รู้กันหรือยัง : ที่มาที่ไปของเจียงซือ ผีดิบที่กระโดดดึ๋งๆ ในหนังจีน!



เจียงซือ เปิดตำนานผีดิบจีน
 

ถ้าพูดถึงตำนานเกี่ยวกับผีดิบ นอกจากเรื่องราวของแวมไพร์ หรือ ซอมบี้จากชาติตะวันตกแล้ว น้องๆ รู้ไหมคะว่า ฝั่งเอเชียของเราก็มีเรื่องเล่าถึงผีชนิดนี้ไว้น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะตำนานของ “เจียงซือ” ผีดิบจากจีนที่คนไทยมักจะคุ้นเคยในชื่อของ “ผีกองกอย”




(ภาพยนต์เรื่อง ผีกัดอย่ากัดตอบ)
 

“เจียงชื่อ” มีเอกลักษณ์อยู่ที่การเคลื่อนไหวที่มักจะเป็นการกระโดดไปมา (พร้อมกันทั้งสองขา) แทนที่จะเป็นการเดินแบบปกติ ปรากฏให้คนไทยเห็นครั้งแรกผ่านสื่อภาพยนตร์เรื่อง Mr. Vampire (ผีกัดอย่ากัดตอบ) ในชุดของขุนนางราชวงศ์ชิงที่ถูกปลุกชีพขึ้นมาโดยไสยเวทย์ในลัทธิเต๋า และถูกปราบปรามด้วยการเอายันต์ปลุกเสกแปะลงที่หน้าผาก…  และหลังจากนั้นมาเรื่องราวของผีดิบชนิดนี้ก็ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อต่างๆ ของจีนเข้ามาสู่ตาสายชาวไทยอยู่เรื่อยๆ 



(ภาพขุนนางชุดราชวงศ์ชิง)


เจียงซือเกิดขึ้นได้อย่างไร?


ถึงแม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับ เจียงซือ (僵尸 jiāngshī แปลตรงตัวว่า.. ศพแข็ง)  ในรูปแบบของผีดิบผู้สวมชุดของขุนนางจีนสมัยราชวงศ์ชิงเสียเป็นส่วนมาก แต่น้องๆ รู้ไหมคะว่าความจริงแล้วเรื่องราวของผีดิบชนิดนี้มีมานานกว่านั้นหลายเท่า เพียงแต่เพิ่งจะปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนในสมัยราชวงศ์ชิง โดยมีการกล่าวถึงต้นกำเนิดของเจียงซือไว้สองสาเหตุหลักๆ  คือ ….

หนึ่ง เป็นศพคนตายที่ฟื้นขึ้นมาจากความอาฆาตแค้นแรงกล้า หรือมีห่วงก่อนตายที่ทำไม่สำเร็จ

สอง คือ เกิดจากการที่ครอบครับหรือญาติพี่น้องจัดการฝังศพผิดจารีต หรือ เลือกฮวงซุ้ยในการฝังศพที่ไม่ดีจนทำให้ศพคนตายได้รับพลังหยิน* มากเกินไป จนทำให้ศพสามารถฟื้นกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง 


(หยิน พลังความมืด ธาตุเย็น ตัวแทนแห่งภูตผีปีศาจ
และหยาง พลังแห่งแสงสว่าง ความเป็นมงคล ในความเชื่อตามลัทธิเต๋าของคนจีน )


โดยหลังจากฟื้นขึ้นมาจากความตาย เจียงซือ จะมีกายเนื้อที่แข็งเป็นสีดำ ตาเปลี่ยนเป็นสีแดง มีเขี้ยว กลัวแสงอาทิตย์ ชอบนอนอยู่ในโลงศพ หรือตามถ้ำต่างๆ ที่แสงสว่างเข้าไม่ถึง กินเลือดเป็นอาหาร เพื่อเพิ่มพลังให้กับตนเอง และที่สำคัญในระยะเริ่มแรกนั้น เจียงซือ ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายด้วยการกระโดด!


ทำไมเจียงซือถึงต้องกระโดดไปมา?


อย่างที่พี่หญิงเกริ่นไป ข้างต้นแล้วนะคะว่าความจริงแล้วเนี่ย ระยะเริ่มแรกชาวจีนยังไม่มีความแนวคิดที่ว่า... เจียงซือต้องเคลื่อนไหวด้วยการกระโดดดึ๋งๆ ไปมา แต่แนวคิดนี้เกิดขึ้นในภายหลัง! โดยเชื่อกันว่า.... มาจากพิธีกรรมเรียกศพกลับบ้าน (千里行尸 เชียนหลี่สิงซือ) ตามความเชื่อทางลัทธิเต๋าหรือเหมาซานของชาวจีนในเขตเซียงซี ที่จะมีคตินิยมที่ว่า... เมื่อมีผู้ตายลง ศพจะต้องถูกฝังในบ้านเกิด แต่เนื่องจากในสมัยโบราณนั้น การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก (มากกกก กอ ไก่ ล้านตัว) การที่จะต้องขนศพข้ามเมืองหลายๆ ศพพร้อมกัน (โดยเฉพาะต้องขนโลงไปด้วยนั้น) จึงเป็นเรื่องสิ้นเปลืองสุดๆ แถมยังต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก นักบวชในลัทธิเหมาซานจึงเกิดปิ๊งไอเดีย ทำพิธีปลุกศพให้ลุกขึ้นมากระโดดกลับบ้านเอง (จะได้ไม่ต้องแบก) โดยมีการสั่นกระดิ่งนำทาง... 




