Platonic Protagonists: เจาะลึกตัวละคร
‘เพื่อน’ กันไม่ตกหลุมรักกันได้มั้ย!?
สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน พี่น้ำผึ้งเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านนิยายแนวผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันโดยไม่คิดอะไร ไม่ได้เปลี่ยนความสัมพันธ์ให้เป็นมากกว่านั้นในตอนหลัง ซึ่งเราเรียกความสัมพันธ์แบบนี้ว่า “เพื่อนกันโดยบริสุทธิ์ใจ (Platonic Friendship)” ส่วนตัวแล้วพี่คิดว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัว แถมอาจสะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่ว่าผู้ชายกับผู้หญิงสามารถเป็นเพื่อนกันได้ในชีวิตจริง! (หรือเปล่า?)
อย่างไรก็ตาม เรากลับไม่ค่อยพบตัวเอกชายหญิงที่เป็นอย่างนั้นในนิยายส่วนใหญ่น่ะสิ ส่วนมากแล้วที่พบก็มักจะเป็นประมาณว่า “โอเค เราเป็นเพื่อนกันนะ...แต่ไม่สนิทใจ ไม่ใครคนใดคนหนึ่งต้องตกหลุมรักอีกฝ่ายก่อน” ซึ่งพี่คิดว่านักเขียนเองคงมีเหตุผลของเขานั่นแหละ แต่สิ่งที่พี่สงสัยก็คือ...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันมีโอกาสบ้างมั้ยที่ตัวละครจะรู้สึกแค่เพื่อนเฉยๆ หรือว่ามันไม่มีเลย ซึ่งพี่เชื่อว่าหลายคนเองก็คงคิดเหมือนกัน วันนี้พี่เลยชวนน้องๆ มาคลายข้อสงสัยกันค่ะ
เหตุผลที่เราไม่ค่อยเจอมิตรภาพระหว่างเพื่อนต่างเพศในนิยาย
นักอ่านคาดหวังความโรแมนติก
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แค่นิยายของเราปรากฏตัวละครชาย – หญิงที่มีวัยใกล้เคียงกันและมีปฏิสัมพันธ์กันบ่อยๆ โดยที่ตัวละครเหล่านั้นไม่ใช่ญาติหรือคนในครอบครัว คนอ่านคิดจิ้นมโนไปไกลแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทั้งคู่เป็นตัวละครหลัก เพราะงั้นมันจึงนำมาสู่การเขียนแฟนฟิคทั้งหลายเมื่อตัวละครที่พวกเขาจิ้นไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการค่ะ
เขียนความสัมพันธ์แบบโรแมนติกง่ายกว่ามิตรภาพแบบเพื่อน
เราพบว่ามันเป็นเรื่องท้าทายและน่าตื่นเต้นเมื่อเราจงใจให้ตัวละครของเราเป็นมากกว่าเพื่อน การที่สองตัวละครเริ่มรู้สึกโรแมนติกต่อกันย่อมหมายถึงว่านักเขียนสามารถสร้างเหตุการณ์ดราม่ากระชากใจนักอ่านได้ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดจากความรัก อาการหึงหวง อิจฉา ทรยศ หักหลัง ความปรารถนา การเสียสละ สัญญารักชั่วนิรันดร์และความจงรักภักดี ซึ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้นิยายของเราน่าติดตามกว่าความรักแบบเพื่อน
เพราะงานวิจัยบอก
โอเค ข้อนี้อาจฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่มันเป็นเรื่องจริงเลยแหละ ก่อนอื่นอยากให้เข้าใจว่านิยายเปรียบเสมือนโลกอีกหนึ่งใบ ดังนั้นตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในโลกใบนั้นก็เปรียบเหมือนคนจริงๆ ซึ่งเมื่อนักเขียนสนิทกับตัวละครแล้วก็เหมือนรู้ใจเขานั่นแหละ บางทีก็เผลอคิดว่าเขาเป็นคนจริงๆ
แต่ในบางครั้งด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น อารมณ์หรือสภาพแวดล้อมในนิยาย ก็ทำให้เราเผลอจิ้นตัวละครและเผลอเขียนให้พวกเขารักกัน (แบบไม่ได้ตั้งใจ) โดยสาเหตุหลักแล้วเป็นเพราะอิทธิพลจากชีวิตจริงด้วยส่วนหนึ่งค่ะ น้องๆ เคยรู้มั้ยว่างานวิจัยได้กล่าวไว้ว่า “ผู้ชายไม่สามารถเป็นเพื่อนกับผู้หญิงได้จริงๆ นะ”
ครั้งหนึ่ง นักวิจัยจาก University of Wisconsin ได้นำเพื่อนต่างเพศจำนวน 88 คู่เข้าห้องทดลอง โดยแต่ละคู่ต้องสัญญาต่อหน้ากันว่าพวกเขาจะไม่พูดคุยเรื่องการศึกษาในครั้งนี้หลังจากที่ออกจากห้องทดลอง หลังจากนั้นพวกเขาถูกแยกออกจากกันและโดนถามคำถามมากมายเพื่อวัดความรู้สึกโรแมนติกของพวกเขาที่มีต่อเพื่อนเพศตรงข้าม
