Dissociative Identity Disoder (DID)
โรคประหลาดที่มีอยู่จริง ไม่ใช่เเค่ในนิยาย!
สวัสดีค่ะน้องๆ เด็กดีไรท์เตอร์ทุกคน^^ พี่หวานกลับมาพร้อมคอลัมน์ "กลเม็ดเคล็ดลับ" ค่ะ วันนี้พี่หวานก็มีเรื่องราวน่าสนใจอยากมาเล่าให้น้องๆ ฟังค่ะ มีใครเคยรู้สึกเหมือนตัวเองมี หลายบุคลิก บ้างมั้ยคะ? ถ้าพูดไปหลายคนก็อาจจะไม่เชื่อ เเต่ว่าอาการเหล่านี้มีอยู่โรคหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคที่แปลกประหลาดมากค่ะ ในตอนเเรกที่พี่หวานได้ยินชื่อก็คิดว่าจะพบในนิยายหรือละครเท่านั้น เเต่พอลองหาข้อมูลเเล้วกลับไม่ใช่ เพราะ โรคหลายบุคลิก นี้สามารถเกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของคนทั่วไปได้ด้วยนะเออ...
โรค Dissociative Identity Disoder (DID) หรือที่เรามักจะรู้จักกันในชื่อโรคหลายบุคลิก ผู้ที่เป็นโรคนี้ส่วนมากคือผู้ที่ได้รับความเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บทางจิตใจ อาจมีตั้งเเต่สองบุคลิกหรือมากกว่านั้น ซึ่งอาการโดยพื้นฐานก็คือการสูญเสียความเป็นตัวเอง จิตใจส่วนลึกของตัวตนกระจัดกระจายออกไป รู้สึกเหมือนมีบุคคลอื่นอยู่ในตัวเอง ทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว มีทั้งผู้ป่วยที่เป็นอาการชั่วคราวหรือกลายเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นประจำก็มีค่ะ
ผู้คนส่วนมากที่เริ่มเป็นอาการนี้ อาจเพราะเคยมีประสบการณ์ที่ได้รับเเรงกระทบกระเทือนได้รับความเจ็บปวดในจิตใจ จนสิ่งที่อัดอั้นอยู่ข้างในปะทุออกมา ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจอย่างง่ายคงได้ว่าเป็นสภาวะที่เมื่อสภาพจิตใจได้รับการกดไว้นานๆ จนเกิดเป็นความไม่มั่นคงทางความรู้สึก ร่างกายจึงต้องปกป้องตนเองจากสิ่งเหล่านั้น โดยแสดงออกมาในรูปแบบของบุคลิกที่สอง สาม สี่... เป็นต้น ซึ่งเเต่ละคนก็จะมีลักษณะของบุคลิกที่แสดงออกมาแตกต่างกัน มีทั้งคนที่สูญเสียความทรงจำช่วงนั้นไปโดยอัตโนมัติ และมีที่ต้องการหลบหนีจากความทรงจำนั้นด้วย
เเละวันนี้พี่หวานก็ได้หยิบซีรีส์เรื่อง Kill me, Heal me ที่พระเอกมีอาการโรคหลายบุคลิกมาประกอบบทความให้น้องๆ เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ^^
ครั้งเเรกที่พี่หวานอ่านเรื่องย่อก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้นเเละอยากจะติดตามดู เพราะนอกจากคนเขียนบทต้องวางปมปัญหาให้ดูสมจริงสอดคล้องกับอาการของโรคนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตัวนักเเสดงเองก็ต้องเป็นคนที่มีฝีมือมากพอที่จะรับบทบาทที่ต่างกันถึง 7 บุคลิก และแสดงออกมาให้ผู้ชมเชื่อจริงๆ ว่าตัวละครเเต่ละตัวนั้นเป็นคนละบุคลิกกัน
