สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน กลเม็ดเคล็ดลับฉบับนี้พี่น้ำผึ้งมีเรื่องสนุกๆ มาฝากค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การสร้างตัวละครตามบุคลิกภาพแบบ MBTI (Myers-Briggs Personality Types) และการเขียนหนังสือตามบุคลิกของเรา 

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจทำหน้าแปลกใจและสับสน งั้นขอเพิ่มเติมอีกสักนิด เวลาอ่านนิยายของนักเขียนที่แตกต่างกัน สัมผัสได้ใช่ไหมคะว่านิยายแต่ละเรื่องก็จะแตกต่างกันไปตามบุคลิกของนักเขียนแต่ละคน ยกตัวอย่างง่ายๆ แม้จะเขียนแนวรักหวานแหววเหมือนกัน แต่งานของแสตมป์เบอรี่ก็แตกต่างจากงานของเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ถามว่าเพราะอะไร เพราะทั้งคู่มีบุคลิกที่แตกต่างกันนั่นเอง 

และหนึ่งในวิธีแยกแยะบุคลิกของคนเรา ก็คือ MBTI ที่พี่น้ำผึ้งกำลังพูดถึงอยู่นี่แหละค่ะ MBTI เป็นโปรแกรมที่สร้างมาเพื่อแบ่งคนออกเป็นกลุ่มๆ และผู้แยกก็ได้เตรียมคำแนะนำ ตลอดจนข้อเสนอแนะสำหรับคนแต่ละบุคลิกเอาไว้ให้พร้อมสรรพ เรียกได้ว่า... ถ้าเราเป็นนักเขียนในกลุ่มไหน ก็จะมีคำแนะนำที่แตกต่างกันออกไป รวมทั้งหมดจะได้คำแนะนำ 16 แบบค่ะ

สำหรับตอนนี้ พี่น้ำผึ้งขอพาไปรู้จัก MBTI กันก่อนแล้วกันนะคะ จะได้ไม่สับสนเวลาเล่าละเอียดๆ 
 

อะไรคือ MBTI

แบบทดสอบ MBTI หรือ Myers-Briggs Personality Types เป็นเครื่องมือจิตวิทยาที่ใช้เพื่อค้นหาบุคลิกภาพ ตัวตน ความรู้สึกและความนึกคิดของเรา เครื่องมือนี้มีประโยชน์และแม่นยำมากๆ เลยค่ะน้องๆ เพราะแบ่งคนออกเป็น 16 แบบด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการใช้ MBTI แพร่หลายทั่วโลก ทั้งในการเลือกคู่ครอง การพัฒนาตัวเอง การหางานเพื่อให้เหมาะสมต่อบุคลิกภาพ หรือแม้แต่บริษัทต่างชาติหลายที่ยังใช้เพื่อคัดเลือกพนักงานเข้าบริษัทด้วยค่ะ

แบบทดสอบนี้คิดค้นในช่วงยุค 1940 โดยอิซาเบล บริกส์ ไมเออร์ (Isabel Briggs Myers) และแคทเธอรีน แม่ของเธอ ซึ่งทั้งคู่ได้พัฒนาต่อยอดมาจากทฤษฎีจิตวิทยาวิเคราะห์ของคาร์ล ยุง แบบทดสอบ MBTI ตีพิมพ์ครั้งแรกโดย Educational Testing Service (ETS) ในปี ค.ศ. 1962 ต่อมาในช่วงราวๆ ปี ค.ศ. 1968 MBTI ได้รับการแปลถึง 14 ภาษาเลยทีเดียว

 

ตัวอักษร 4 แบบ

มีตัวอีกษร 4 ตัวสำคัญสำหรับแบบทดสอบ MBTI ที่แสดงถึงลักษณะความชอบหรือความถนัดของเราทั้ง 4 ด้าน โดยมาจากตัวอักษรทั้ง 8 แบบที่ไว้ทดสอบค่ะ ดังภาพด้านล่างเลย

(via : https://atopcareer.com/relationships/) 
 

E vs I : ได้รับพลังงานมาจากไหน?