นักวิจัยพบว่าผู้หญิงไม่ค่อยดึงดูดเพื่อนชายของพวกเธอและมองความสัมพันธ์ของเธอกับเขาว่าเป็นแค่ “เพื่อนเฉยๆ” ขณะที่พวกหนุ่มๆ มักเกิดความรู้สึกโรแมนติกต่อเพื่อนผู้หญิงของเขา ไม่ใช่เพียงแค่แอบชอบเพื่อนแล้ว บางครั้งพวกเขาก็เชื่อว่าผู้หญิงเองก็รู้สึกเหมือนกับเขาเช่นกันด้วย! ดังนั้นงานวิจัยเลยสรุปว่า สาวๆ คิดว่าผู้ชายกับผู้หญิง “เป็นแค่เพื่อน” กันได้ ขณะที่ผู้ชายก็แอบหวังลึกๆ ว่ามันมีโอกาสที่เขากับเธอจะเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน!
แต่นิยายบางเรื่องก็เป็นเพื่อนกันแบบสนิทใจนะ...
เอาจริงๆ เห็นจากงานวิจัยก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์แบบ Platonic Relationship ระหว่างเพื่อนต่างเพศเป็นอะไรที่เกิดขึ้นยากมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่การสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครชายหญิงให้เป็นแบบ Platonic Relationship ในนิยายจะไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งนักอ่านจิ้น ตัวนักเขียนเองก็จิ้น มันเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงหานิยายแนวเพื่อนไม่ตกหลุมรักกันได้ยาก แต่ก็ใช่ว่ามันไม่มีซะทีเดียว เพราะพี่ได้ตามล่าหาหนังสือ ซีรี่ส์และภาพยนตร์ที่มีตัวละครเป็นเพื่อนกันแบบสนิทใจจริงๆ มาให้แล้วค่ะ
เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ กับ แฮร์รี่ พอตเตอร์
จากจักรวาลแฮร์รี่ พอตเตอร์
อันนี้เป็นตัวละครที่เห็นชัดเจนเลยว่าสองคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกันอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในหนังสือหรือในหนัง เราก็ไม่เห็นมุมกระหนุงกระหนิงแบบแฟน เล่นเอาสายจิ้นอย่างเราหงุดหงิดไม่น้อย เห็นได้ชัดเลยว่าความสัมพันธ์ของแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่เป็นแบบ Platonic Relationship ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ลองสังเกตดูสิ ไม่ว่าแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่จะโตแค่ไหน ทั้งคู่ต่างก็คอยช่วยเหลือกัน เป็นห่วงกัน โดยเฉพาะในเล่มหลังๆ ต่อให้มีคนเข้ามาจีบก็ไม่มีการหึงหวง ซึ่งตรงข้ามกับเฮอร์ไมโอนี่และรอนที่ยังมีโมเมนต์หึงบ้างอะไรบ้าง
ที่สำคัญสิ่งที่โดดเด่นมากๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ในเล่มสุดท้าย ตอนที่ทั้งคู่เผชิญหน้ากับสถานการณ์อันหนักหน่วงหลังจากที่รอนเทพวกเขาไป เฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่ก็พึ่งพากัน และเจ.เค.โรว์ลิ่งก็ไม่ได้เขียนให้ทั้งคู่เกิดความรู้สึกโรแมนติกต่อกันด้วย
เกวน่า กับ วาลีน
จากหนังสือ Chronicle of the Unhewn Throne
เกวน่าเป็นตัวละครที่นักอ่านหลายคนชื่นชอบเพราะเธอแตกต่างจากตัวละครหญิงตัวอื่นๆ ภายนอกเธอดูเย็นชา เหมือนไม่ต้องการเพื่อน แต่ความจริงแล้วเธอมีหัวใจ และที่น่าเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าก็คือเพื่อนของเธอส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย! เล่นเอานักอ่านจิ้นจนไม่รู้จะจิ้นยังไงแล้ว สาเหตุที่หยิบยกความสัมพันธ์ของเธอกับวาลีนขึ้นมาเป็นเพราะว่าทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อยที่สุด แถมคอยช่วยเหลือกันแต่ไม่ได้มีอะไรมากกว่าเพื่อนเลยสักนิด เป็นหลักฐานว่าพวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากกว่าเพื่อนนะ!