(ภาพแสดง นักบวชในลัทธิเต๋า สั่นกระดิ่งนำทางให้คนตายเดินกับบ้านเอง)
 

แต่อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเรื่องพิธีกรรมปลุกคนตายให้เดินกลับบ้านนั้น กล่าวกันว่า… เป็นเพียงความเข้าใจผิดของชาวบ้านที่พบเห็นการเดินทางของคณะนักบวชที่เคลื่อนย้ายศพด้วยการผูกร่างคนตายไว้กับไม้ไผ่ในท่ายืนเท่านั้นเองจ้า  (เนื่องจากเวลาคนตายแล้วร่างกายจะแข็งตัว เวลาเดินจะโยกเยกไปมา ทำให้คนที่พบเห็นโดยบังเอิญเกิดความเข้าใจผิดได้)


ลองจินตนาการถึงเวลาเราเห็นเงาในความมืดเหมือนร่างคน แถมยังเคลื่อนไหวด้วยการกระโดดไปมาแบบแข็งๆ เป็นพี่หญิงก็คงมโนว่าเป็นผีเหมือนกันล่ะค่ะ กลัวววว   





 

การขนศพในท่ายืน จะเคลื่อนย้ายโดยการสอดลำไม้ไผ่ไว้ใต้รักแร้ พร้อมผูกแขนทั้งสองข้างของศพไว้กับไม้ไผ่ ใช้คนหามปลายลำไม้ด้านหน้าและหลังอย่างละ 1 คน ซึ่งบ้างครั้งอาจขนศพมากถึง 2-3 ศพในครั้งเดียว ทำให้เมื่อคนทั่วไปเห็นวิธีการขนศพดังกล่าวก็จะเข้าใจผิด เกิดความเชื่อเรื่องเจียงซือเดินทางด้วยการกระโดด








 

เจียงซือ vs ผีกองกอย


น้องๆ รู้ไหมคะว่า… ถึงคนไทยจะคุ้นเคยกับเจียงซือในชื่อผีกองกอย แต่ความจริงแล้วนั้น ผีสองชนิดนี้ เป็นคนละประเภทกัน โดยผีกองกอยในเป็นผีป่าในความเชื่อของไทย มักจะปรากฏตัวตามป่าเขาต่างๆ เวลากลางคืน มีลักษณะ เป็นผีที่มีขาข้างเดียว มีปากเป็นท่อคล้ายแมลงวัน เคลื่อนที่ด้วยการกระโดดไปด้วยขาข้างเดียวที่มีอยู่ พร้อมส่งเสียงร้องว่า "กองกอย" ไป เรื่อยๆ ผีชนิดนี้จะคอยหลอกหลอนคนที่นอนค้างแรมในป่าโดนการดูดเลือดจากหัวแม่เท้า การจะป้องกันผีตนนี้ได้ต้องนอนไขว้ขาหรือเอาเท้าทั้งสองข้างชิดกัน และอย่านอนเอาขาหรือเท้าออกนอกเต็นท์เด็ดขาด ต่างจาก เจียงซือ ที่เป็นดิบของจีนอย่างสิ้นเชิง... อย่าหลงเข้าใจผิด เพราะเห็นว่าชื่อเหมือนกันเด็ดขาดเลยนะคะ!




********************************




จบกันไปแล้วนะคะ สำหรับเรื่องราวของผีดิบจีนที่นำมาฝากทุกคนในวันนี้ ส่วนตัวแล้ว ต้องขอบอกเลยค่ะว่าเจียงซือถือเป็นผีที่พี่หญิงพบบ่อยมากๆ ในนิยายจีนอีกชนิดหนึ่งเลย โดยเฉพาะถ้านิยายเรื่องไหนมีพล็อตเกี่ยวกับการลงสุสานด้วยแล้ว ก็จะเป็นผีเจียงซือนี่แหละ ที่ปรากฏตัวออกมาวิ่งไล่เหล่าตัวละครในสุสานเป็นว่าเล่น (ฮ่าๆ)


สุดท้ายนี้ พี่หญิงต้องลาไปก่อนเจอกันใหม่ ครั้งหน้า วันนี้ สวัสดีค่ะ 


พี่หญิง





ขอบคุณที่มารูปภาพและข้อมูลจาก
https://baike.baidu.com/item/%E5%83%B5%E5%B0%B8/80733

http://www.theworldofchinese.com
http://xfile.teenee.com/tamnan/2518.html
http://www.finearts.go.th/mahavirawongmuseum/parameters/km/item/
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B8%AD
https://hir.ma/18-2/tiz-kevesbe-ismert-verszivo/726380

http://k.sina.com.cn/article_6460710443_181169e2b0010045sp.html?cre=tianyi&mod=pcpager_fintoutiao&loc=6&r=9&doct=0&rfunc=100&tj=none&tr=9


พี่หญิง
พี่หญิง - Columnist มนุษย์บ้านิยายที่สิงอยู่แถวๆ คลังนิยายเด็กดีเป็นประจำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด