สี่แผ่นดิน : ผลงานแห่งความจงรักและภักดี
สวัสดีชาวนักเขียนนักอ่านเด็กดีทุกคนค่ะ ณ ตอนนี้ เชื่อว่าวลีที่ว่า "เข้าใจความรู้สึกแม่พลอยก็วันนี้" แพร่หลายไปทั่ว และทำให้หลายๆ คนกลับมาสงสัย แม่พลอยเป็นใคร มาจากนิยายเรื่องอะไร คำตอบก็คือ แม่พลอยคือตัวละครหลัก (นางเอก) จากวรรณกรรมระดับชาติเรื่อง "สี่แผ่นดิน" ผลงานของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช นั่นเอง
นิยายเรื่องนี้ เคยสร้างเป็นละครมาหลายต่อหลายครั้ง และได้รับความนิยมในทุกๆ ครั้ง หนังสือก็จัดว่าเป็นผลงานระดับชาติที่คนไทยทุกคนควรอ่าน เนื่องจากแฝงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคนไทยในอดีต ตลอดจนค่านิยมประเพณีเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ อันเป็นสถาบันสำคัญของคนไทยทั้งประเทศ
นิยายเรื่องนี้ เคยสร้างเป็นละครมาหลายต่อหลายครั้ง และได้รับความนิยมในทุกๆ ครั้ง หนังสือก็จัดว่าเป็นผลงานระดับชาติที่คนไทยทุกคนควรอ่าน เนื่องจากแฝงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคนไทยในอดีต ตลอดจนค่านิยมประเพณีเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ อันเป็นสถาบันสำคัญของคนไทยทั้งประเทศ
วันนี้ เว็บไซต์เด็กดีดอทคอม ได้รับเกียรติจากนักรีวิวคนดัง "คุณชมพู่" เธอได้รีวิวนิยายเรื่อง "สี่แผ่นดิน" เอาไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว และเราได้ขออนุญาตเธอเพื่อนำรีวิวมาให้นักเขียนนักอ่านเด็กดีได้อ่านกัน เชื่อว่ารีวิวนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนได้ไม่มากก็น้อยค่ะ
เรื่อง สี่แผ่นดิน
ผู้เขียน ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
สนพ. นานมีบุ๊คส์
จำนวน 509+678 = 1187 หน้า ราคา 695 บาท
อ่านแล้วคุยกัน :
สี่แผ่นดิน ผลงานชิ้นเยี่ยมของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ที่ฉันมีโอกาสได้อ่าน ณ วันนี้ต้องบอกว่าได้มีโอกาสที่ดีที่ได้หยิบมาอ่าน เพราะเป็นช่วงจังหวะความเจ็บปวดของประชาชนคนไทยที่เพิ่งสูญเสียพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเทิดทูนเหนือหัว พระองค์เป็น #คนดี ที่ใครๆ ต่างก็ถวายหัวใจให้กับพระองค์ท่านอย่างหมดใจและไร้เงื่อนไข ความเจ็บปวดของการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินกับการเปลี่ยนผู้ปกครองในช่วงการอ่านงานเขียนชิ้นนี้มันช่างถ่ายทอดออกมาให้เสียดแทงหัวใจนักเพราะอารมณ์และความรู้สึกของฉันและใครๆ อีกหลายคนบนผืนแผ่นดินไทยในยามนี้มันคงรู้สึกไม่ต่างกับของแม่พลอยเลยเชียวล่ะ
.
ในเรื่องราวรายละเอียดของหนังสือนั้นฉันคงไม่ต้องเล่าอะไรให้มากความเพราะเชื่อว่าใครๆ อีกหลายคนในที่นี้ต่างก็คงได้อ่าน ได้ดูกันมาบ้างแล้ว บ้างก็อ่านหนังสือ บ้างก็ดูละคร หรือว่าไม่ก็ทั้งสองอย่างรวมถึงละครเวที สำหรับฉันมันพวกคนหลังเขาได้ดูละครต้องเรียกว่าดูแบบผ่านๆ เพราะไม่ได้ติดตามนัก ครั้งนี้เลยเป็นการอ่านหนังสือที่เป็นครั้งแรกของการอ่านเรื่องนี้อย่างช้าเชื่องอาจจะเพราะต้องการสัมผัสเรื่องราวความงดงามของภาษา ความละเมียดทางอารมณ์ทั้งสุขและทุกข์ และสำคัญที่ทำให้ช้าเลยนั่นคือการอ่านเรื่องนี้ด้วยตาที่เบลอบวมเพราะผ่านวันผลัดเปลี่ยนแผ่นดินอย่างในหนังสือมันช่างเป็นการอ่านที่เหมือนตอกย้ำความรู้สึกให้แหลกละเอียดได้ดีนัก
.
