8 ข้อควรรู้ ก่อนอ่าน ‘IT’ นิยายสุดสยอง ผลงานของสตีเฟ่น คิง

8 ข้อควรรู้ ก่อนอ่าน ‘IT’ นิยายสุดสยอง ผลงานของ สตีเฟ่น คิง 
 

เชื่อว่านิยายแปลที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ คงไม่พ้นเรื่อง IT หรือ ‘มัน’ ของสตีเฟ่น คิง นักเขียนแนวระทึกขวัญคนดังของโลก ที่แค่เอ่ยชื่อ ทุกคนก็ต้องพยักหน้ายอมรับในฝีมือ 
 

ตอนที่หนังเรื่องนี้โด่งดังสุดๆ แอดมินไม่กล้าเข้าไปดูในโรง สารภาพตรงๆ ก็คือ กลัวตัวตลก T____T หรือก็คือเพนนีไวซ์นั่นเอง เอาจริงๆ ก่อนหนังจะเข้าฉาย แอดมินไม่เคยได้ยินชื่อของเพนนีไวซ์มาก่อน แต่พอได้ยินแล้วก็ติดหูเลย แล้วก็กลัวเลย สตีเฟ่น คิง ช่างเป็นนักเขียนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเลือกหยิบเอาสิ่งที่คนทั่วไปกลัวมาสร้างเป็นตัวละครได้อย่างน่าสนใจ ส่วนตัวแอดมินคิดว่า ตัวตลก มีทั้งด้านตลกและด้านน่ากลัวในตัวเอง และยิ่งได้อ่านเรื่องนี้ ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำความน่ากลัวของตัวตลกได้มากยิ่งขึ้น 
 

นอกจากความน่ากลัวของตัวตลกแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดขายของนิยายสตีเฟ่น คิง ก็คือการเล่นกับจิตใต้สำนึกของมนุษย์ คนส่วนใหญ่มักจะเผลอทำร้ายคนที่เรารักโดยไม่ได้ตั้งใจเสมอ และหลายครั้ง เราต้องเจ็บปวดก็เพราะใช้ความรู้สึกมากจนเกินไป ช่วงแรกของเรื่อง ปูให้เรารู้จักกับแก๊งขี้แพ้ ‘Losers Club’ อันเป็นแหล่งรวมเด็กมีปัญหาทั้งหลาย ได้แก่ บิลล์ เดนโบรห์ เด็กติดอ่างขี้อาย, เอ็ดดี้ แคสพ์แบรค เด็กตัวจิ๋วที่ชอบคิดว่าตัวเองป่วย และมีแม่คอยปกป้องอยู่เสมอ, เบน แฮนส์คอม หนอนหนังสือตัวอ้วน, ริชชี่ โทเซียร์ เด็กพูดมากที่ชอบปล่อยมุกและอวดฉลาด, สแตน ยูริส ที่มาเข้ากลุ่มหลังจากถูกรังแกอย่างหนัก, ไมค์ แฮนลอน เด็กนอกคอก สัญชาติอัฟริกันอเมริกันที่โดนล้อเลียนเรื่องสัญชาติของตน และสุดท้าย เบเวอร์รี มาร์ช สาวสวยคนเดียวของกลุ่ม ผู้ถูกทำร้ายและข่มขืนโดยพ่อแท้ๆ ความสัมพันธ์ของเด็กๆ ทั้งเจ็ด เริ่มต้นจากการถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้ง และต้องมารวมตัวกันในที่สุด จนกระทั่งต่อมา ทั้งหมดได้ล่วงรู้ความลับอันเลวร้ายในเมือง และมีความตั้งใจจะจัดการความลับนี้ให้จบลง และนั่นคือ จุดเริ่มต้น การปรากฎตัวของเพนนีไวซ์!  
 

