เปิดตำนานผาแดง-นางไอ่
เรื่องราวโศกนาฏกรรมแห่งรักพื้นบ้านของอีสาน
สวัสดีค่ะน้องๆ เด็กดีทุกคน^^ กลับมาเจอกันในหน้าบทความเช่นเคย เมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนพี่หวานกลับบ้านที่ต่างจังหวัดมาค่ะ เเล้วก็ได้คำแนะนำจากพี่อตินให้ลองเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องราวพื้นบ้านดูบ้างมั้ย พี่หวานเลยลองหยิบเรื่อง ผาแดง-นางไอ่ มาเขียนในวันนี้ เพราะเห็นว่าบางตอนนั้นมีความสอดคล้องกับตำนานเทพเจ้ากรีก อย่างเรื่องราวของเทพเพอร์เซโฟเน อีกด้วย ส่วนจะน่าสนใจยังไงเลื่อนลงมาเลยค่ะ
เกี่ยวกับตำนาน ผาแดง-นางไอ่
อันที่จริงตอนพี่หวานหาข้อมูลก็รู้สึกว่าอ้าว...เรื่องนี้ก็เป็นโศกนาฏกรรมทางความรักอีกแล้วหรอ วรรณคดีไทยเรากว่าจะเจอเรื่องที่จบเเฮปปี้เอนดิ้งนี่ก็หายากอยู่เหมือนกันนะคะ ฮา... กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า ตำนานผาแดง-นางไอ่ เริ่มต้นจากความงามของนางไอ่คำ ธิดาของพญาขอมกับพระนางจันทร์ เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วทุกทิศว่าช่างงดงามยิ่งนัก ทำให้มีบรรดาชายหนุ่มพึงพอใจในความงามของนางจากคำบอกเล่าเเละตัดสินใจเดินทางมาเพื่อพบหน้านางด้วยตนเอง จนกระทั่งท้าวผาแดงเเห่งเมืองผาโพงได้ยินเข้าก็มีอาการเดียวกันตัดสินใจเดินทางมายังเมืองนี้เพื่อชมโฉมนางไอ่คำด้วยตาตนเองว่ามีความงามอย่างทุกคนเล่าขานมาหรือไม่
เมื่อมาถึงก็ฝากของบรรณาการเล็กๆ น้อยๆ ไปกับมหาดเล็กเพื่อฝากพี่เลี้ยงของนางไอ่คำไปให้ถึงนาง พร้อมกับฝากคำบรรยายชมโฉมท้าวผาแดงไปด้วยจนนางไอ่คำรู้สึกประทับใจ เเละเมื่อสองคนตัดสินใจมาเจอกันก็เกิดชอบพอกันเเละกันในที่สุด เเต่ความรักย่อมต้องมีอุปสรรคเสมอ ท้าวผาแดงต้องกลับไปบ้านเมืองของตนก่อนเเต่ก็พยายามหาทางกลับมาเจอนางไอ่คำให้ได้ จนเมื่อโอกาอันเหมาะสมมาถึงพญาขอมบิดาของนางไอ่คำได้ประกาศเชิญทุกหัวเมืองมาร่วมงานบุญบั้งไฟที่จัดขึ้นเป็นประจำเพื่อบูชาพระยาแถนให้ช่วยบันดาลฝนตกและให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ เเละเเน่นอนว่าท้าวผาแดงต้องมาร่วมงานด้วย ในคราวนั้นพญาขอมนึกประทับใจท้าวผาแดงเป็นทุนเดิม จึงประกาศว่าถ้าท้าวผาแดงยิงบั้งไฟได้สูงกว่าบั้งไฟของตนจะยกนางไอ่คำให้ เเต่ผลออกมาเป็นที่น่าตกใจมากค่ะน้องๆ เพราะบั้งไฟของบ้านเมืองอื่นนั้นต่างพุ่งขึ้นเสียดฟ้ากันหมด มีเเค่ของท้าวผาแดงกับของพญาขอมที่จุดไม่ติดบ้าง หรือติดก็พุ่งลงดินแทน การท้าทายครังนั้นจึงเป็นโมฆะไป แต่เรื่องราวยังไม่จบเท่านี้ค่ะพี่หวานยังมีข้อมูลต่อด้านล่างอีกนะ
