10 เรื่องแปลกแต่จริง!
ของราชินีหัวขาดแห่งอังกฤษ ‘แอนน์ โบลีน’
สวัสดีนักอ่านชาวเด็กดีทุกคนนะคะ สำหรับหัวข้อบทความในวันนี้ พี่นัทตี้จะพาน้องๆ นักอ่านทุกคนมาทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์คนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ ‘แอนน์ โบลีน’ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งราชินีคนที่ 2 ในพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งราชวงศ์อังกฤษ อีกทั้งยังเป็นพระราชมารดาของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 อีกด้วย ซึ่งหลังจากที่พี่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอมาได้สักพัก พี่ก็ได้ค้นพบว่าเนื้อหานั้นมีความน่าสนใจเอามากๆ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ชื่อของเธอได้ปรากฏอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์จวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต นั้นล้วนแต่มีอะไรให้คนอย่างเราได้ศึกษาและทำความเข้าใจอยู่เยอะแยะเลยทีเดียว เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พี่นัทตี้ว่าเราไปทำความรู้จักกับราชินีคนนี้กันดีกว่า…
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของแอนน์นั้นเรียกได้ว่าเผชิญมาแล้วแทบทุกอย่าง และทุกอย่างที่ว่านั้นกลับน่าสนใจเสียด้วย แอนน์เป็นผู้หญิงที่ทั้งเก่ง และฉลาด เรียกได้ว่ามีความรู้รอบด้านเลยด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศส, การแต่งกาย หรือแม้กระทั่งเรื่องศาสนาที่นับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเองก็ตาม แอนน์หลงใหลในทุกอย่างที่เป็นฝรั่งเศส เธอใช้ชีวิตอยู่ในฐานะเด็กสาวที่อยากรู้อยากเห็นโลกกว้างอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งราชวงศ์อังกฤษในปี ค.ศ. 1532 โดยประมาณ หลังจากนั้นเรื่องราวอันน่าแปลก (แต่จริง) ของแอนน์จึงค่อยๆ เพิ่มขึ้น และทั้งหมดที่เราจะได้อ่านกันต่อจากนี้จะเป็น 10 เรื่องแปลกแต่จริงของ ‘แอนน์ โบลีน’ หรือที่คนทั่วไปรู้จักในนาม ‘ราชินีหัวขาดแห่งอังกฤษ’
1. 'แมรี่' พี่สาวของแอนน์เคยมีความสัมพันธ์ลับๆ
กับพระราชามาแล้วถึง 2 พระองค์!
‘แอนน์’ และ ‘แมรี่’ สองพี่น้องตระกูลโบลีนต่างทำงานรับใช้ราชวงศ์ด้วยกันมาเป็นระยะเวลาเกือบๆ ปี โดยที่แมรี่นั้นเคยทำงานรับใช้คนในครอบครัวของพระเจ้าเฮนรีมาก่อน จนกระทั่งได้กลายมาเป็นนางสนมคนโปรดของพระเจ้าเฮนรี แถมแมรี่ยังเสน่ห์แรงถึงขนาดว่าเกือบจะได้เป็นพระชายาของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 2 แห่งฝรั่งเศส ผู้ขึ้นครองบัลลังก์แทนพระเจ้าหลุยส์สิบสองที่เสียชีวิตอีกด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างแมรี่กับพระเจ้าฟร็องซัวนั้นเป็นไปอย่างลับๆ ถึงแม้ว่าจะลับสักแค่ไหน แต่ก็ไม่พ้นสายตาของคนในพระราชวังอยู่ดี
นอกจากพระเจ้าเฮนรีและพระเจ้าฟร็องซัวที่ 2 แห่งฝรั่งเศสแล้ว ยังมีคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ‘แมรี่’ อาจจะเคยมีความสัมพันธ์ลับกับชายอื่นอีก ซึ่งเรื่องราวได้เข้มข้นขึ้นหลังจากที่แอนน์ได้เข้าพิธีสมรส (อย่างลับๆ ) กับพระเจ้าเฮนรีแล้ว ไม่นานแมรี่ก็ได้ให้กำเนิดบุตรจำนวน 2 คน ซึ่งเธอได้อ้างว่าบุตรของเธอนั้นเป็นลูกของเจ้าชายเฮนรี แต่ก็มีเสียงเล่าลือกันว่าเด็กทั้ง 2 คนนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ลูกของเจ้าชายเฮนรี เหตุผลก็เป็นเพราะว่า ใบหน้านั้นของเด็กทั้ง 2 คนนั้นไม่ละม้ายคล้ายกับส่วนใดของพระองค์เลย เดาว่าน่าจะเป็นลูกของเธอกับผู้ชายที่ผ่านๆ มาเสียมากกว่า
2. นอกจากพี่สาวของเธอแล้ว ยังมีข่าวลือออกมาอีกด้วยว่า
'แม่' ของเธออาจเคยมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเฮนรีอีกด้วย!