นิยายเรื่องนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1986 และกลายเป็นปรากฎการณ์ความสยอง ยิ่งเมื่อถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ก็ยิ่งได้รับความนิยม และถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ก่อนหน้านี้ IT เคยตีพิมพ์เป็นภาษาไทยมาแล้ว แต่ก็หมดลิขสิทธิ์ไป และหนังสือเองก็หายไปจากตลาด ณ ตอนนี้ แพรวนิยายแปล ในเครืออมรินทร์จึงได้นำนิยายเรื่องนี้กลับมาตีพิมพ์อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าแอดมินไม่พลาดค่ะ ต้องซื้อแน่นอน เพราะการอ่านแบบเป็นเล่มไม่น่ากลัวเท่าไปดูในโรงหนัง แต่ก่อนจะไปซื้อ แอดมินก็ได้ไปทำการบ้านหาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบก่อนอ่านมา และได้นำมาแบ่งปันให้กับทุกคนที่สนใจหนังสือเล่มนี้ค่ะ 
 

เผื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการซื้อได้นะ ^ ^ 
 

นิทานพื้นบ้านชาวนอร์เวย์เรื่องแพะสามตัว 
แรงบันดาลใจของเรื่อง IT 
 

The Three Billy Goats Gruff หรือ แพะสามตัว นิทานพื้นบ้านของชาวนอร์เวย์ ตามเนื้อเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย แพะสามพี่น้องอาศัยอยู่บนเขา มองเห็นอีกฝั่งของแม่น้ำเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี และมีสะพานให้ข้ามไป ทว่าใต้สะพาน มียักษ์ตัวหนึ่งรอจับแพะกินเป็นอาหาร แพะตัวน้องเป็นตัวแรกที่ข้ามไป และเมื่อยักษ์จะมาจับกิน มันก็ขอความเมตตาว่า รอตัวต่อไปดีกว่าเนื้อเยอะกว่า เมื่อแพะตัวกลางข้ามสะพาน ยักษ์จะกิน มันก็พูดแบบเดิม ให้กินตัวพี่ดีกว่า จนแพะพี่ใหญ่ข้ามสะพาน มันได้ใช้เขาแทงทะลุยักษ์ ทำให้ยักษ์ถึงแก่ความตาย อ่านแค่นี้ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นการช่วยเหลือระหว่างพี่น้อง แต่จากการวิเคราะห์ของนักจิตวิทยาอย่าง ซิกมันด์ ฟรอยด์ พบว่าแท้จริงแล้ว นิทานเรื่องนี้พูดถึงความอิจฉาริษยาในครอบครัว การแก่งแย่งชิงดีของผู้พี่ที่แข็งแรงกว่าน้องๆ แพะน้องเล็กต้องการยืมมือยักษ์ให้สังหารพี่กลาง ส่วนแพะพี่กลางก็ต้องการยืมมือยักษ์ให้สังหารแพะตัวพี่ ส่วนแพะพี่ใหญ่นั้นเผชิญกับอสูรหรือคือพ่อมานานแล้ว เมื่อมีโอกาสก็ได้ฆ่าพ่อให้แหลกเหลว และขึ้นเป็นผู้มรอำนาจที่สุดแทน 
 

ในนิยายเรื่อง IT สตีเฟ่น คิง ใช้สะพานเป็นสื่อ และสิ่งน่ากลัวที่สุด ก็ซ่อนอยู่ใต้สะพานนั่นเอง เจ้า ‘มัน’ หรือ ‘สิ่งนั้น’ ก็คือ เพนนีไวซ์ ที่ทุกคนหวาดกลัว โดยนักเขียนได้เขียนอธิบายเรื่องนี้ในเว็บไซต์ส่วนตัวว่า “ผมต้องการให้สะพานเป็นประเด็นสำคัญ มันสื่อถึงเมืองทั้งเมือง มีบางอย่างอยู่ใต้นั้น ก็คือ ท่อน้ำ อุโมงค์ การที่เรื่องราวเป็นแบบนี้ จะสร้างปรากฎการณ์สะท้อนกลับ ส่งผลต่อเด็กๆ ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่าตัวเองจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน ตอนที่เขียนหนังสือเรื่องนี้ ผมทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่า... จะเขียนเรื่องของโทรลล์ที่น่ากลัวใต้สะพานตัวนี้ดี หรือจะปล่อย ‘มัน’ ไว้ที่เดิมตลอดไป” 
 

สตีเฟ่น คิง เป็นนักเขียนที่มีผลงานมามากกว่า 50 เล่ม สำหรับ IT เป็นหนังสือที่ตีพิมพ์ออกมาพร้อมๆ กับเล่มอื่นๆ อีก 4 เล่ม ได้แก่ It, The Eyes of the Dragon, Misery และ The Tommyknockers (ในช่วงเวลา 14 เดือน ระหว่างปี ค.ศ. 1986-1987) แม้จะตีพิมพ์นิยายรัวๆ ในช่วงเวลานั้น แต่สตีเฟ่น คิงก็ประกาศอย่างชัดเจนว่า สำหรับ IT นั้น เขาใช้เวลาเขียนนานถึง 4 ปี 
 

ต้นฉบับของ IT คือ 1138 หน้า เป็นรองแค่เรื่อง Stand ที่มีจำนวน 1,153 หน้า น้ำหนักของหนังสือมากถึง 4 ปอนด์! 
 