ตัวแปรสำคัญที่เข้ามาเป็นอุปสรรคในความรักครั้งนี้
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเรื่องราวไม่จบเท่านี้เเน่นอน ต่อมาพี่หวานจะขอพูดถึงตัวละครชื่อ ภังคี เป็นโอรสของพญาสุทโธนาคราชแห่งแม่น้ำโขง ที่ว่านว่าเคยมีเรื่องผูกพันกับนางไอ่คำมาตั้งเเต่ชาติปางก่อนกลับมาชาตินี้ก็เป็นอีกคนที่ตามแอบรักนางไอ่คำโดยคิดหาวิธีที่จะลักพานางไอ่คำลงไปอยู่เมืองบาดาลกับตนให้ได้ จึงแปลงกายเป็นกระรอกเผือกมาร่วมในงานบุญบั้งไฟครั้งนี้ด้วย โดยให้บริวารนาคแปลงกายอยู่โดยรอบ ฝ่ายนางไอ่คำเห็นกระรอกเผือกก็นึกอยากเก็บมาเลี้ยงจึงสั่งให้คนไปจับมา เเต่ด้วยการสื่อสารที่ผิดพลาดพี่เลี้ยงของนางไอ่คำจึงไปตามพรานมากำจัดโดยการยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ ก่อนตายภังคีจึงสั่งให้บริสารกลับไปเเจ้งต่อยิดาของตนเเละอธิษฐานต่อพระอินทร์ด้วยความเเค้นว่าขอฝห้เนื้อของตนมีรสชาติอร่อยเเละมากพอที่จะเลี้ยงคนทั้งเมือง ซึ่งหลังจากนายพรานยิงกระรอกเผือกได้พญาขอมก็สั่งให้นำไปแบ่งเเจกจ่ายผู้คนในเมืองกันอย่างทั่วถึง ยกเว้นเเต่เหล่าเเม่หม้าย ระหว่างนั้นท้าวผาแดงกลับมาหานางไอ่คำ นางจึงเเบ่งเนื้อกระรอกให้ทานด้วย เเต่ท้าวผาแดงเกิดเอะใจก่อนจึงปฏิเสธไปเเละได้ตักเตือนให้นางไอ่คำระวังภัยที่กำลังจะมาถึง
หลังจากที่พญาสุทโธนาคราชทราบข่าวว่าโอรสขงตนถูกฆ่าตายก็พาเหล่าบริวารนาคขึ้นมาจัดการ โดยการถล่มทำน้ำท่วมเมืองให้จมลงไปเป็นบึงน้ำใหญ่ ท้าวผาแดงพยายามจะช่วยนางไอ่คำให้พ้นเเต่ไม่สำเร็จ แผ่นดินถล่มตามมาและเหล่านาคก็เกี่ยวรัดตัวนางไอ่คำลงไปใต้บาดาลสำเร็จดังความต้องการของพญานาคภังคีในที่สุด ซึ่งภาพสุดท้ายที่สะกดสายตาของท้าวผาแดงคือสายตาอ้อนวอนด้วยความรักสุดหัวใจของนางไอ่คำ เรื่องราวนี้ก็เป็นอันสรุปได้ว่าเหล่าชาวเมืองทั้งหมดที่ได้กินเนื้อกระรอกเผือกล้มตายกันยกเมืองเเต่เหล่าเเม่หม้ายที่ไม่ได้กินนั่นเอง
บทสรุปความรักตำนาน ผาแดง-นางไอ่