ต้องบอกก่อนเลยว่าตัวพระเอกชาโดฮยอนซึ่งเป็นบุคลิกหลักจะมีนิสัยสุขุม อบอุ่น มีความคิดความอ่านที่เป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น เรียกว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมและเหมาะสมกับคำว่าสุภาพบุรุษอย่างเเท้จริง เเต่บุคลิกแรกที่ปรากฏออกมาจนทำให้เขาเริ่มรับรู้ว่ามี 'คนอื่น' อยู่ในตัวเองอีกคนก็มีชื่อว่า ชินเซกิ ซึ่งเป็นบุคลิกที่มีนิสัยเเละภาพลักษณ์ทุกอย่างตรงข้ามกับตัวตนจริงของพระเอกอย่างชัดเจน ชินเซกิจะปรากฏตัวออกมาเมื่อจิตใจพระเอกรู้สึกอ่อนแอ ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนัก เมื่อพระเอกเกิดความรู้สึกอยากปกป้องผู้อื่นเเต่ทำไม่ได้หรือเมื่อตัวพระเอกต้องการการปกป้อง เซกิก็จะออกมาทำหน้าที่นั้นแทนค่ะ เพราะเรื่องชกต่อยเตะตีทำลายข้าวของนี่งานถนัดของคุณชายเลย ; ^;) จุดสังเกตสำคัญของเซกิก็คือจะมีรอยรูปมังกรสีแดงอยู่บริเวณหลังใบหูยาวไปถึงลำคอ ซึ่งรอยนี้จะค่อยๆ จางไปเมื่อปมของบุคลิกนั้นได้รับการคลี่คลายค่ะ
ต้องบอกก่อนเลยว่าตัวพระเอกชาโดฮยอนซึ่งเป็นบุคลิกหลักจะมีนิสัยสุขุม อบอุ่น มีความคิดความอ่านที่เป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น เรียกว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมและเหมาะสมกับคำว่าสุภาพบุรุษอย่างเเท้จริง เเต่บุคลิกแรกที่ปรากฏออกมาจนทำให้เขาเริ่มรับรู้ว่ามี 'คนอื่น' อยู่ในตัวเองอีกคนก็มีชื่อว่า ชินเซกิ ซึ่งเป็นบุคลิกที่มีนิสัยเเละภาพลักษณ์ทุกอย่างตรงข้ามกับตัวตนจริงของพระเอกอย่างชัดเจน ชินเซกิจะปรากฏตัวออกมาเมื่อจิตใจพระเอกรู้สึกอ่อนแอ ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนัก เมื่อพระเอกเกิดความรู้สึกอยากปกป้องผู้อื่นเเต่ทำไม่ได้หรือเมื่อตัวพระเอกต้องการการปกป้อง เซกิก็จะออกมาทำหน้าที่นั้นแทนค่ะ เพราะเรื่องชกต่อยเตะตีทำลายข้าวของนี่งานถนัดของคุณชายเลย ; ^;) จุดสังเกตสำคัญของเซกิก็คือจะมีรอยรูปมังกรสีแดงอยู่บริเวณหลังใบหูยาวไปถึงลำคอ ซึ่งรอยนี้จะค่อยๆ จางไปเมื่อปมของบุคลิกนั้นได้รับการคลี่คลายค่ะ
จากในรูปข้างบนจะเป็นตอนที่ ชาโดฮยอน ถูกรุมทำร้ายร่างกาย เเละ ชินเซกิ ซึ่งเป็นบุคลิกรองรับความเจ็บปวดต้องการจะออกมาควบคุม เเต่พระเอกเองก็ต้องการก้าวผ่านความเจ็บปวดทั้งหมดไปให้ได้ จึงพยายามต่อสู้กับตัวเองอย่างหนักเเละในที่สุดบุคลิกชินเซกิก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
พี่หวานคิดว่าบุคลิก ชินเซกิ เป็นบุคลิกที่มีความชัดเจนมากที่สุดในบรรดาบุคลิกทั้งหมด ชัดเจนจนเกือบจะทำลายบุคลิกจริงของพระเอกเพื่อให้ตนเองได้เป็นบุคลิกหลักเลยทีเดียว เเต่ถ้าใครที่ติดตามดูมาตลอดจะพบว่าเซกินี่แหละค่ะ ที่เป็นคนเเบกรับความทุกข์ทั้งหมดของพระเอกเอาไว้จากการโดนพ่อทำร้ายในวัยเด็ก ซึ่งนี่ถือเป็นประเด็นใหญ่ที่สุดของเรื่อง เป็นบาดแผลที่กระทบจิตใจพระเอกมากที่สุดจึงทำให้บุคลิกของชินเซกิมีความชัดเจนมากที่สุด
