7 สิ่งที่ "โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" สอนเราให้ใช้ชีวิต
สวัสดีน้องๆ ชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ กลับมาพบกับพี่น้ำผึ้งคนเดิมอีกแล้วนะคะ นาทีนี้ไม่มีอะไรจะมาแรงเท่ากับภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเทพนิยายสุดคลาสสิค "Beauty and the Beast" หรือ "โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" อีกแล้วค่ะ ก็แหม... จะไม่ให้ฮอตได้ยังไง ในเมื่อรีเมครอบนี้ทางดิสนี่ย์ได้สาวน้อยคนเก่ง "เอ็มม่า วัตสัน" ที่ดังเป็นพลุแตกในบท "เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์" จากภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์มารับบทเป็น "เจ้าหญิงเบลล์" ประกบคู่กับนักแสดงหนุ่มใหญ่แห่งเมืองผู้ดี "แดน สตีเฟ่น" จากซีรี่ส์พีเรียดดาวน์ตัน แอบบี้ มารับบทเป็น "เจ้าชายอสูร" เรียกได้ว่าทั้งคู่ถอดแบบการ์ตูนมาเป๊ะๆ เลยค่ะ
สารภาพกันตามตรง พี่ชอบโฉมงามกับเจ้าชายอสูรมากๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นเทพนิยาย การ์ตูน หรือจะเป็นภาพยนตร์ พี่รู้สึกว่าเทพนิยายเรื่องนี้มีความเรียลตรงที่ตัวละครค่ะ เบลล์มีความแตกต่างจากเจ้าหญิงองค์อื่นๆ ในดิสนี่ย์มาก โดยเฉพาะเรื่องความกล้าหาญ (ซึ่งระยะหลังๆ นี้ดิสนี่ย์เองก็เริ่มสร้างเจ้าหญิงที่ไม่อ่อนแอแล้ว)
น้องๆ รู้มั้ยคะว่าแม้นี่จะเป็นเพียงแค่เทพนิยาย แต่แท้จริงแล้วมันแฝงแง่คิดการใช้ชีวิตไว้เพียบเลยล่ะค่ะ ซึ่งในวันนี้พี่น้ำผึ้งก็ได้รวบรวมมาให้น้องๆ ได้อ่านว่าพี่เรียนรู้อะไรจากการอ่านและดูภาพยนตร์เรื่อง "โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" นี้
ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูเลยดีกว่าค่ะ ^^
ครอบครัวมาก่อนเสมอ
อันนี้เห็นชัดเจนมากเลยค่ะเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องราวยุ่งเหยิงทั้งหมด พ่อของเบลล์ติดอยู่ในปราสาทของเจ้าชายอสูร เบลล์ออกตามหาพ่อและยอมถูกจับเพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อ เบลล์สอนให้เราได้รู้ว่า "ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ" และบางครั้งเราก็ต้องยอมเสียสละความสุขที่เรามีเพื่อให้ครอบครัวยังคงเป็นครอบครัว เหมือนอย่างที่เบลล์เสียสละตัวเองเพื่อให้พ่อของเธอปลอดภัยค่ะ นั่นเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากๆ เลยค่ะ ขอยกรางวัลลูกดีเด่นให้แก่เบลล์เลย! ปรบมือ!!!