E มาจาก Extraversion พวกเขาจะรู้สึกมีพลังและกระตือรือร้นมากเมื่อได้พบปะพูดคุยกับคนอื่น ได้เข้าสังคม ได้เจอคนเยอะๆ พวกเขามีแนวโน้มว่าจะสนใจทุกอย่างที่พบเห็นและโฟกัสที่โลกภายนอกซะมากกว่า พูดง่ายๆ ก็คือคนกลุ่มนี้เป็นพวกชอบการเข้าสังคมนั่นเองค่ะ

ขณะที่ I มาจาก Introversion พวกเขาจะเป็นพวกที่ได้รับพลังงานจากแรงกระตุ้นภายในตัวเอง ชอบอยู่คนเดียว อยู่ในโลกของตัวเอง และโฟกัสที่ตัวเองมากกว่าที่จะสนใจคนรอบข้าง พูดง่ายๆ ก็คือเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงนั่นเองค่ะ
 

S vs N : รับรู้ข้อมูลยังไง?

S หรือ Sensing จะรับรู้ข้อมูลผ่านการสัมผัสหรือประสาทสัมผัสทั้ง 5 ชอบอะไรที่จับต้องได้ ชอบอะไรที่มันเรียลและเป็นข้อเท็จจริง

ขณะที่ N หรือ Intuition นั้นจะเป็นพวกที่ชอบรับรู้โดยใช้สัญชาติญาณ มองการณ์ไกล คิดไปถึงอนาคต และมักจะมีวิธีใหม่ๆ ในการทำงานหรือแก้ไขปัญหา แน่นอนว่าคนพวก N มักเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจและจินตนาการค่ะ
 

T vs F : ใช้อะไรในการตัดสินใจ?

คนประเภท T หรือ Thinking มักใช้เหตุผลในการตัดสินใจและไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสิน พวกเขาจะมีกระบวนการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล และมักจะคิดๆๆ คิดอย่างละเอียดก่อนลงมือทำการบางอย่างค่ะ

ส่วนคนประเภท F หรือ Feeling นั้นมักใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ พวกเขามักเห็นอกเห็นใจและให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของผู้อื่นเป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ
 

J vs P : มีแนวทางในการใช้ชีวิตยังไง?

Judgment หรือ J เป็นพวกที่ชอบวางแผนเพื่อไล่ล่าเป้าหมาย พวกเขามักจะมีชีวิตที่เป็นระเบียบแบบแผน ตัดสินใจเร็ว ถ้าเมื่อไหร่ไม่มีแผนก็มักจะไม่สบายใจ ต้องรีบวางแผนค่ะ

ส่วน Perception หรือ P มักเป็นพวกชิวๆ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ มีชีวิตยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ แผนน่ะเหรอ? ไม่สำคัญหรอกจ้า ไม่มีก็อยู่ได้ เพราะพวกเขาสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

และการผสมผสานของตัวอักษรทั้ง 8 ตัวนี่แหละที่ทำให้เกิดบุคลิกภาพทั้ง 16 แบบอันเป็นเรื่องที่เรากำลังจะพูดถึงกันในวันนี้ รับรองว่า 16 แบบนี้จะช่วยให้การสร้างตัวละครในนิยายเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากค่ะ

ทำแบบทดสอบได้ที่ไหน?

แบบทดสอบสำหรับใครคนไหนที่ไม่เคยทำแบบทดสอบ MBTI และไม่รู้ว่าเราเป็นคนประเภทไหนกันแน่ใน 16 แบบนี้ พี่น้ำผึ้งขอส่งต่อลิงค์ให้น้องๆ ไปทำค่ะ โดยน้องๆ สามารถทำแบบทดสอบเวอร์ชั่นภาษาไทยได้ที่นี่ จิ้ม  ส่วนใครที่แม่นภาษาอังกฤษก็สามารถทำเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้เลยที่นี่ จิ้ม หรือใครอยากทำทั้งสองเวอร์ชั่นก็ไม่ว่ากันค่ะ :D
 

สำหรับใครที่ทำแล้วหรือรู้แล้วว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหน อย่าลืมจำไว้ให้แม่นแล้วมาสร้างตัวละครกันค่ะ โดยในวันนี้พี่น้ำผึ้งนำบุคลิกแบบ ISTJ มาฝากน้องๆ กัน ว่ากันว่าคนประเภทนี้มักเป็นคนที่ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จกันค่ะ เอ... แล้วเขามีแนวคิดแบบไหน มีหลักการใช้ชีวิตยังไง เราตามมาดูกันเลยดีกว่า

 

(via : http://cms.bsu.edu)

 

ISTJ

ขอเสียงชาว ISTJ หน่อยค่ะ โอ้โห ยกมือกันให้เพียบ ถ้าเปรียบชาว ISTJ เป็นนักเขียนแล้วล่ะก็ พี่น้ำผึ้งมั่นใจว่างานเขียนของเขาจะต้องเป็นอะไรที่แสดงถึงความจริงไม่มีโกหก เพราะคนประเภทนี้รักความจริง (Fact) ค่ะ