เทนาร์ / อาร์ฮา กับ เกด
จากหนังสือ The Tombs of Atuan
นักอ่าน The Tombs of Atuan หลายคนลงความเห็นว่า พวกเขาจิ้นเทนาร์กับเกดและอยากให้ทั้งคู่เป็นมากกว่าเพื่อน แน่นอนว่าสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่องก็เป็นตัวสนับสนุนให้เราจิ้นหนักเข้าไปใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการที่ทั้งคู่ต้องออกเดินทางด้วยกัน เปลี่ยนความสัมพันธ์จากศัตรูเป็นอย่างอื่น (ที่ดีกว่า) เห็นได้ชัดว่ามันช่วยให้เราจิ้นหนักมาก อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็ยังคงเป็นแค่มิตรภาพดีๆ ต่อกันอยู่ดี ไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
แบล็กวิโดว์ กับ ฮอว์คอาย
จากจักรวาลมาร์เวล
แม้ว่าในจักรวาลการ์ตูน แบล็กวิโดว์กับฮอว์คอายจะเคยกิ๊กกันและมีความหลังต่อกัน อย่างไรก็ตามสองคนนี้กลับเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ในจักรวาลหนัง (ฮอว์คอายถึงขั้นมีภรรยาและลูกอยู่บ้านด้วย!) ซึ่งพี่ชอบความสัมพันธ์ของสองคนนี้นะ มันเหมือนเป็นเพื่อนที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุข มีอะไรก็คอยแชร์กันตลอด เลยทำให้มิตรภาพของทั้งคู่สตรองโดยปราศจากความรู้สึกโรแมนติก แถมยังคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในภาคแรกของหนัง Avengers ตอนที่ฮอว์คอายถูกโลกิล้างสมอง แบล็กวิโดว์ก็พยายามอย่างมากที่จะช่วยดึงเขาออกมา
เจสสิก้า กับ แมลคัม
จากจักรวาลมาร์เวล (Jessica Jones TV Series)
ขอข้ามมาพูดถึงซีรี่ส์ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนในเครือมาร์เวลสักหน่อย เจสสิก้า โจนส์ แอนตี้ฮีโร่สายเถื่อน (?) กับเพื่อนบ้านผิวสีอย่างแมลคัมเองก็เป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์แบบ Platonic พวกเขาเป็นทั้งเพี่อนและผู้ช่วยตลอดทั้งซีรี่ส์ แม้ว่าในบางครั้งพวกเขาก็ทำตัวเหมือนกับนายจ้างและลูกน้อง แล้วเจสซิก้าก็ค่อนข้างใจร้ายกับเขา (ตามนิสัยของเธอ) ทะเลาะกันออกจะบ่อย แต่มันก็มีมิตรภาพแบบเพื่อนซ่อนอยู่ในนั้น ทุกครั้งที่เจออันตราย...พวกเขาอยู่ด้วยกันและช่วยเหลือกันเสมอ
ทีเรียน กับ เดเนอริส
จากจักรวาล Game of Thrones