ความงามที่แท้จริงคือความงามจากภายใน
โอ้โห มาเป็นสโลแกนเลยค่ะ แต่พี่ขอบอกเลยว่าข้อนี้จริงมากๆ เจ้าชายอสูรสอนให้เรารู้ว่าถึงแม้ภายนอกเราจะงามเลิศเลอเพอร์เฟคท์ แต่ถ้าจิตใจของเรามันมืดดำไม่งามไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกค่ะ จะเห็นได้ว่าก่อนที่เจ้าชายอสูรจะกลายเป็นอสูรแบบในเรื่อง เขาเคยเป็นเจ้าชายหนุ่มผู้หล่อเหลา แต่ใจของเขานี่สิกลับดำสนิท และเมื่อเขากลายเป็นอสูรและเจอเข้ากับเบลล์ จิตใจของเขาจึงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
น้องๆ คะ นอกจากโฉมงามกับเจ้าชายอสูรจะสอนให้เราเป็นคนดีจากภายในแล้ว มันยังสอนให้เรารู้ว่าแม้เราจะไม่สวย แต่ถ้าใจเราสวย แค่นี้เราก็สวยแล้วค่ะ! อย่าลืมว่าความงามที่แท้จริงคือความงามจากภายในนะคะ
กล้าที่จะแตกต่าง
แน่นอนว่าในเมืองเล็กๆ ที่ครอบครัวเบลล์อาศัยอยู่ ทุกคนมองว่าเบลล์กับพ่อเป็นพวกประหลาด โดยเฉพาะพ่อที่มักจะถูกนินทาเสมอเลยค่ะว่าเป็นบ้า แต่พวกเขาก็ไม่เคยสนใจในคำพูดคนเหล่านั้น เขายังคงยืนหยัดในตัวตน ความเชื่อ และความฝัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีมากเลยค่ะ เพราะความแตกต่างนี่แหละที่ทำเราพิเศษ ความแตกต่างทำให้เราโดดเด่น ความแตกต่างทำให้ใครๆ ก็จดจำเราได้ ถ้าเราทำตัวเหมือนๆ กับคนอื่น เราก็เป็นแค่คนที่ไหลไปตามฝูงชนเท่านั้นเอง
ไม่หยุดที่จะเรียนรู้
เบลล์เป็นหญิงสาวที่รักการอ่านมากกกกก แถมยังเป็นคนที่กระตือรือร้นอีกต่างหาก เบลล์เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกวัน ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่การเรียนในห้อง แต่มันคือการเรียนรู้จากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ผู้คน สิ่งแวดล้อม หรือแม้กระทั่งหนังสือที่เราอ่าน
เบลล์เป็นหญิงหัวสมัยใหม่ เธอช่างคิดช่างสงสัย และนั่นเป็นสิ่งที่ดีค่ะ เพราะความสงสัยทำให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ นอกจากนี้ทางด้านเจ้าชายอสูรเองก็ไม่หยุดเรียนรู้เหมือนกัน เขากล้าที่จะให้เบลล์สอนอ่านหนังสือ แล้วพวกเราคนดูก็ฟินยิ้มแป้นกันไป (ไม่รู้ว่านี่คือมุขจีบสาวอย่างหนึ่งของนางหรือเปล่า ฮ่าๆ) เห็นได้ชัดว่าการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิตด้วยการเรียนรู้นอกตำราไม่ได้ให้แค่ความรู้ แต่เรายังมีสิทธิ์ได้คนรักด้วยนะคะ (ฮา)
เบลล์และแกสตอง
(ขอบคุณรูปภาพจาก : empire.com)
อย่าตัดสินคนจากภายนอก
ในเรื่อง แกสตอง หนุ่มหล่อแถมฮอตเวอร์ในหมู่สาวๆ นั้นตามจีบเบลล์อยู่เป็นชาติแต่ก็นกตลอด น้องๆ รู้มั้ยคะว่าทำไม? คำตอบก็คือเพราะเบลล์มองเห็นเนื้อเเท้ของแกสตองว่าจริงๆ แล้วเขาก็คือวายร้ายคนนึงนั่นแหละ ดังนั้นโฉมงามกับเจ้าชายอสูรสอนให้เรารู้ว่า ถึงรูปร่างหน้าตาจะดีแค่ไหน แต่คนไม่ใช่มันก็ไม่ใช่ ยิ่งหน้าดีแต่นิสัยแย่แบบนี้ยิ่งไม่โอเคเลยค่ะ ก็เหมือนกับกุหลาบนั่นแหละ ถึงมันจะสวยแค่ไหนแต่ก็ยังมีหนามที่เป็นอันตรายค่ะ