ชาว ISTJ มักเป็นพวกที่ชอบเดินตามรอยคนที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน กล่าวคือ เมื่อเขารู้ว่าวิธีไหนที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ เขาก็จะใช้วิธีนั้นอย่างเดียวและมักไม่ค้นหาวิธีใหม่ๆ มาทำ ก็แหม ถ้าทำแบบเดิมแล้วมันดีอยู่แล้ว จะเปลี่ยนใหม่ทำไมให้เสียเวลาเนอะ ^^

นอกจากนี้เวลาที่ชาว ISTJ เขียนนิยาย (หรือเขียนหนังสืออะไรก็ตาม) พวกเขามักจะคิดเรื่องคร่าวๆ ในหัวตั้งแต่ต้นจนจบก่อนที่จะลงมือเขียนจริง และเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาลงมือเขียนแล้วล่ะก็ ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็คงไม่อยู่แล้วค่ะ เพราะพวกเขาจะเขียนได้เร็วมาก แถมไม่ต้องมีดราฟใดๆ ในกระดาษด้วยนะ เนื่องจากดราฟที่แท้ทรูของพวกเขามันอยู่ในสมองหมดแล้ว แถมงานที่ออกมายังมีประสิทธิภาพด้วยค่ะ! สุดยอดไปเลย ขอคาราวะชาว ISTJ เลยจ้า
 

สร้างตัวละครแบบ ISTJ

I : เป็น Introversion มากกว่า Extroversion

ชาว ISTJ นั้นได้รับพลังงานจากโลกภายในของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือไอเดียต่างๆ พวกเขามักจะสนุกไปกับการสร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ มากกว่าเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ แถมยังเป็นพวกคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นก่อนแสดงออกด้วยวาจาหรือท่าทางค่ะ
 

S : ชอบใช้ประสาทสัมผัสมากกว่าสัญชาติญาณ

จริงๆ แล้วชาว ISTJ นั้นเป็นพวกที่ชอบความเป็นรูปธรรม ชอบความจริง ชอบอะไรที่มันเรียลๆ พวกเขามักสนใจในข้อมูลที่ได้มาจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่รูป เสียง กลิ่น รสและสัมผัส มากกว่าข้อมูลที่ได้รับจากจิตใต้สำนึก ที่สำคัญชาว ISTJ มีแนวโน้มที่จะพึงพอใจกับข้อมูลที่มันเรียล ไม่เพ้อฝันค่ะ
 

T : ใช้ความคิดมากกว่าความรู้สึก

ชาว ISTJ นั้นชื่นชอบการใช้เหตุผลในการตัดสินใจ พวกเขามักจะให้ความสำคัญกับตรรกะและเหตุผลเป็นอันดับต้นๆ เลย แถมยังเป็นพวกเก็บความรู้สึกเก่งมากๆ คนทั่วไปไม่ค่อยรู้หรอกว่าเขารู้สึกยังไงอยู่ ณ ตอนนี้ ที่สำคัญมักจะเป็นพวกช่างสงสัย โดยเฉพาะในเรื่องของไอเดียหรือความคิดทั้งของตนเองและผู้อื่นค่ะ ก็เลยทำให้เขาใช้ความคิดได้เรื่อยๆ ค่ะ

J : ใช้ชีวิตอย่างมีแบบแผนมากกว่าปล่อยชีวิตให้เรื่อยเปื่อย

แหงล่ะ ในเมื่อเราเรียกชาว ISTJ ว่าเป็นบุคลิกแบบ “ผู้ทำสำเร็จ” ดังนั้นคีย์เวิร์ดหลักๆ ของการเป็นคนกลุ่มนี้ก็คือ เมื่อมีเป้าหมาย พวกเขาจะวางแผนล่วงหน้าก่อนเสมอ!! หลังงานเสร็จสิ้นหรือตัดสินใจอะไรได้แล้ว พวกเขาก็จะรู้สึกพึงพอใจในสิ่งที่เลือก ที่สำคัญชาว ISTJ มักจะคิดถึงความเป็นไปได้เวลาจะลงมือทำอะไรสักอย่างด้วยค่ะ

 

แบทแมนหรือบรูก เวยน์เป็นหนึ่งในตัวละครที่เป็น ISTJ
(via : culturecrit.com)

