5 เรื่องมหัศจรรย์ที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับ
'เจมส์และลิลี่ พอตเตอร์'
สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน หลังจากพี่น้ำผึ้งได้นำเรื่องราวของพ่อและแม่แฮร์รี่ พอตเตอร์ มาฝากน้องๆ ในบทความ “5 ความลับที่ 'ลิลี่ พอตเตอร์' แม่ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ อยากบอกเรา” และ “5 เรื่องลับที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับ 'เจมส์ พอตเตอร์' พ่อของแฮร์รี่ พอตเตอร์” ในครั้งนี้พี่ก็อดไม่ได้ที่จะนำเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเจมส์และลิลี่ พอตเตอร์มาฝากอีกครั้งค่ะ! กระซิบก่อนว่าครั้งนี้เป็นเรื่องของทั้งคู่เลย รับรองว่ารู้แล้วจะต้องอึ้งกันแน่ๆ ว่าแต่ “ความลับ” ของพ่อแม่แฮร์รี่จะเป็นอะไรบ้างนั้น ตามมาเลยจ้า
ตอนปี 7 ทั้งเจมส์และลิลี่ต่างก็เป็นหัวหน้าประจำบ้าน
น้องๆ รู้มั้ยคะว่าทั้งเจมส์และลิลี่ต่างก็เคยเป็นหัวหน้าประจำบ้าน! อ้างอิงจากคำพูดของแฮกริดที่บอกแฮร์รี่ พอตเตอร์ตอนเจอกันครั้งแรกว่า “พ่อแม่ของเธอเก่งมาก พวกเขาเคยเป็นหัวหน้าประจำบ้าน”
จะว่าไปแล้ว ยิ่งใหญ่กว่าพรีเฟ็คก็คือหัวหน้าประจำบ้าน (Head Boy and Head Girl) นี่แหละจ้า กว่าจะมาเป็นหัวหน้าประจำบ้านได้ ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะจ๊ะ เป็นแค่นักเรียนปี 7 ของฮอกวอตส์มันไม่พอ แต่ต้องเป็นคนที่มีความประพฤติดี เรียนดี แถมต้องได้รับการแต่งตั้งจากอาจารย์ใหญ่ด้วยค่ะ! บอกแล้วว่าไม่ง่าย ส่วนหน้าที่หลักๆ ของหัวหน้าประจำบ้านก็คือการเป็นมือขวาของคุณครู คอยดูแล ตรวจตราและควบคุมนักเรียน รวมทั้งประสานงานภายในโรงเรียนจ้า
หลายคนเริ่มตั้งคำถาม ในเมื่อนักเรียนดีเด่นเท่านั้นที่ได้เป็นหัวหน้าประจำบ้าน แล้วทำไมคนที่มีนิสัยชอบแกล้งคนอื่นอย่างเจมส์ พอตเตอร์ถึงได้รับตำแหน่งนั้นล่ะ? คำตอบก็คือช่วงนั้นเจมส์ พอตเตอร์กำลังเดทกับลิลี่อยู่จ้า ด้วยความที่อยากเอาชนะใจสาวอ่ะเนอะ ก็ต้องปรับเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ ของตัวเองสักหน่อย หนุ่มเจมส์เลยเปลี่ยนตัวเองซะใหม่ ปรับปรุงและพัฒนานิสัยตัวเองให้ดีขึ้นไงล่ะ!
เจมส์และลิลี่แต่งงานกันตอนอายุ 18 ปี
น้องๆ ก็คงพอจะเคยได้ยินใครหลายคนบอกว่า ลิลี่และเจมส์แต่งงานกันทันทีที่เรียนจบ ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงค่ะ งานแต่งของทั้งคู่จัดขึ้นแบบเงียบๆ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 1978 ไม่ค่อยมีคนรู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่ นอกจากซีเรียส แบล็ก เพื่อนรักของเจมส์ ส่วนทางฝั่งของเจ้าสาวน่ะเหรอ (ซึ่งก็คือครอบครัวเดอร์สลี่ย์) ไม่เห็นแม้แต่เงาจ้า
แล้วชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่ล่ะ เป็นยังไงบ้าง? พูดเลยว่าพีคจริง เพราะจากคำบอกเล่าของลุงเวอร์นอนในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบันแล้วนั้น เราพบว่า “ลิลี่และเจมส์ไม่ได้ทำงาน!” ตรงกันข้าม พวกเขาเข้าร่วมเป็นสมาชิกภาคีนกฟินิกซ์ต่างหาก (ซึ่งไม่ได้เงินแน่นอน) อ้าว แล้วแบบนี้มีชีวิตอยู่ได้ยังไง ถ้าเป็นมักเกิ้ลอย่างเราๆ แค่เงินเดือนประจำก็แทบจะไม่พอใช้แล้วจ้า #ร้องไห้หนักมาก
