระลึกถึงแม่ คาเรนเอาแต่ตื่นเต้นกับรองเท้าแดง และสวมใส่มันทั้งๆ เป็นวันศพของแม่ตัวเอง โชคดีของคาเรน สุภาพสตรีชราผู้เมตตาขับรถผ่านมาเห็นเธอเข้า จึงรับเธอไปเลี้ยงดู อย่างไรก็ตาม สุภาพสตรีชราไม่ชอบรองเท้าแดงและไม่อนุญาตให้คาเรนสวมใส่ เพราะคิดว่ามันไม่เหมาะสมโดยเฉพาะเรื่องใส่ไปเข้าโบสถ์ แต่คาเรนกลับไม่เชื่อฟัง ความหลงใหลรองเท้าแดงทำให้เธอแอบใส่รองเท้าอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง คาเรนให้ทหารแก่ขัดรองเท้าให้ เขาเตือนเธออีกครั้งถึงความไม่เหมาะสมในการใส่รองเท้าแดงเข้าโบสถ์ แต่คาเรนกลับเยาะเย้ยเขา ทหารแก่จึงพูดว่า ‘ขอให้เธอสวมรองเท้าแดงและเต้นรำไปจนตาย’ คำพูดนั้นประหนึ่งคำสาปแช่ง เมื่อแอบใส่รองเท้าแดงอีกครั้ง คาเรนกลับบังคับมันไม่ได้ และต้องเต้นรำไปเรื่อยๆ จนเมื่อทนไม่ไหวเธอต้องขอร้องให้เพชฌฆาตฟันขาของเธอขาด และหลังจากนั้น เธอก็กลายเป็นคนที่ใส่ใจศาสนา จนในที่สุด เธอล้างบาปสำเร็จและได้รับการให้อภัยจากทูตสวรรค์
ข้อคิดที่ได้ : เนื่องจากเรื่องนี้เนื้อหาค่อนข้างฮาร์ดคอร์และน่ากลัวมาก แถมยังเกี่ยวข้องกับเรื่องความเชื่อและศาสนาด้วย แอดมินจึงขอพูดกลางๆ แล้วกันค่ะ ส่วนตัวคิดว่าแอนเดอร์สันเขียนเรื่องนี้ในยุคที่ศาสนามีอิทธิพลอย่างสูง เขาคงอยากให้คนเชื่อในศาสนาคริสต์ เชื่อในพระเจ้า และอยากให้ทุกคนเป็นคนดี จึงได้สร้างเทพนิยายที่เกี่ยวพันกับความเชื่อนี้ออกมา มีข้อห้ามหลายๆ ประการ ไม่ให้คนลบหลู่พระเจ้า และยึดมั่นในการทำตามความดี ส่วนตัวแอดมินขอพูดถึงแค่เฉพาะเรื่องความไม่หลงใหลในความสวยความงามจนมากเกินไปและเรื่องของอีโก้ที่รุนแรง เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นก็เพราะคาเรนยึดติดแต่ความงามของรองเท้าแดง จนไม่สนใจคำเตือนของคนรอบตัว ผลสุดท้ายเธอเลยต้องเจอกับหายนะดังนี้
เทพนิยายทั้งสิบเรื่องของแอนเดอร์สัน ล้วนแต่มีความหมายและข้อคิดที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตทั้งสิ้น นอกจากสิบเรื่องที่แอดมินยกมาเล่าแล้ว เรื่องอื่นๆ ที่เหลือก็มีเนื้อหาน่าสนใจไม่แตกต่างกัน ตอนยังเด็ก แอดมินยอมรับว่าอ่านเพื่อความสนุกล้วนๆ แต่พอโตขึ้น อ่านแล้วก็รู้สึกว่าได้อะไรดีๆ เยอะอยู่เหมือนกัน ยังไงก็อยากชวนทุกคนมาอ่านเทพนิยายกันนะคะ คิดว่าได้ประโยชน์และข้อคิดดีๆ เพียบอย่างแน่นอน
แล้วไว้แอดมินจะรวบรวมเรื่องดีๆ น่าสนใจมาฝากกันอีกนะ อยากอ่านเรื่องอะไรแนวไหนก็บอกไว้ได้ค่ะ จะได้จัดให้ได้ถูก
ทีมงานนักเขียนเด็กดี
3 ความคิดเห็น
น่าติดตามอ่านมากๆค่ะ
เหมือนจะเคยดูแบบเป็นการ์ตูนมาแล้วในตอนเด็กๆ เกือบทุกเรื่องในนี้เลย แต่จำเจ้าหญิงหัวแม่โป้งได้ดีที่สุดเพราะตอนเด็กๆ ไม่ชอบเรื่องนี้ เข้าขั้นเกลียดดวยซ้ำ 5555 ตอนนั้นรู้สึกว่ามันไม่สดใสอ่ะ แบบว่าทำไมตัวตุ่นดูใจร้ายกับนางธัมจัง อะไรแบบนี้ซึ่งเราไม่ชอบ แต่เหมือนจะไปเจอนกนางแอ่นในโพลงใช่มั้ยเราไม่แน่ใจ มันนานมากแล้ว
ตอนแรกเราคิดว่าคงเอามาจากเอลซ่าแต่ดัดแปลงเนื้อเรื่องนิดหน่อยเดี๋ยวโดนลิขสิทธิ์ไรงี้ แบบว่าชิเอลโดนกระจกแล้วก็เปลี่ยนไปบลาๆ มาอ่านอันนี้ เอ้า อาจารย์ยานะเขาเอามาจากของจริงนี่หว่า 55555 แหม่ เรื่องเซบาสเตียนนี้มีอะไรให้แปลกใจตลอดเลย
อีกนิด ราชินีหิมะอันนี้ไปเจอในมังงะ Black Butler ราชินีรับบทโดยเซบาสเตียน
เรื่องสุดท้ายนี้ น่าสนใจ