สรุปง่ายๆ เลยก็คือ ชาว ISTJ มักเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอยู่ในโลกของตัวเอง เป็นคนที่มีอิสระและมีความตั้งใจสูงมาก ปกติแล้วชาว ISTJ จะคบเพื่อนแค่กลุ่มเล็กๆ ค่ะ ไม่ค่อยชอบรู้จักคนมากๆ เท่าไหร่ ตัวละครของน้องอาจจะมีเพื่อนสนิทอยู่แค่ 2-3 คนก็เพียงพอแล้ว

นอกจากนี้ ISTJ ยังเป็นทีมอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ชอบการเพ้อฝัน พวกเขามักมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน NOW คือ NOW จะว่าไปแล้วชาว ISTJ ก็คือนักคิดดีๆ นั่นแหละค่ะ เวลาตัดสินใจอะไรก็จะคิดๆๆๆ คิดอยู่นั่นแหละ คิดทุกอย่างในสมองแล้วค่อยลงมือทำ เรียกได้ว่ามีแผนชัดเจนเลยก็ได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าชาว ISTJ มักจะคิดก่อนพูดหรือทำเสมอ

เนื่องจาก ISTJ นั้นเป็นพวกชอบเก็บอารมณ์และความรู้สึก คนทั่วไปจึงมักมองว่าพวกเขาเย็นชา แต่พอเอาเข้าจริงๆ ชาว ISTJ กลับค่อนข้างสนับสนุนและห่วงใยคนที่เขารักนะคะ แม้ว่าตัวเองจะไม่ถนัดในเรื่องการแสดงความรู้สึกนัก แต่พวกเขาก็พยายามแสดงอย่างเต็มที่และมักจะแสดงออกด้วยการปฏิบัติเสียมากกว่า

ที่สำคัญชาว ISTJ นั้นเป็นพวกที่เข้าใกล้ความสำเร็จแบบง่ายๆ เพราะมีวิธีในการไล่ล่าเป้าหมายชัดเจนและเป็นรูปธรรมค่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเราถึงนิยามว่าเขาเป็นพวกผู้ทำสำเร็จ หรือเป็นต้นแบบของประสิทธิภาพ (Model Effective) 
 

ISTJ กับเรื่องของความสัมพันธ์

อย่างที่บอกว่าชาว ISTJ นั้นเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งมากๆ พวกเขาไม่แสดงความรู้สึกตัวเองออกมาตรงๆ หรอกค่ะ แต่จะแสดงออกมาในรูปแบบของความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบต่อบุคคลนั้นๆ

ถ้าเราเป็นเพื่อนหรือคนรักของเขาแล้วล่ะก็ เวลามีเรื่องทุกข์แล้วไม่รู้จะหันหน้าหาใคร บอกเลยว่าพี่ ISTJ ช่วยได้จ้า ไม่ต้องกังวลใจว่าพวกเขาจะเก็บความลับไม่อยู่ เพราะพวกเขาเป็นคนที่ไว้ใจได้และน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ตอนที่อยู่ในกลุ่ม พวกเขาก็มักชอบเป็นผู้สังเกตการณ์มากกว่าเป็นจุดเด่น

ถึงแม้ว่าชาว ISTJ จะเป็นพวกเข้มงวด แต่พวกเขาก็มีอารมณ์ขันที่เป็นเยี่ยมเลยค่ะ ทีนี้น้องๆ ก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ของตัวละคร ISTJ กับตัวละครรอบข้างได้อย่างง่ายดายแล้ว แค่จำไว้ว่าพวกเขาแสดงความรู้สึกไม่เก่ง แต่ซื่อสัตย์ ภายนอกเย็นชาแต่ลึกๆ แล้วมีอารมณ์ขันที่ดีเป็นเลิศเลย
 

ISTJ กับการงานอาชีพ

โอ้โห พูดเลยว่าชาว ISTJ นั้นมีความรับผิดชอบสูงมาก พวกเขาทำงานเป็นทีมได้ดีนะ แต่ชอบทำงานคนเดียวมากกว่า เวลาทำงานมักจะมีแบบแผนที่ชัดเจน หรือเวลาใครสั่งงานอะไรจะต้องสั่งให้ชัดเจนค่ะ เห็นเป็นคนทุ่มเทจริงจังแบบนี้ บอกเลยว่าพวกเขาไม่ชอบความเครียดและการมีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงานค่ะ ที่สำคัญชาว ISTJ ยังมีลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์คือเขาจะไม่ยอมพักเลยถ้างานไม่เสร็จ ปรบมือค่ะ!!
 