สตีเฟ่น คิง สารภาพว่ากลัวตัวตลกมาก
 

ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงฉากเซ็กส์ซีนที่ใครๆ ต่างก็พูดถึง ฉากนี้พูดถึงเซ็กส์หมู่ระหว่างแก๊งขี้แพ้ ที่มีอายุเพียง 11-12 ปี หลังเอาชนะ ‘มัน’ ได้ เด็กทั้งเจ็ดกลับหลงทางอยู่ในท่อน้ำ หาทางออกไม่เจอ และท้ายที่สุด เด็กผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม เสนอให้เด็กผู้ชายอีกหกคนที่เหลือมีเพศสัมพันธ์กับเธอ เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างเพื่อนขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งสตีเฟ่น คิง ได้พูดถึงฉากนี้ไว้ว่า “ผมเองไม่ได้คิดถึงฉากนี้ในแง่เรื่องทางเพศ แต่มองว่าการกระทำนี้ เป็นการก้าวข้ามผ่านจากเด็กวัยรุ่นกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเท่านั้นเอง” 
 

ในช่วงวัยรุ่น สตีเฟ่น คิง ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเคยเสพยาเสพติดและติดแอลกอฮอล์ด้วย และสิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลต่อการเขียนของเขา “ผมเสพโคเคนอย่างหนักในช่วง ค.ศ. 1978 จนกระทั่งปี ค.ศ. 1986” เขาให้สัมภาษณ์กับนิตยสารโรลลิ่งสโตน และ The Tommyknockers เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายที่เขาเขียน ก่อนจะเลิกยาเป็นการถาวร (ผลงานก่อนหน้า The Tommyknockers คือ IT)
 

เมืองในเรื่องใช้ชื่อว่า Derry แต่เมืองจริงๆ ที่เป็นต้นแบบคือ เมือง Bangor ที่สตีเฟ่น คิงอาศัยมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 โดยคิงมองว่า เมืองนี้เป็นเมืองของคนขยัน และบ้างาน แถมยังมีเรื่องราวที่น่าเขียน สิ่งที่คิงคิดเมื่อครั้งแรกที่เห็นเมืองนี้คือ นิทานเรื่องแพะสามตัว ที่มียักษ์ซ่อนอยู่ใต้สะพานนั่นเอง
 

คิงบอกว่า เป้าหมายการเขียนเรื่อง IT คือ เขาอยากเขียนถึงปีศาจที่น่ากลัวที่สุดในโลก และเมื่อนึกถึงว่า ตอนเด็กๆ ตัวเองเคยกลัวอะไรมากที่สุด คำตอบของเขาก็คือ ตัวตลก 
 

แม้จะขึ้นชื่อเรื่องเป็นนักเขียนแนวระทึกขวัญ แต่คิงบอกว่า เวลาถูกถามว่า ทำไมถึงชอบเขียนงานแนวนี้ เขาตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร จนกระทั่งมาถึงเรื่อง IT เขาบอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาอยากเขียนถึงปีศาจที่เด็กๆ กลัวมากที่สุด คิงให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมไว้ว่า “วิธีการเขียนของเขาก็คือ จะสร้างผลงานที่เหมือนกับนิทาน นั่นคือสร้างเมืองเมืองหนึ่งที่มีปีศาจเกิดขึ้น แต่ทุกคนกลับไม่สนใจและไม่ใส่ใจมัน และปล่อยให้มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ” และนั่นเองที่มาของ IT 
 

หน้าปก IT เวอร์ชั่นล่าสุดค่ะ 
ไปอุดหนุนพร้อมกับแอดมินได้นะคะ ซื้อแน่นอน 
 

ทีมงานนักเขียนเด็กดี
 

http://mentalfloss.com/article/504275/10-things-you-might-not-know-about-stephen-king%E2%80%99s-it