งานนี้เจ.เค.โรว์ลิ่งเลยออกมาเฉลยว่า “เจมส์มีทองมากพอที่จะดูแลลิลี่และซีเรียส เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงอยู่ได้โดยไม่ต้องหางานทำ” เแหม เจมส์นี่หล่อและรวยที่แท้ทรู ครบสูตรพระเอกในนิยาย เรียนจบ ได้สมบัติ แต่งงาน มีลูก ไม่ต้องทำงาน อะไรจะดีเบอร์นี้
แม่ของเจ.เค.โรว์ลิ่งเสียชีวิตหลังจากที่เธอเขียนให้เจมส์และลิลี่ตาย
ร้องไห้หนักมากเลยสำหรับความจริงข้อนี้ เพราะในปี 1990 เจ.เค.โรว์ลิ่งได้สูญเสียแม่ของเธอจากโรคร้ายอย่างโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) ขณะที่ตอนนั้นเจ.เค.โรว์ลิ่งในวัย 25 ปีเพิ่งจะเริ่มต้นเขียนหนังสือแฮร์รี พอตเตอร์ แน่นอนว่า... เจมส์และลิลี่ได้ตายไปแล้ว
หลังจากที่แม่ของเธอตาย เธอก็เฝ้าเขียนแต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับ ‘ความตาย’ โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Dateline NBC ในปี 2007 ว่า “ยอมรับเลยว่าการที่แม่ฉันตายเป็นอะไรที่มีอิทธิพลต่องานเขียนของฉันมาก ตลอดเวลาหกเดือนหลังจากที่แม่ฉันจากไป ฉันเฝ้าคิดมาตลอดเลยนะ จนในที่สุดความตายก็กลายเป็นแก่นกลางของเรื่อง เป็นธีมหลักของแฮร์รี่ พอตเตอร์ทั้ง 7 เล่ม” พอพี่น้ำผึ้งลองมองในมุมกลับกัน ถ้าแม่ของเจ.เค.ไม่เสียชีวิต ตอนจบของแฮร์รี่ พอตเตอร์คงเปลี่ยนไปเนอะ น้องๆ ล่ะคิดว่ายังไง?
ทั้งเจมส์และลิลี่ ไม่มีใครใช้ไม้กายสิทธิ์เพื่อปกป้องตัวเอง
ในคืนที่เจมส์และลิลี่ถูกฆาตกรรม เจ้าแห่งศาสตร์มืดได้บุกเข้ามาในบ้านที่พวกเขาพักอาศัยในจังหวะที่พวกเขาไม่มีไม้กายสิทธิ์อยู่กับตัว ลองคิดดู มันก็เปรียบเหมือนโจรบุกเข้ามาในบ้านนายตำรวจที่ไม่มีอาวุธอยู่ในมือ ณ ตอนนั้นนั่นแหละ ถึงบ้านตำรวจจะเป็นบ้านตำรวจก็เถอะ ยังไงตำรวจก็ไม่น่ารอด เพราะงั้นในกรณีของเจมส์และลิลี่ก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่พวกเขาไม่ใช่โจร โวลเดอร์มอร์ต่างหากที่เป็น
ในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต แฮร์รี่ได้เห็นฉากที่พ่อแม่ของตัวเองถูกฆาตกรรมผ่านมุมมองของโวลเดอมอร์ ในตอนนั้น โวลเดอร์มอร์ได้ท้าทายให้เจมส์หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้ว ซึ่งเจมส์ไม่ทำ ดังประโยคที่ว่า
“It was easy, too easy, he had not even picked up his wand.”
(มันง่ายมาก ง่ายจริงๆ หมอนั่นไม่หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาแม้แต่น้อย)
แต่โชคร้ายที่ย่อหน้าก่อนหน้านี้ได้บอกไว้ว่า เจมส์ได้โยนไม้กายสิทธิ์ของเขาไว้บนโซฟาก่อนที่โวลเดอร์มอร์จะบุกโจมตี มันเลยทำให้เขาไม่สามารถปกป้องตัวเองหรือแม้แต่ครอบครัวได้เลย
นอกจากนี้ โวลเดอร์มอร์ยังได้บอกต่ออีกว่าลิลี่เองก็ไม่มีไม้กายสิทธิ์เช่นกัน เพราะเธอกำลังอยู่ในห้องของแฮร์รี่ มาคิดดูอีกทีก็น่าสงสารเจมส์และลิลี่เหมือนกันนะคะ ใครจะไปรู้ว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัยแม้แต่อยู่ในบ้านของตัวเอง เชื่อเถอะว่าถ้าทั้งคู่มีไม้กายสิทธิ์อยู่กับตัว จอมมารอาจจะแพ้ราบคาบ แฮร์รี่อาจจะมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น และเขาก็คงไม่ได้เป็น “เด็กชายผู้รอดชีวิต” แน่นอน
โวลเดอร์มอร์เคยชวนเจมส์และลิลี่มาเป็น "ผู้เสพความตาย"