อันที่จริงจักรวาล Game of Throne ก็มีตัวละครต่างเพศที่มีความสัมพันธ์แบบเพื่อนอยู่หลากหลายนะ แต่ที่หยิบทีเรียนและเดเนอริสมาพูดเพราะทั้งคู่เป็นตัวละครที่โดดเด่นและน่าสนใจมากที่สุด อย่างที่รู้กันดีว่าตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่ทั้งรักทั้งเทิดทูนบูชาแม่มังกร แม่มังกรทำอะไรก็ถูกหมด แต่ว่าทีเรียนกลับตรงกันข้าม แม้ว่าเขาจะชื่นชมแม่มังกรเช่นคนอื่นๆ ทั่วไป แต่เขากล้าเห็นต่างและไม่กลัวที่จะบอกเธอเมื่อเขาคิดว่าเธอผิด เหมือนอย่างที่เพื่อนแท้ทำกัน
ดังนั้นถ้าให้พี่สรุปว่าตัวละครที่เป็น ‘เพื่อน’ กันแต่ไม่ตกหลุมรักกันมีจริงๆ ไหม คำตอบมันก็คือมีนะ แต่น้อยมาก เพราะอย่างที่งานวิจัยได้กล่าวไว้ ผู้หญิงอาจไม่รู้สึกมากกว่าเพื่อนกับผู้ชาย แต่ผู้ชายกลับแอบหวังลึกๆ ว่าอยากเป็นมากกว่าเพื่อนของผู้หญิง และในบางครั้งความใกล้ชิดสนิทสนมก็ทำให้เราเชื่อว่ามันคือความรักโรแมนติก (ทั้งที่จริงมันไม่ใช่)
ด้วยสัญชาตญาณที่อยู่ในตัวเราลึกๆ นี่แหละค่ะ มันเลยทำให้ตอนเขียนนิยายเรารู้สึกว่า “เฮ้ย ไม่ใช่อ่ะ มันต้องให้ตัวละครรักกันสิ อย่างน้อยจิ้นกันก็ยังดี” แต่พอจิ้นไปจิ้นมาดันลงเอยกันเฉยเลย แบบนี้ก็เห็นได้บ่อยอยู่ ดังนั้นถ้าน้องๆ อยากให้ความสัมพันธ์แบบ Platonic Relationship ของตัวละครเราไปรอด น้องๆ ต้องอย่าหวั่นไหวกับคอมเมนต์ชวนจิ้นของนักอ่าน และตั้งเป้าไว้เลยว่า “สองตัวละครนี้จะไม่ตกหลุมรักกันเด็ดขาด” แค่นี้ก็เลี่ยงสถานการณ์ “เพื่อนตกหลุมรักเพื่อน” ได้แล้วจ้า
ขอบคุณรูปภาพจากภาพยนตร์และข้อมูลจาก
https://thoughtsonfantasy.com/2018/05/08/platonic-protagonists-heroes-heroines-friends/
https://www.artofmanliness.com/articles/can-men-and-women-just-be-friends/
https://www.scientificamerican.com/article/men-and-women-cant-be-just-friends/
7 ความคิดเห็น
การก่อตัวความรักในนิยายกับทฤษฎีในชีวิตจริงมันต่างกันครับ เอามาเปรียบกันอย่างจริงจังไม่ได้หรอก (แม้บางคนจะอ้างว่าเขียนให้เหมือนจริงมากก็ตาม ยกเว้นเอาเหตุการณ์จริงมาเขียน) ในนิยายมันเกิดเพราะผู้เขียนกำหนดให้มันเกิดล้วนๆ แต่ในชีวิตจริงมันเกิดเพราะอะไรมากมายก็ไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับคนเขียนมากกว่าครับว่าจะให้มันลงเอยกันหรือไม่ จู่ๆเปลี่ยนใจดื้อๆให้มันได้กันหรือให้มันแยกคู่กันกลางอากาศก็มี สมเหตุสมผลบ้างหรือดูแหม่งๆบ้าง สำหรับเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์นั้นถ้าใครจับทางป้าโจได้ดีๆจะรู้ว่าก็มีหลายเรื่องเหมือนกันที่ป้าแกหักดริฟเอาดื้อๆ แต่เพราะอะไรนั้นก็มีแต่ป้าแกเท่านั้นที่รู้ล่ะครับ