มีข่าวลือออกมาว่า เอลิซาเบธ โบลีน แม่ของแมรี่และแอนน์เคยหลับนอนกับพระเจ้าเฮนรีมาก่อน โดยข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมานั้นคาดว่าจะมาจาก สมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ที่ 1 แห่งอังกฤษ พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับ สมเด็จพระราชินีแคทเธอรีน พระมเหสีพระองค์แรก ที่ไม่ชอบหน้าแอนน์หลังจากที่เธอรู้ว่าแอนน์กำลังก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งเดียวกับแม่ของเธอ สมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ที่ 1 จึงได้ปล่อยข่าวลือที่ว่า พระเจ้าเฮนรี พ่อของเธอ เคยมีความสัมพันธ์ลับๆ กับหญิงสาวตระกูลโบลีนมาแล้วทั้ง 3 คน อันได้แก่ เอลิซาเบธ ผู้เป็นแม่, แมรี่ พี่สาวคนโต และแอนน์ ลูกสาวคนเล็ก
โดยฝ่ายผู้สนับสนุนสมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ที่ 1 ต่างออกมาเรียกร้องให้มีการจับหญิงสาวตระกูลโบลีนทั้ง 3 คนมาเผาทั้งเป็น เพราะพฤติกรรมของพวกเธอได้แสดงออกถึงความไม่เหมาะสม และไม่คู่ควรกับการเข้ามาอยู่ในแผ่นดิน และจากข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแมรี่และแอนน์กับพระเจ้าเฮนรีนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง ในขณะที่เอลิซาเบธ ผู้เป็นแม่นั้นยังถือว่าเป็นอะไรที่คลุมเครืออยู่
3. แอนน์ มีความสุขมากทันทีที่ได้ทราบข่าวว่า
สมเด็จพระราชินีแคทเธอรีน พระมเหสีพระองค์แรกของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 เสด็จสวรรคต
ในวันที่ข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีแคทเธอรีนได้ถูกปล่อยออกมา ก็ได้มีรายงานออกมาว่า ‘แอนน์’ นั้นมีความสุขมาก สังเกตจากชุดที่เธอสวมใส่ ซึ่งเป็นสีเหลือง สีแห่งความสนุกสนาน ไม่ใช่สีแห่งความโศกเศร้าอย่างที่ควรจะเป็น แถมทางด้านฝ่ายของพระเจ้าเฮนรีก็ได้ตะโกนโห่ร้องออกมาด้วยความสะใจที่ตนได้เป็นอิสระ และหลังจากที่มีการชันสูตรพระศพของพระนางแคทเธอรีน ก็ได้มีเรื่องอันน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น เมื่อหัวใจของพระนางกลายเป็นสีดำ ส่งผลทำให้เกิดฝ่ายของความคิดแตกออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของพระเจ้าเฮนรี กับฝ่ายที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของแอนน์ที่ได้ลักลอบวางยาพิษแก่พระนางแคทเธอรีน
4. เรื่องสุดช็อก เกี่ยวกับมงกุฏที่เธอสวมในพิธีมอบตำแหน่งราชินี
เมื่อมงกุฏที่เธอสวมในพิธีมอบตำแหน่งราชินีแท้จริงแล้วเป็นของพระราชาคนก่อน และจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้น มงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด นี้ ถูกสวมครั้งแรกโดยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเมื่อวันคริสต์มัสในปี ค.ศ. 1065 และผลัดเปลี่ยนมาเรื่อยๆ จนถึงคราวของแอนน์ หลายคนเลยมองย้อนไปในพิธีมอบตำแหน่งราชินีของพระนางแคทเธอรีน ที่นางไม่ได้รับเกียรติให้สวมมงกุฏนี้ แถมเธอยังได้แค่สวมชุดที่บ่งบอกถึงตำแหน่งของราชินีเท่านั้น เมื่อข่าวนี้ได้รับการเผยแพร่ออกไปทางฝ่ายที่จงรักภักดีกับพระนางแคทเธอรีนต่างพากันไม่พอใจในความไม่ยุติธรรม แต่อย่างไรก็ตาม มงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ก็ได้กลายเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงการเป็นส่วนหนึ่งในราชวงศ์ของแอนน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
5. พระเจ้าเฮนรีได้สั่งทำดาบพิเศษ เพื่อใช้ในการประหารแอนน์โดยเฉพาะ!
จากข้อมูลที่ศึกษามาพบว่า เป็นความประสงค์ของแอนน์ล้วนๆ โดยแอนน์ได้ขอร้องพระเจ้าเฮนรีให้สั่งทำดาบพิเศษขึ้นมาเพื่อใช้ประหารเธอ เนื่องจากเธอกลัวการประหารด้วยขวานทื่อๆ ตามธรรมเนียมดั้งเดิมของอังกฤษ แถมเธอยังขอให้พระเจ้าเฮนรีว่าจ้างเพชรฆาตชาวฝรั่งเศสมาทำการประหารเธอโดยเฉพาะอีกต่างหาก จากข้อมูลทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาสิ่งที่นักอ่านอย่างเราคงจะสัมผัสได้เหมือนๆ กันก็คือความผูกพันและความหลงใหลในประเทศฝรั่งเศสของแอนน์ และจากข้อมูลได้มีการเปิดเผยอีกว่า วันที่ทำการประหารแอนน์นั้น เธอมีความสุขมาก ไม่ได้ตรอมตรมอยู่กับความเศร้าอย่างที่ควรจะเป็น แถมเธอยังมีการพูดถึงตัวเองแบบติดตลกอีกด้วยว่า ต่อจากนี้ไปทุกคนคงพูดถึงเธอว่าเป็น ‘ราชินีหัวขาดแห่งอังกฤษ’ มากกว่าจะเป็นพระนางแอนน์เหมือนแต่ก่อน
6. แอนน์ไม่ได้มีนิ้วมือ 6 นิ้ว และไฝจำนวนมากเหมือนที่ใครหลายคนเข้าใจ
ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากไหน แต่กลับมีรายงานว่าแอนน์มีนิ้วมือ 6 นิ้ว และไฝจำนวนมากอยู่ตามร่างกายจริงๆ โดยจุดเริ่มต้นนั้นมาจากภายหลังจากที่แอนน์ถูกประหารไปได้ 100 ปี ได้มีบทประพันธ์ชิ้นหนึ่งถูกเผยแพร่ออกมา โดยบทประพันธ์ชิ้นนั้นเป็นบทกวีที่ว่าด้วยเรื่องของแอนน์ในช่วงที่เป็นวัยรุ่น ผลงานของ โทมัส วายแอต ที่ได้พูดถึง ‘ส่วนเกิน’ ที่เกิดขึ้นในร่างกายของแอนน์ อันได้แก่นิ้วมือข้างหนึ่งที่มีนิ้วเพิ่มขึ้นมาหนึ่งนิ้ว อีกทั้งยังพูดถึง ‘ไฝ’ จำนวนมากที่ขึ้นมาตามร่างกายของเธอ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ความสวยงามของแอนน์ลดน้อยลงเลย (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าเนื้อหาในบทกวีของวายแอตนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ความจริงแอนน์อาจจะมีหรือไม่มีนิ้วมือ 6 นิ้วก็ได้ แต่สุดท้ายก็อย่างที่วายแอตได้พูดไว้ในบทกวีว่า ‘สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ความสวยงามของเธอลดน้อยลงไปอยู่ดี’ )
7. แอนน์ถูกบังคับให้เลิกกับคนรักของเธอ
ในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1520 แอนน์ได้ทำการหมั้นหมายกับเฮนรี เพอซี ทายาทของผู้มีตำแหน่งคนสำคัญของอังกฤษทางตอนเหนือ ถึงแม้ว่าในตอนนั้นแอนน์จะยังเด็กอยู่ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฮนรีดูท่าจะไม่ได้มาเล่นๆ เพราะทั้งคู่ถึงขนาดเคยให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าพยานจำนวนมากมาแล้ว แต่เฮนรี เพอซีคนนี้ดูท่าจะผิดหวัง ทันทีที่พระเจ้าเฮนรีปรากฏตัว เขาได้ทำลายความรักอันแสนหวานของแอนน์ให้พังทลายลงภายในพริบตา แถมยังทำให้แอนน์รู้สึกเสียใจมากเพราะเพอซีได้พูดกับเธอว่าเธอนั้นยังดีไม่พอสำหรับเขา
ความเจ็บปวดที่ให้อภัยไม่ได้นี้ได้ทำให้แอนน์พยายามทำทุกวิถีทางให้เพอซีได้เห็นว่าเธอนั้นเหนือกว่าเขาอยู่มาก สังเกตได้จากการเลื่อนขั้นเป็นนางสนมคนโปรดของพระเจ้าเฮนรี แต่อย่างไรก็ตามความทรงจำอันแสนหวานระหว่างเธอกับเพอซีได้หลับมาหลอกหลอนตัวของเธออีกครั้งในช่วงวินาทีสุดท้ายในชีวิต
8. เจ้าหญิงเอลิซาเบธแทบไม่เคยพูดกับแอนน์แม่ของเธอเลยสักครั้ง
อย่างที่เราได้ทราบกันว่า ‘เจ้าหญิงเอลิซาเบธ’ หรือ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ พระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับสมเด็จพระราชินีแอนน์ โบลีน นั้นต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก เธอไม่เคยพูดถึงแม่กับพ่อของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมไม่รู้ว่าเกี่ยวกันไหม เพราะเอลิซาเบธยังเป็นสาวบริสุทธิ์จนกระทั่งบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต แถมเธอยังได้รับฉายานามว่าเป็น "ราชินีพรหมจารี" อีกด้วย
แต่ยังมีหลักฐานบางอย่างที่แสดงถึงความผูกพันระหว่างเธอกับแอนน์อยู่ ซึ่งหลักฐานหนึ่งในนั้นก็ได้แก่แหวนวงหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายกับที่แอนน์เคยสวมมาก่อน อีกทั้งเธอยังสนิทสนมกับแมรี่ ป้าของเธอเป็นอย่างมาก หลักฐานเพียงแค่ไม่กี่อย่างนี้ก็สามารถเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงความผูกพันระหว่างเธอกับแอนน์ แม่ของเธอได้มากแล้วล่ะ
9. ถึงแม้ว่าแอนน์จะไม่ได้มีใบหน้าที่โดดเด่น แต่เธอกลับเป็นที่จับต้องได้
แอนน์ถูกเรียกโดยเอกอัครราชทูตเวนิสประจำประเทศอังกฤษว่า เธอนั้นเป็น ‘ผู้หญิงที่ไม่ได้มีหน้าตาที่สวยที่สุดในโลก’ เพราะเธอไม่ได้มีรูปร่างที่สูงไป หรือเตี้ยไป แถมยังมีลำคอที่ยาว ปากกว้าง และหน้าอกก็ไม่ได้ใหญ่มาก คือดูธรรมดาบ้านๆ แต่กลับเป็นที่พึงพอใจของพระเจ้าเฮนรีซะงั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว แอนน์ยังมีสิ่งที่สวยงามอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ในร่างกายของเธอ สิ่งนั้นก็คือ ‘ดวงตา’ ได้มีคนอธิบายลักษณะดวงตาของแอนน์เอาไว้ว่า มันเป็นดวงตาที่ดำและสวยงามมาก เมื่อใดก็ตามที่เธอแสดงอากัปกริยาออกมาผ่านทางสายตา มันช่างเป็นอะไรที่ดูดีและมีมนต์สะกดมากเลยทีเดียว หนึ่งในคนดูแลของแอนน์เคยกล่าวเอาไว้อีกอย่างหนึ่งว่า ถึงแม้แอนน์จะไม่ใช่คนสวย แต่เธอกลับมีทักษะด้านการพูดที่ดี ซึ่งทักษะนั้นได้ทำให้เธอดูสวยขึ้นมาทันที
10. วิญญาณผีหัวขาดของ ‘แอนน์ โบลีน’
วิญญาณผีหัวขาดของแอนน์ ถือได้ว่าเป็นดวงวิญญาณที่มีการพูดถึงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ได้มีภาพถ่ายติดวิญญาณถูกเผยแพร่ออกมามากมาย โดยภาพที่ผู้คนเห็นกันส่วนใหญ่ มักจะเป็นภาพของร่างกายของแอนน์ที่ไร้ส่วนหัว ปรากฏอยู่บนหอคอย หรือแม้แต่ภาพของมือที่ล่องลอยไปตามอากาศก็เคยมีออกมาให้ได้เห็นเหมือนกัน โดยสถานที่แห่งความสยองขวัญแห่งนั้นก็ได้แก่ หอคอยแห่งลอนดอน สถานที่ที่เธอถูกประหารชีวิตนั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็เป็น 10 เรื่องแปลกแต่จริง! ของแอนน์ โบลีน พระมเหสีพระองค์ที่ 2 ในพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ซึ่งเรื่องราวของแอนน์ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์มาแล้วหลากหลายเวอร์ชั่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อมูลที่เราส่วนใหญ่ล้วนทราบกัน พี่ก็อยากให้น้องๆ ทุกคนอย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริง 100% เพราะเราไม่มีทางรู้ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงกันได้หรอก เอาเป็นว่าเลือกเสพกันสนุกๆ ก็พอ แต่เท่าที่อ่านกันมาน้องๆ ทุกคนคงสัมผัสได้ถึงสีสันที่เกิดขึ้นในชีวิตของราชินีคนนี้เยอะแยะมากมาย ไหนจะเรื่องชิงรักหักสวาท ไหนจะเรื่องการเอาตัวรอดต่างๆ อีก นับว่าเป็นเรื่องที่น่าศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเป็นอย่างมากเลย นี่ถ้าน้องๆ คนไหนพอจะรู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็สามารถมาร่วมคอมเมนต์พูดคุยกันเข้ามาได้นะ ช่วงนี้กำลังอินเรื่องนี้จริงๆ (ฮา) เอาไว้มาพบกับบทความสนุกๆ แต่ไม่ไร้สาระจากพี่กันได้ใหม่ครั้งหน้า สำหรับวันนี้ต้องไปแล้ว บ๊ายบายจ้า
พี่นัทตี้ :)
ขอบคุณแหล่งที่มาที่น่าสนใจ
https://en.wikipedia.org/wiki/Anne_Boleyn
https://www.britannica.com/biography/Anne-Boleyn
https://www.ranker.com/list/who-was-anne-boleyn/carly-silver?ref=browse_list_4&l=2&pos=2
https://www.historyextra.com/period/tudor/10-things-you-probably-didnt-know-about-anne-boleyn/
https://www.goodreads.com/book/show/37470.The_Other_Boleyn_Girl
3 ความคิดเห็น
อยากไปเยี่ยมเธอตัวๆที่หอคอยในอังกฤษจัง แต่กลัวว่าไม่ได้กลับประเทศ 5555
กลัวว่าจะได้กลับแต่ตัว แต่หัวจะลอยอยู่ที่อังกฤษ555555
ขอบคุณ