เนื้อความในหนังสือนั้นอ่านไปเพลินแล้วสามารถใช้คำว่า “อินไปพร้อมความรู้” หลากหลาย ผ่านชีวิตของ #พลอย ลูกสาวของเจ้าขุนมูลนายที่ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตโดยการถูกส่งเข้าวังให้ได้รับการดูแลจาก เสด็จฯ ในวัยเพียง 10 ขวบ การไปอยู่ที่วังชีวิตทุกอย่างก็เหมือนได้เริ่มต้นใหม่ ได้เจอเพื่อนวัยเดียวกันคือช้อย ได้เรียนรู้ในการใช้ชีวิตชาววัง เรียกว่าในชีวิตช่วงนี้เป็นชีวิตที่คนอ่านๆแล้วเพลินใจ เพราะอ่านไปพร้อมได้ความรู้ในหลากหลายเรื่อง อย่างเช่นเรื่องของ ประเพณีในรั้วในวัง การถวายตัวเข้าไปในรั้วในวัง การกินหมากพลู หีบหมาก ชีวิตช่วงการเรียนรู้นี้ถือว่าอ่านได้เพลินๆ ยังไม่รู้สึกถึงการถูกแกว่งไกวไปมาให้น่าปวดหัว จนเมื่อพลอยแต่งงานเพราะความต้องการของผู้ใหญ่ที่เห็นควรและคู่ครองซึ่งคือคุณเปรมนั้นต้องใจแม่พลอย นั่นก็หมายถึงการได้ออกจากวังไปมีครอบครัวของตัวเอง และแน่นอนว่าความยั่งยืนมันไม่มี ..... เพราะทุกอย่างเมื่อมีสุขมันก็มีทุกข์จนต้องมาเจอกับความเปลี่ยนแปลงและการผลัดเปลี่ยนของพระมหากษัตริย์ซึ่งคนที่ยึดถือเรื่องความจงรักภักดีอย่างพลอยที่เป็นคนในรั้วในวังมานั้นยึดมั่นนักมันถึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เสียดแทงบาดลึกลงเข้าไปยัดชีวิตของพลอยไม่น้อย
.
การอ่านเรื่องนี้มันยังบาดลึกไม่เท่าไหร่ถ้าหากว่าจะเป็นเพียงการสูญเสียไม่กี่อย่าง แต่แม่พลอยนั้นถือว่าเป็นตัวละครหลักที่ต้องถ่ายทอดความรู้สึกในหลายบทบาท ทั้งแม่ เมีย ข้าพระบาท การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนของผู้ปกครอง แผ่นดินที่เปลี่ยนมาตั้งแต่ยุค ร.5-ร.8 การเจ็บปวดของครอบครัวที่ในบ้านก็ต่างมีความคิดความอ่านในเรื่องของการเมืองเรื่องที่ใครๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น การสูญเสียสมาชิกครอบครัวมีไม่น้อย มันเป็นอะไรที่ทำให้คนอ่านที่กำลังเจอกับปัญหาเหล่านี้ในเรื่องหลักของการสูญเสียมีอารมณ์ร่วมและเข้าใจได้ดีไม่น้อยเลยค่ะ
.
การอ่านเรื่องนี้นั้นต้องบอกว่าคงไม่ใช่อ่านครั้งแรกและครั้งเดียวแน่นอน เพราะคงจะได้งัดเอามาอ่านอีกหลายๆ รอบแน่ๆ และถือว่าอาจจะต้องเป็นเรื่องราวที่เราจะต้องอ่านต่อยอดกันหลายๆ อย่าง เพราะเรื่องนี้ทำให้เราสนใจอยากอ่านต่อกับเหตุการณ์ในแต่ละยุคแต่ละสมัยมากขึ้น ความสำคัญและรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาของแต่ละรัชสมัยที่แม้ว่าเราอาจจะรู้แล้วบ้างแต่ก็เชื่อว่าอ่านซ้ำอีกครั้งจะเป็นอะไรไปเพราะบางอย่างเรารู้แต่ก็อาจจะพลาดหรือคลาดเคลื่อนแต่ถ้าหากว่าได้อ่านอีกทีอาจจะทำให้เรารู้สึกถึงอะไรบางอย่างและอาจจะเป็นพลังที่ทำให้เราต้องการเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่แม้จะไม่ใช่สิ่งยิ่งใหญ่เกินตัวแต่มันก็อาจจะทำให้เรามีมุมมองอะไรแตกต่างออกไปจากประโยชน์ของเรื่องราวในอดีตมากบ้างน้อยบ้างก็เป็นได้เหมือนกันนะคะ
.
สิ่งที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ของหนังสือที่ประพันธ์ขึ้นมานี้นั้นแม้จะมาจากอดีตอันหลายสิบปี แต่ความรู้สึกของตัวละครที่ถูกถ่ายทอดที่มาจากเรื่องจริงนั้นมันส่งผ่านมาถึงยุคสมัยนี้ได้อย่างเหลือเชื่อตั้งแต่การเริ่มต้นเปิดหนังสือเพียงไม่กี่หน้า เจอประโยคนี้เข้ามาก็เล่นทำเอาน้ำตาไหล
.
"มัจจุราชนั้นมิได้มียกเว้นให้แก่ใคร และวงล้อแห่งชีวิตคือความเกิดแก่เจ็บตาย และการพลัดพรากสูญเสียของรักนั้นกว้างขวางนัก ไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยงได้ จะเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเต็มไปด้วยพระราชอิสริยยศและพระราชอำนาจ หรือยาจกเข็ญใจก็ตามที"
หรือ ช่วงสำคัญของการรับรู้ของแม่พลอยที่พระเจ้าอยู่หัวสวรรคต แม่พลอยไม่สามารถที่จะมีสมาธิทำอะไรได้ ใจคิดถึงแต่อยากจะกลับวังเมื่อนึกออกว่าจะมีการแห่งพระบรมศพกลับเข้าวังอย่างน้อยที่สุดที่ตนจะทำได้คือการไปคอยเฝ้าถวายบังคมพระบรมศพตามข้างถนนหนทาง พอนึกอะไรได้บ้างก็รีบแต่งกายเข้าเครื่องไว้ทุกข์แล้วออกจากบ้านมุ่งหน้าไปถนนราชดำเนิน แม่พลอยเดินไปถึงก็เห็นทหารยืนถือปืนหันปากกระบอกลงดิน ยืนรายทางอยู่ทั้งสองข้างถนน และตามสองข้างทางนั้นราษฏรมานั่งคอยถวายบังคมพระบรมศพกันโดยตลอด ทุกคนเงียบกริบไม่มีใครส่งเสียงกระโตกกระตาก
(ข้อความส่วนหนึ่งจากหนังสือ) ...
.
อ่านจบแล้วต้องหลับตาเพราะภาพนี้เราจะไม่รู้สึกเลยถ้ามันไม่เกิดขึ้นกับช่วงเวลาเหตุการณ์นี้ที่คนไทยกำลังเผชิญหน้า แต่เมื่อขณะนี้เรากำลังเจอกับการสูญเสียพ่อหลวงของเราแม้มันจะเป็นเพียง 1 แผ่นดินแต่มันก็รู้สึกเหมือนโลกถล่มดินทลายไม่น้อย เมื่ออ่านเรื่องนี้แล้วถึงบอกได้เลยว่าความเข้าถึงในอารมณ์ของตัวละครอย่างแม่พลอยของเรานั้นมันโดนกระหน่ำแทงหัวจิตหัวใจอย่างแรงค่ะ และมันคงจะเป็นอีกสักพักที่เราจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นและระลึกถึงว่า แม้ตัวกายไม่อยู่แต่สิ่งดีๆ ที่ได้รับการบอกเล่า สั่งสอน จะไม่หายไปไหนแน่นอน
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ มายไอดีของคุณชมพู่
และทางเว็บเด็กดีขอขอบคุณสำหรับรีวิวอันทรงคุณค่ามา ณ ที่นี้ค่ะ
และทางเว็บเด็กดีขอขอบคุณสำหรับรีวิวอันทรงคุณค่ามา ณ ที่นี้ค่ะ
3 ความคิดเห็น
เป็นบุคคลนึงที่ได้เคย ดูเรื่องนี้จากละครเวที เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง กลับทำให้ผมถึงกับหลั่งน้ำตาไปกับความเป็นไปในแต่ละรัชกาล ความรู้สึกในตอนที่แม่พลองรีบกลับไปบ้านเพื่อแต่งตัวรับเสด็จเป็นครั้งสุดท้าย ราวกลับภาพเหตุการในปัจจุบัน ที่คนไทยทุกคนมีเพียงเสียงร่ำไห้และ ระลึกในใจถึงสิ่งที่ท่านได้ทำให้และคำที่ท่านบอกกล่าว เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิตต่อไป
น้ำตาอาบหน้าเลยล่ะ TOT