บุคลิกที่สองที่ปรากฏเป็นชายหนุ่มวัยกลางคน ที่ชอบล่องเรือ ตกปลา และใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากจะเป็นจริงๆ มีชื่อว่า เพรี่ ปาร์ค บุคลิกนี้เป็นบุคลิกของพระเอกที่แบกรับความรู้สึกตอนได้ใช้เวลาอย่างมีความสุขกับพ่อ เหมือนมีขึ้นเพื่อเป็นตัวเเทนของพ่อ เพราะโหยหาช่วงเวลาเหล่านั้นที่เคยใช้ไปกับพ่อในวัยเด็ก จึงเกิดบุคลิกเพรี่ ปาร์คขึ้นมา โดยที่มาของชื่อนี้ได้ใช้เป็นชื่อ เรือลำหนึ่ง ที่พระเอกเคยสัญญาว่าจะซื้อให้พ่อของเขา พ่อพระเอกจึงตั้งชื่อเพรี่ ปาร์คขึ้นมาเป็นชื่อเรือ ซึ่ง ปาร์ค นั้นยังเป็นนามสกุลปลอมที่พ่อพระเอกตั้งให้ตัวเองเพื่อปกปิดตัวตนตอนที่หนีมาอยู่ชานเมือง เพราะเหตุผลที่ว่าตนเองจะได้มีชีวิตอิสระอย่างที่อยากทำจริงๆ
ส่วนบุคลิกที่สามและสี่เป็นบุคลิกฝาแฝดชาย-หญิงที่เกิดขึ้นในเวลาไม่ห่างกันมาก บุคลิกที่สามที่เป็นแฝดผู้ชายชื่อว่า อันโยซอบ เป็นบุคลิกที่มักจะชอบฆ่าตัวตาย เป็นตัวเเทนบุคลิกที่กักเก็บความสิ้นหวังไม่อยากมีชีวิตอยู่เอาไว้ ซึ่งบุคลิกนี้เกิดจากตอนที่พระเอกมีความเครียดคิดจะฆ่าตัวตายเมื่อตอนมัธยม เเต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ทว่าความคิดนั้นยังคงติดอยู่จนเกิดขึ้นเป็นตัวบุคลิกที่ชื่ออันโยซอบนั่นเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่ชาโดฮยอนต้องการจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาอันโยซอบก็จะปรากฏตัวออกมา
ในขณะเดียวกัน แฝดผู้หญิงที่เกิดขึ้นหลังจากบุคลิกอันโยซอบไม่นานก็คือ อันโยนา เธอเป็นตัวตนหญิงสาวร่าเริงที่สนุกสนานกับการใช้ชีวิตไปวันๆ เป็นการแสดงออกถึงการไม่ต้องคิดอะไร ไม่ชอบเรียนหนังสือก็ไม่ต้องเรียน เเละได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งที่พระเอกน่าจะใฝ่ฝันอยากจะมีชีวิตของตัวเองอย่างโยนา โดยปราศจากความกังวลใดๆ
บุคลิกที่ 6 คือ นานะ บุคลิกที่เป็นเด็กวัย 7 ขวบ มีความสุขกับการเล่นตุ๊กตา บุคลิกนี้น่าจะเป็นตัวเเทนเด็กผู้หญิงในวัยเด็กที่เคยเล่นด้วยกันกับพระเอก ซึ่งก็คือนางเอกนั่นเอง การสร้างบุคลิกนี้จึงเป็นเหมือนการสร้างตัวตนนางเอกขึ้นมา เพื่อทดแทนช่วงเวลาสนุกๆ ที่ได้ใช้กับนางเอก เพราะถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาในตอนเด็กที่เคยได้เล่นด้วยกันนั้น เป็นช่วงที่พระเอกมีความสุขมากที่สุดในวัยเด็กเลยล่ะค่ะ