อย่างที่เรารู้กันดี สิ่งที่โวลเดอร์มอร์ต้องการมากที่สุดคือการที่ตนเองมีพลังเหนือพ่อมดแม่มดทั้งปวง โวลเดอร์มอร์จึงต้องการคนเทพๆ มาเป็นสมาชิกผู้เสพความตาย เพื่อที่เขาจะได้มีพลังมหาศาล แน่นอนว่า “เจมส์และลิลี่ พอตเตอร์” เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีสกิลเทพ
เจ.เค.โรว์ลิ่งอธิบายว่า โวลเดอร์มอร์เคยพยายามชักชวนเจมส์และลิลี่มาเป็นผู้เสพความตาย แต่ไม่เป็นผล พวกเขาปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ซึ่งความจริงข้อนี้ก็ปรากฏอยู่ในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ด้วยค่ะ
ดูเหมือนว่าการที่จอมมารชวนเจมส์มาเป็นผู้เสพความตายจะไม่ใช่ประเด็นที่น่าสงสัยนัก เพราะเจมส์เป็นพ่อมดที่เก่ง ฉลาด เจ้าเล่ห์ และเป็นเลือดผสม แต่กับภรรยาของเขาล่ะ? ทำไมโวลเดอร์มอร์ถึงได้สนใจมักเกิ้ลบอร์นอย่าง “ลิลี่ พอตเตอร์” ด้วย
คำตอบนี้ก็คงเดาได้ง่ายๆ ว่า เป็นเพราะความเก่งกาจของเธอนั่นเองค่ะ เธอไม่เพียงแค่เก่งปรุงยา แต่ยังเก่งในวิชาแปลงร่างและคาถาด้วย พอเอาเข้าจริงๆ แล้วจอมมารก็คงไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นเลือดบริสุทธิ์หรือเลือดสีโคลน เพราะสิ่งที่เขาสนอย่างเดียวคือ “ทุกอย่างที่ทำให้เขามีอำนาจมหาศาล” เขาก็คงต้องการทุกคนที่มีสกิลเทพๆ มาเป็นพรรคพวกของตัวเอง เคลียร์เนอะทุกคน ^^
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเรื่องของพ่อและแม่แฮร์รี พอตเตอร์ที่นำมาฝากในวันนี้ บางเรื่องหลายคนก็คงรู้อยู่แล้ว หลายคนก็ยังไม่รู้ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่โผล่มาในหนังสือ เป็นรายละเอียดยิบย่อยที่บางคนอาจจำได้ หรือบางคนอาจลืมไปแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าทุกอย่างมันอยู่ในหนังสือ ขอเพียงแค่เราตั้งใจและสังเกตมันก็พอแล้วค่ะ ^_^ ส่วนครั้งหน้าพี่จะนำเรื่องอะไรมาฝากนั้น รอติดตามได้เลยจ้า
พี่น้ำผึ้ง :)
ขอบคุณรูปภาพจากภาพยนตร์
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์
pottermore.com
the-leaky-cauldron.org
scifi.stackexchange.com
4 ความคิดเห็น
ที่ได้เป็นหัวหน้าประจำบ้านเพราะทั้งสองคนมีผลการเรียนดีและก็เป็นที่ชื่นชอบของศาสตราจารย์มักกอนนากัลด้วยค่ะ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ให้ potterhead ได้กรี๊ดกันค่า
//ว่าแต่ รู้สึกว่าเจมส์จะเป็นเลือดบริสุทธิ์นะคะ
ตอนเล่มหกที่แฮร์รี่สงสัยว่าเจมส์คือเจ้าชายเลือดผสม รีมัสก็พูดกับแฮร์รี่ทำนองว่า
"James is a pureblood, Harry. And he has never asked us to call him Prince."
จะบอกอะไรหน่อย ความจริงน่ะในเล่ม 1 น่ะตอนที่เฟร็ดและจอร์จอัดลูกหิมะใส่ด้านหลัง
ผ้าโผ้กของควีเรลน่ะพวกเขาไม่รู้เลยว่าได้อัดเข้าหน้าลอร์ดโวลเดอร์มอร์เต็มๆเลยลอร์ดโวลเดอร์มอร์เข้าสิงควีเรลนะ
ว้าว ขอบคุณค่ะจะซื้อแฮร์รี่ พอตเตอร์ให้ครบเลยมี 7 เล่มใช่ไหม
เอาตรงๆ ถ้ามองจริงๆ ถ้าลิลี่กับเจมส์พอตเตอร์เข้าร่วมเป็นผู้เสพความตายจริงๆ หลังลอร์ดโวลเดอร์เมอร์ชนะ ก็เป็นไปได้สูงนะว่าจะฆ่าลิลี่ทิ้ง เพราะยังไงลิลี่ก็เป็นเลือดจากมักเกิ้ล ลอร์ดโวลเดอร์เมอร์เกลียดมักเกิ้ลอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะให้คนที่เกิดจากมักเกิ้ลยังอยู่ในทีมของตัวเองต่อ ยกเว้นแต่ลิลี่จำเป็นต่อเขามากขนาดที่ไม่มีใครแทนที่ได้จริงๆ