ตามตำนานได้บอกต่อไปอีกว่าท้าวผาแดงกลับมาถึงเมืองผาโพงของตนเองเเล้วตัดสินใจตั้งจิตอธิษฐานว่าขอตายตามไปชิงตัวนางไอ่คำกลับมา เเละก็ได้กลั้นลมหายใจตายไปจริงๆ พี่หวานมองเเล้วรู้สึกว่าท้าวเธอเป็นคนที่ใจกล้าเเละรักอย่างบ้าบิ่นมากเลยค่ะ เมื่อเป็นวิญญาณก็ติดตามลงไปยังโลกบาดาล ยกทัพเหล่าผีบริวารเดิมลงมาด้วยเพื่อต่อสู้กับเหล่านาค จนเรื่องร้อนถึงพระอินทร์ต้องลงมาจัดการสั่งให้วิญญาณกลับไปยังที่ของตน พวกนาคก็กลับไปโลกบาดาลต่างคนต่างอยู่ ส่วนวิญญาณนางไอ่คำให้รออยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงยุคของพระศรีอริยเมตไตร เสด็จลงมาโปรดเพื่อตัดสินว่านางจะเป็นของใคร ก็เป็นอันว่าโศกนาฏกรรมความรักครั้งนี้จบลงอย่างไม่สวยงาม เพราะเเม้นางไอ่คำจะตายไปเเล้ว ความงามที่ตรึงใจก็ยังทำให้เหล่าวิญญาณมาต่อสู้กันได้อีกด้วย เป็นวรรณคดีพื้นบ้านที่น่าสนใจมากจริงๆ ค่ะ
เชื่อมโยงความคล้ายกับตำนานของเทพีเพอร์เซโฟเน
เรื่องราวของเทพีเพอร์เซโฟเนนั้นเป็นที่รู้จักกันในนามเทพเเห่งการเพาะปลูก ลูกสาวคนสวยของเทพีดิมิเทอร์ เป็นที่หมายปองของเหล่าเทพอื่นๆ จนพระนางต้องนำตัวลูกสาวไปซ่อนไว้ให้ไกลจากเขาโอลิมปัส จนกระทั่งวันหนึ่งฮาเดสได้ไปปรึกษาเทพเจ้าซูสเพราะคิดว่าตนเองถึงเวลามีชายาเเล้ว เเละเทพซูสตกปากรับคำบอกว่าจะยกเทพีเพอร์เซโฟเนให้ ฮาเดสดีใจมากจึงปรากฏกายขึ้นมาในวันหนึ่งลักพาตัวเพอร์เซโฟเนลงไปยังใต้ภิภพทั้งๆ ที่นางยังคงง่วนอยู่กับการเก็บดอกไม้อยู่นั่นแหละค่ะ เป็นการลักพาตัวโดยมีพ่อของนางคือเทพซุสเป็นคนเห็นดีเห็นงามด้วย ตรงนี้ก็จะคล้ายกับเรื่องของนางไอ่คำที่ถูกเหล่านาคลักพาตัวลงไปใต้บาดาลเพราะพญานาคภังคีตกลุมรักนางเหมือนที่ฮาเดสต้องการตัวนางไอ่คำนั่นเอง เเต่ความเหมือนกันระหว่างสองตำนานยังไม่หมดเท่านี้ เพราะหลังจากที่เพอร์เซโฟเนลงไปเป็นราชินีเเห่งยมโลกเเล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้นเมื่อเทพีดิมิเทอร์รู้ว่าลูกสาวของตนหายไปเกิดซึมเศร้าเสียใจส่งผลแห้งแล้ง ทำให้ผู้คนไม่สามารถปลูกหรือเก็บผลผลิตการเกษตรได้ตามเดิม เเต่ถึงอย่างนั้นฮาเดสก็ยังไม่คืนตัวเพอร์เซโฟเนไปง่ายๆ ร้อนถึงเทพซุสที่เป็นส่วนหนึ่งในหายนะครั้งนี้ได้ส่งเทพเฮอร์มีสไปเจรจา ด้วยความเจ้าเล่ห์ของเทพฮาเดสก็ตัดสินใจส่งตัวเทพีเพอร์เซโฟเนกลับไป โดยก่อนกลับให้นางกินผลทับทิมของยมโลกเข้าไปก่อน โดยมีผลบังคับใช้ดังนี้ว่าผู้ใดก็ตามที่รับประทานของที่มีอยู่ในยมโลกเข้าไปจะต้องอยู่ที่นั่นตลอดไป ซึ่งเพอร์เซโฟเนกินเข้าไปด้วยกันถึง 4 เมล็ด จึงเกิดการเเบ่งเวรให้เพอร์เซโฟเนอยู่ในยมโลกกับฮาเดส 4 เดือน เเละอีก 8 เดือนให้กลับขึ้นไปอยู่กับเทพีดิมิเทอร์บนโลกเทพ
เมื่อใดก็ตามที่บ้านเมืองเกิดความแห้งแล้งหรือเกิดความผิดปกติในฤดูกาลที่ควรจะทำการเกษตรได้ เเต่กลับทำอะไรไม่ได้ ผู้คนจึงสันนิษฐานว่าเป็นช่วงเวลาที่เพอร์เซโฟเนกลับไปยังยมโลก ทำให้เทพีดิมิเทอร์ผู้เป็นเเม่เศร้าโศกนั่นเองจ้า ตรงนี้พี่หวานก็คิดว่าคล้ายกับตอนนางไอ่คำกินเนื้อกระรอกเผือกนั่นนะคะ เพราะเมื่อนางกินเเล้วก็โดนคำสาปเเช่งของภังคีว่าต้องลงไปอยู่ใต้บาดาล เหมือนกับที่คนอื่นๆ ที่กินเนื้อนั้นก็ถูกน้ำสูบจมหายลงไปใต้น้ำด้วยเช่นกัน ส่วนเทพีเพอร์เซโฟเนก็เพราะกินผลทับทิมเเห่งยมโลกทำให้ไปจากฮาเดสตลอดกาลไม่ได้ ต้องสลับไปมานั่นเอง
เป็นยังไงบ้างคะ ทีเเรกพี่หวานก็ไม่เคยคิดเลยนะว่าตำนานผาแดง-นางไอ่ของภาคอีสานจะไปมีความคล้ายกับของเทพกรีกอย่างนี้ด้วย สงสัยว่าความเชื่อในเทพต่างๆ เเละการเกิดฤดูกาลก็คงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันนี่แหละค่ะ นับเป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เเละทำให้เราได้เห็นว่าเเท้จริงเเล้วเรื่องจำพวกวรรณคดี หรือตำนานต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราทั้งหมดนี่แหละ อย่างบริเวณเมืองของนางไอ่คำที่จมน้ำไปก็กลายมาเป็นตำนานกำเนิด 'หนองหาน' บึงน้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันอกเฉียงเหนือ เเละใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศนั่นเอง ถ้าใครว่างๆ ลองเเวะไปเที่ยวก็อาจจะได้เห็นบรรยากาศชีวิตผู้คนแบบพื้นบ้านอีสาน เเละยังได้ฟังเรื่องตำนานผาแดงนางไอ่จากคนท้องถิ่นโดยตรงอีกด้วย เเล้วเจอกันใหม่บทความหน้าจ้า ^____^
พี่หวาน
1 ความคิดเห็น
นวนิยายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานผาแดงนางไอ่ คือ เบื้องบรรพ์ นวนิยายของคุณหมอพงศกร
มีน นางเอกของเรื่องเชื่อว่าตัวเองเป็นนางไอ่คำกลับชาติมาเกิด
เพราะว่าฝันเรื่องเดิมๆซ้ำๆ
ส่วนวรัณ พระเอกของเรื่องไม่ได้บอกว่าเป็นท้าวผาแดงกลับชาติมาเกิด
ให้เรากับคนอ่านกลับไปคิดกันเอาเองว่าใช่หรือไม่ใช่