มาถึงบุคลิกที่ 7 ก็คือ Mr.X เป็นบุคลิกที่มีความลึกลับมากที่สุดตัวหนึ่ง จะออกมาในตอนสุดท้ายเเต่เหมือนเป็นคนที่กุมความลับเเละมองเห็นบุคลิกทุกตัวมาตั้งเเต่ต้น เป็นคนที่เปิดเผยเเละชี้ทางออกให้แก่พระเอกในตอนสุดท้ายค่ะ ซึ่งในตอนนั้นเองพี่หวานก็ได้รู้ว่าพระเอกสร้างมิสเตอร์เอ็กซ์ขึ้นมาเป็นตัวเเทนพ่อของนางเอก พระเอกจึงรับปากว่าต่อไปนี้จะดูแลปกป้องนางเอกอย่างดีเพื่อที่มิสเตอร์เอ็กซ์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงนางเอกอีกต่อไป
อย่างที่กล่าวไปตั้งเเต่ต้น บุคลิกแต่ละตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นเปรียบเหมือนกลไกการปกป้องตนเองจากความเจ็บปวด ทุกบุคลิกจะเก็บซ่อนความลับภายในจิตใจของเราเอาไว้เเละนำมาเป็นบุคลิกของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น การที่พระเอกไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด จึงเกิดบุคลิกเซกิขึ้นมาเพื่อรองรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น หรือ เพื่อหลีกหนีจากเรื่องวุ่นวายทุกอย่าง บุคลิกอันโยซอบจึงพยายามฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้งตามความต้องการในจิตใต้สำนึกของพระเอก จะเห็นได้เลยว่าทุกบุคลิกต่างก็เกิดจากสาเหตุเดียวกันนั่นก็คือการที่จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนเเรงนั่นเองค่ะ
ในลักษณะของชาโดฮยอนจากเรื่อง Kill me, Heal me จะเป็นลักษณะสูญเสียความทรงจำเมื่อเเต่ละบุคลิกออกมาค่ะ การที่พระเอกจะจำเรื่องราวที่เเต่ละบุคลิกได้ทำลงไปนั้นมักจะได้รับการช่วยเตือนความจำจากเลขาส่วนตัว กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ภายในบริเวณบ้าน หรือบรรดาผู้คนรอบข้างที่เเต่ละบุคลิกไปเจอมาค่ะ พี่หวานคิดว่าการนำเสนอเรื่องราวเเละปมปัญหาของพระเอกเป็นไปอย่างสมจริง ไม่ติดขัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปัญหาค่อยๆ คลี่คลายเเละตัวบุคลิกค่อยๆ หายไป ทุกปัญหาสามารถตอบความสงสัยของพี่หวานได้หมดเลยว่าเเต่ละบุคลิกนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าน้องๆ คนไหนที่สนใจเรื่องราวเชิงจิตวิทยาอยากนำมาปรับใช้ในงานเขียน ลองดูเรื่องนี้เพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ น่าจะเป็นประโยชน์มากเลยค่ะ
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ซีรีส์เรื่องนี้พยายามถ่ายทอดออกมาก็คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลายบุคลิกจำเป็นจะต้องได้รับการเอาใจใส่เเละทำความเข้าใจอย่างมาก เพราะเมื่ออาการเริ่มรุนเเรงอาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ เเละนั่นไม่เป็นผลดีเเน่ค่ะถ้าบุคลิกของเราไปสร้างปัญหาให้คนอื่นโดยตัวเรากลับจำอะไรไม่ได้สักอย่าง การรักษาที่ดีก็ต้องเริ่มต้นจากตัวผู้ป่วยเองด้วย ต้องหันมายอมรับความจริงเเละต่อสู้กับความเจ็บปวดทั้งหลายให้ได้ ต่อให้ปัญหาจะใหญ่และปมในใจจะซับซ้อนเเค่ไหน พี่หวานเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างมีทางเเก้เสมอค่ะ เหมือนในซีรี่ส์เรื่องนี้ ขนาดพระเอกมีหัวใจที่บอบช้ำจนต้องสร้างบุคลิกขึ้นมารับมือกับความเจ็บปวดถึง 7 บุคลิก เเต่สุดท้ายเมื่อกล้ายอมรับเเละเผชิญหน้ากับมัน วันหนึ่งความเจ็บปวดเหล่านั้นก็จะจางหายไปอย่างเเน่นอน
'ความกลัวเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาเอง และเป็นผลพวงจากจินตนาการทั้งนั้น' พี่หวานคิดว่าคำพูดนี้จริงที่สุดเลยค่ะ เมื่อใดที่เราก้าวผ่านความกลัวในใจไปได้ เราก็จะรู้ว่าความกลัวในใจเหล่านั้นเราสร้างขึ้นมาเอง เมื่อใจเราสร้างมันได้ เราก็สามารถหยุดความกลัวนั้นได้เช่นกัน
ใครที่กำลังมองหาพล็อตเรื่องไปเขียนนิยาย ลองจับเอาโรคหลายบุคลิกนี้ไปสร้างเป็นตัวละครในนิยายของตัวเอง สร้างปมในแบบที่เราคิด เเละลงมือเขียนให้เป็นงานของเราได้เลย พี่หวานว่าต้องสนุกมากแน่ๆ เพราะโลกจินตนาการของเเต่ละคนนั้นกว้างใหญ่ไม่เหมือนใคร ถ้าน้องๆ คนไหนเริ่มลงมือเขียน หรือว่าเขียนนิยายเเนวนี้อยู่ละก็ มาเเชร์กันได้นะคะ สำหรับวันนี้พี่หวานก็หวังว่าบทความนี้จะทำให้น้องๆ เกิดเเรงบันดาลใจดีๆ ที่จะต่อยอดงานเขียนของตัวเองได้นะคะ เเล้วเจอกันใหม่บทความหน้าน้าาา ^_^
พี่หวาน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพบางส่วนจาก
เพจ KR.SUBTHAI
http://www.imbc.com/broad/tv/drama/kmhm/photo/index.html
https://www.psychologytoday.com/conditions/dissociative-identity-disorder-multiple-personality-disorder
http://bonlivre.tistory.com/429
https://ko.wikipedia.org/wiki/해리성_정체_장애
8 ความคิดเห็น
อ่านจบแล้วอยากดูซีรี่ส์เลยค่าาาาาาาาาา
พระเอกในซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้ยังดีนะที่มีแค่ 7 บุคลิก
แต่บางคนนี่มี 24 บุคลิกเลยค่ะ
แค่คนธรรมดาๆไม่ค่อยมีพิษไม่มีภัยกลายเป็นคนมี 2 บุคลิกก็จะตายแล้ว
ชอบซีรีส์เรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มีช่วงนึงติดงอมแงม งอมแงมจริงๆนะ ถึงกับไม่ยอมหลับยอมนอน เรียกได้ว่ารักเลย รักสุดๆ
บวกกับเพลงประกอบละครที่เพราะมากๆๆๆ นึกถึงเพลงนี้ทีไรเรื่องราวของพวกเขาสองคนแล้วน้ำตาแทบจะไหล มันมีความฮา ความซึ้ง ความน่ารัก ลงตัวกันอย่างเพอร์เฟคมาก รักจริงๆ เป็นที่หนึ่งในใจเลยค่ะเรื่องนี้
SPOILER ALERT!!!!
ส่วนตัวชอบตอนที่พระเอกถูกจิตใจที่เป็นผู้หญิงครอบงำ ตอนนั้นฮามากกกกกก55555
เป็นบทความที่ดีมากเลยค่ะ
ดูเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่าพระเอกเก่งมากจริงๆ คนเขียนบทก็ด้วย เดาไม่ได้เลย
ชอบพระเอกคนนี้มากค่ะ คนที่เล่นเรื่องนี้เนี่ย ฮ่า
แบบว่า ไม่ค่อยหล่อ แต่แสดงดีจนดูหล่อไปเลย
เข้ามาอ่านแล้วอยากดูซีรี่ย์เลยค่ะ ขอบคุณที่มาแบ่งปันนะคะ
มธุสร จากล่า ก็โรคนี้น้าาา