ส่วนตัวนี่ขนาดเขียนให้นางเอกไม่มองใครนอกจากพระเอก ตัวคนเขียนเองยังมีบางช่วงแอบนอกใจพระเอก บางฉากคือเพื่อนผู้ชายรอบตัวนางเอก เคมีมันเข้ากับนางเอกมากกว่าพระเอกซะอีก แม้แต่พ่อนางเอก เพราะนางเอกรักพ่อเทิดทูนพ่อปานพระเจ้า พ่อก็รักลูกจนโลกทั้งใบวางให้เธอได้ นักอ่านก็เชียร์ว่าโลลิป่าว แบบโอ้โน่ว เราควรจะทำยังไงดี แก้ข่าววุ่นวายมาก 555 อย่าเล่นถึงคุณพ่อเลย เจ๊ดกลัวแล้ว 555 แต่สุดท้ายเราก็ดื้อด้านว่ายังไงนางเอกต้องรักแค่พระเอก (เพราะตูวางพล็อตมาแบบนี้ กร๊าก) เพื่อนๆ นางเอกเขาก็มีสาวที่เขาชอบและไม่ได้ชอบนางเอกเกินเพื่อน แล้วค่อยหาทางใส่เข้ามาว่า ทำไมเพื่อนถึงเป็นได้แค่เพื่อน ไม่เหมาะจะเป็นแฟนกัน เช่น เพื่อนคนแรกเกรงใจนางเอกเกินไปจนไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือน ไม่เหมือนพระเอกที่กล้าห้ามปรามนางเอกในเรื่องที่นางเอกผิดจริงๆ ส่วนเพื่อนอีกคนเมื่อถึงเวลาก็เลือกน้องเหนือกว่านางเอก เพราะนางเอกจะทำร้ายน้องของเขา ฯลฯ อะไรก็ว่าไป //พูดมาถึงตรงนี้หลายคนที่อ่านงานของเจ๊ดคงรู้แล้วว่าเจ๊ดพูดถึงใครอยู่ 555+
มาเป็นส่วนน้อยของบทความค่า~ นางเอกมีผู้ชายล้อมตั้ง...4ถึง5คน แต่ทุกคนเป็นแค่เพื่อนจนมีพระเอกมาทีหลัง 555+
แถมรู้สึกยากมากด้วยที่จะเข็นบทโรแมนติกออกมาได้สักตอน T T ไม่รู้เกี่ยวกับงานวิจัยมั้ย แต่ทางนี้เองก็มีเพื่อนผู้ชายที่สนิทเยอะกว่าผู้หญิงอีก 555+
ก็แล้วแต่มุมมองพระเอก นางเอกด้วยนะ กับอะไรแบบนี้
แต่มันจะมีบางเรื่องที่แต่งออกมาเเล้ว platonicแบบฝืน คนดูปาจอทิ้ง เช่น บลีช เทพมรณะ ต้องตกลงกันก่อนและแยกให้ชัดเจนเพราะถ้ามันไม่เข้าล็อคจะกลายเป็นโศกนาฎกรรมไปเลย นารูโตะนี่ยังพอทำใจนะแต่re zeroตับพังเลยแหละ สรุป เอาให้แน่ว่าเพื่อนหรือแฟนจะดีกว่านะไม่ว่าในนิยายหรือในชีวิตจริง
น่าจะมี เฟรินกับคิล จากหัวขโมยแห่งบารามอสด้วย
แต่ที่ไม่ติดอาจจะเพราะว่าเฟรินเป็นผู้ชายมาก่อนหรือป่าวอ่า
แต่ของเรานี่สวนทางเลย มันเกิดจากการที่ชีิตจริงเราแอบชอบคนๆนึงมาตลอดแต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดหรือรู้จักกันเลย มันเลยทำใจให้เราจินตนาการไปว่าถ้าเราได้เป็นเพื่อนหรืออยู่ในแก็งค์เดียวกับคนๆนี้มันต้องดีมากๆแน่เลย จนเกิดเป็นนิยายพล็อตที่ว่านางเอกเป็นเพื่อนสนิทกับพระเอกอยู่ในแก็งค์เดียวกัน อยู่ๆไปๆมาๆความรู้สึกแบบเพื่อนมันเลื่อนไปเป็นอย่างอื่นอะไรงี้ วางพล็อตให้นางเอกเป็นคนแปลกๆหน่อย นางเอกไม่เคยสนใจหรือคิดอะไรมากกว่าเพื่อนกับพระเอกเลย แต่พระเอกเริ่มค่อยๆชอบนางเอกแบบไม่รู้ตัวอะไรงี้