ISTJ กับชีวิตในรั้วโรงเรียน

เผื่อใครกำลังเขียนนิยายแนววัยรุ่น ตัวละครกำลังเรียนอยู่ในโรงเรียน บอกเลยว่า ISTJ เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนมาก คุณครูชื่นชมกับการใส่ใจในรายละเอียดของงานที่ทำ พวกเขามักเรียนวิชาที่ต้องใช้ทักษะความแม่นยำหรือการสังเกตได้ดี เช่น คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้พวกเขายังเป็นนักปฏิบัติและลงมือทำด้วยค่ะ

 

แคทนิสจาก The Hunger Game ก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่เป็น ISTJ
(via : pinterest.com)

 

จุดแข็งของชาว ISTJ

• เป็นผู้ฟังที่ดี
• มีความมุ่งมั่นและซื่อสัตย์
• เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารเงิน
• ละเอียดรอบคอบ
• รับมือกับวิกฤตได้ดี
   

จุดอ่อนของชาว ISTJ

• สามารถกลายเป็นคนที่เคร่งครัดมากเกินไป
• อาจจะไม่ใจกว้างในเรื่องของคำพูดชมเชยยกย่อง
• ปรารถนาที่จะเป็นบุคคลที่ถูกต้องอยู่เสมอ
• ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น
• มักชอบติตัวเองอย่างไร้เหตุผลอยู่บ่อยๆ เวลาทำอะไรผิดพลาด
  
  

ตัวละครชาว ISTJ

มีมากมายเลยค่ะสำหรับตัวละคร ISTJ ไม่ว่าจะเป็น 

• ซูซาน เพอเวนซี่ (นาร์เนีย)
• บาร์ชีบา เอเวอร์ดีน (Far from the Madding Crowd)
• กิลเบิร์ต นอร์เรลล์ (Johnathan Strange and Mr. Norrell)
• เจนนี่ แมทธิวส์ และ โทไบซ์ อีตัน (Divergent)
• เอ็ดเวิร์ด คัลเลน และ ชาร์ลี สวอน (Twilight)
• แคทนิส เอเวอร์ดีน (The Hunger Games)
• บรูซ เวยน์ (Batman)
• ดาร์ธ เวเดอร์ (สตาร์วอร์)
• โจน สโนว์ และ เอ็ดดาร์ด สตาร์ค (Game of Thrones)
• แอร์โอแมร์ และ เธโอเดน (The Lord of the Rings) เป็นต้นค่ะ
  
   

โจ สโนว์ ตัวละครจาก Game of Thrones
(via : pinterest.com)

 

นอกจากจะสร้างตัวละครแบบ ISTJ แล้ว มีใครในนี้เป็นนักเขียนแบบ ISTJ หรือเปล่าคะ ถ้ามีนี่นับว่าโชคดีมากๆ เลยค่ะ เพราะพี่ได้นำวิธีการเขียนนิยายตามสไตล์ ISTJ มาฝากค่ะ เผื่อใครคนไหนอยากนำไปปรับใช้ก็ไม่ว่ากันเลย
 

วิธีการเขียนตามแบบ ISTJ 

จริงๆ แล้วชาว ISTJ นั้นมีความสามารถโดดเด่นในเรื่องของธุรกิจและงานเขียนเชิงวิทยาศาสตร์ ดังนั้นพวกเขาจึงเหมาะกับงานเขียนเรียลๆ มีตัวเลข มีข้อมูลมากกว่างานเขียนนิยาย แต่ถ้าเขียนนิยาย ก็คงต้องบอกเลยว่าเหมาะกับนิยายไซไฟ (ที่สมจริง) หรือนิยายที่ต้องการความสมจริงแบบสุดๆ ค่ะ

ในงานเขียนของพวกเขา เราจะพบว่าเขาสามารถจัดระเบียบและนำเสนอข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียงลำดับข้อมูลได้อย่างถูกต้อง แถมยังชอบรวบรวมสถิติและแสดงให้ผู้อื่นเห็นภาพด้วยการแนบกราฟหรือแผนภูมิด้วยค่ะ