ตรงกันข้ามกับฝั่งอสูร ครั้งแรกที่เบลล์เจอเขา เบลล์รู้สึกหวาดกลัวมากเพราะนอกจากหน้าตาจะน่ากลัวแล้ว ท่าทางยังโหดร้ายอีกด้วย แต่พอเบลล์ได้ใช้เวลาร่วมกับอสูรมากขึ้น เธอจึงรู้จักตัวตนของเขาและเปิดโอกาสให้เขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ เธอเห็นถึงความอ่อนโยนและความใจดีของอสูร จนในที่สุดเธอก็ตกหลุมรักเขา นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอรักคนจากภายในมากกว่าภายนอกค่ะ สิ่งที่พี่อยากจะบอกก็คือไม่ควรตัดสินคนจากภายนอกนั่นเอง
การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
ถ้าจัดประเภทพระเอกในนิยายแล้ว อสูรก็คงเป็นประเภทพระเอกสุดซึน รักนะแต่ไม่บอก ฉันขอแสดงออกให้เธอรู้ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ เวลาที่เราจะดูว่าใครสักคนรักเราอย่างที่พูดหรือเปล่าให้ดูจากการกระทำเป็นหลักค่ะ มันมีเยอะแยะเลยนะคะที่ปากบอกว่ารักแต่การกระทำนี่สวนทางกัน ซึ่งการกระทำก็ดูได้ง่ายๆ ตั้งแต่การถามไถ่อย่างเป็นห่วง หรือการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่แฝงไปด้วยความรักค่ะ อย่างในเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร แม้อสูรจะไม่เคยบอกรักเบลล์ แต่เขาก็คอยให้ความช่วยเหลือ คอยปกป้องเบลล์จากอันตราย แถมยังรู้ใจเบลล์ด้วยการยกห้องสมุดให้อีกต่างหาก
เราทุกคนล้วนแต่มีอสูรอยู่ในตัวเอง
แท้จริงแล้วอสูรไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะนอกจากตัวเราเอง อสูรในที่นี้คือความโกรธและโทสะที่เข้าครอบงำเรา น้องๆ ต้องระวังเจ้าอสูรร้ายตัวนี้ให้ดีนะคะ อย่าให้มันมาควบคุมเราได้ ไม่เช่นนั้นจะพังเหมือนกับแกสตองค่ะ เพราะแกสตองปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำจนทำให้เขาทำเรื่องบ้าๆ แบบไม่คิด บุกเข้าไปในปราสาทเพื่อต่อสู้กับอสูร สุดท้ายก็นั่นแหละนะ... พังไม่เป็นท่า น่าสงสารเขานะคะ
เป็นยังไงบ้างคะกับเรื่องที่พี่นำมาฝากในวันนี้ นอกจากภาพสวย เสียงเพราะ เนื้อหายังสอดแทรกแง่คิดให้เราได้ตกตะกอนอีกต่างหาก ใครที่ไปดูแล้วก็อย่าลืมมาแชร์ความรู้สึกกันได้นะคะ หรือใครที่ได้แง่คิดนอกเหนือจากที่พี่ได้ก็สามารถบอกเล่าได้ที่คอมเมนต์ด้านล่างเลยค่ะ พี่รออ่านความคิดเห็นของน้องๆ อยู่นะคะ ส่วนครั้งหน้าพี่จะมาพร้อมกับบทความอะไรนั้น รอติดตามได้เลยค่ะ
พี่น้ำผึ้ง :)
ขอบคุณรูปภาพจากภาพยนตร์
4 ความคิดเห็น
ได้ข้อคิดมากๆ หลงรักเรื่องนี้
ชอบมากกเรื่องนี้ ข้อคิดเพียบเลย
ข้อคิดเพียบเลย หนุกมากเรื่องนี้
ไม่ทันคิดถึงข้อคิดที่ได้จากหนัง มัวแต่อยากดูมันเพราะเอฟเฟกต์กับเนื้อหาและแสงสีกับเสียงที่เขาทำ พอมาเจอข้อคิดก็จริงอย่าที่ว่าจริงๆ ด้วย เป็นข้อคิดที่ดีมากกกกก!