เมื่อเริ่มต้นทำโปรเจคด้านงานเขียน ชาว ISTJ ต้องการคำแนะนำหรือตัวอย่างประกอบที่ชัดเจน พวกเขาพบว่าการเดินตามรอยคนที่เคยประสบความสำเร็จจะช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรหรือลองผิดลองถูกเอง ดังนั้นก่อนเขียนหนังสือ ชาว ISTJ จะหาข้อมูลไว้แน่นปึ๊กเลยว่าจะเขียนยังไง เขียนแบบไหนถึงจะดี ทั้งที่เสิร์จหาข้อมูลเองในกูเกิ้ลหรือถามเอากับนักเขียนตัวเป็นๆ ยิ่งถ้าช่วงรู้ว่าช่วงนี้กระแสนิยายแบบไหนกำลังมาแรง พวกเขาไม่รอช้าที่จะเขียนแนวนั้นเลยค่ะ เพราะมั่นใจเลยว่ายังไงนิยายของเขาต้องมีคนอ่าน

 

(via : pinterest.com)
 

โดยปกติแล้วชาว ISTJ จะทุ่มเทและปั่นต้นฉบับอย่างหนักหน่วง แน่นอนว่าพวกเขาส่งต้นฉบับได้ตรงตามเวลาที่กำหนด บ.ก.พึงพอใจ นักอ่านรูสึกดี พวกเขามักจะชอบเขียนนิยายคนเดียวในที่เงียบๆ สำนวนการเขียนของเขามักสั้น กระชับ ง่ายๆ ได้ใจความ ชอบให้คนอ่านเข้าใจประเด็นที่จะสื่อมากกว่าความเวิ่นเว้อบรรยายเยอะแยะ มีน้ำไม่มีเนื้อ ISTJ ยังเป็นพวกนักเขียนนิยายแบบเรียลๆ ชอบเขียนนิยายที่คล้ายกับความเป็นจริงให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าบทความวิชาการก็จะชื่นชอบการวิเคราะห์เป็นพิเศษค่ะ

นอกจากนี้ชาว ISTJ ยังเก่งในเรื่องของการดึงประสบการณ์ในอดีตมาปรับใช้ในนิยายได้ดี ซึ่งรวมไปถึงความทรงจำที่ที่เกิดขึ้นจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเขาด้วย เช่น รสชาติบัวลอยที่ยายเคยทำให้กินตอนเด็กๆ กลิ่นของหญ้าที่สวนหลังบ้านของตา เป็นต้น ซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อน้องๆ มากเมื่อเขียนนิยายค่ะ เพราะน้องๆ สามารถดึงความทรงจำส่วนนี้มาปรับใช้ในงานเขียนของน้อง
 

(via : truity.com)

จุดบอดของนักเขียนชาว ISTJ  

เนื่องจากชาว ISTJ นั้นอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ดังนั้นงานเขียนของเขาจึงนำเสนอแต่ความจริงเป็นหลัก และนั่นอาจทำให้นักอ่านเบื่อได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้พี่น้ำผึ้งแนะนำให้ลดการใช้หลักสถิติหรืออ้างถึงผู้เชี่ยวชาญที่มากเกินไป ใช้เป็นการยกตัวอย่างง่ายๆ ให้ผู้อ่านเห็นภาพน่าจะดีกว่าค่ะ สำหรับคนที่เป็นนักเขียนนิยายนั้น พี่น้ำผึ้งแนะนำให้ใช้การเปรียบเปรยบ้าง จะได้ไม่ทำให้นิยายของเราดูเรียบง่ายจนเกินไปเนอะ

นอกจากนี้ชาว ISTJ ยังชอบสนใจรายละเอียดมากกว่ามองภาพใหญ่ๆ ดังนั้นในงานเขียนของเขาจะเต็มไปด้วยรายละเอียดและคำอธิบายเยอะแยะ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเขากลัวนักอ่านไม่เข้าใจนั่นเอง ยังไงอยากให้ระวังตรงจุดนี้หน่อย ลดการใส่รายละเอียดที่เกินความจำเป็นหน่อยเนอะ
 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับเรื่องที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ บอกไว้ก่อนเลยว่านี่แค่น้ำจิ้ม เพราะจริงๆ แล้วในแบบทดสอบ MBTI นั้นมีทั้งหมด 16 แบบ และนี่เราเพิ่งนำเสนอแค่บุคลิกแบบเดียวเอง เพราะฉะนั้นน้องๆ อีก 15 แบบที่เหลือช่วยอดใจรอนิดนึงนะคะ รับรองว่างานนี้น้องๆ ได้ออกแบบตัวละครกันสนุกแน่นอน ส่วนครั้งหน้าจะเป็นบุคลิกอะไรนั้น รอติดตามเลยค่ะ ^^

พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณ
https://www.personalitymax.com
https://andreajwenger.com
http://bookriot.com
http://mbtifiction.com/
http://www.preludecharacteranalysis.com
http://www.psychologyjunkie.com