"ฉันได้ยินเสียงเพลงของเรา ที่บรรเลงขึ้นมา
เหมือนได้กลับไปสู่เวลา ที่เคยมีกันและกัน
เป็นเพลงที่เคยได้ฟังตั้งนาน แต่ลืมมันไป.."
                             เพลงของเรา, Tattoo Colour 
 

สวัสดีน้องๆ นักเขียนชาวเด็กดีทุกคนค่ะ เมื่อเร็วๆ นี้ ระหว่างที่พี่แนนนี่เพนกำลังเดินทางกลับบ้าน เพลงในเพลย์ลิสต์ที่บันทึกไว้เล่นเพลงของวง Tattoo Colour ชื่อ “เพลงของเรา” เข้าพอดี ตอนนั้นในหัวของพี่รู้สึกคุ้นเคยกับเพลงนี้อย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพราะว่าเพิ่งอกหักมาหรือมีโมเมนต์คิดถึงแฟนเก่าแต่อย่างใด พอมานึกๆ ดูก็คิดถึงเพื่อนสมัยยังเรียนมหา’ลัยอยู่ แล้วก็ถึงบางอ้อว่าเพลงนี้ เคยฟังแล้วก็เคยแหกปากร้องกับเพื่อนตอนไปดูคอนเสิร์ตพร้อมกันครั้งแรกนั่นเอง และเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พอได้ฟังเพลงที่ชอบแล้วทำให้คิดถึงเรื่องต่างๆ เยอะแยะไปหมด พี่เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าการฟังเพลงทำให้เราจินตนาการถึงเรื่องราวต่างๆ ได้มากมายขนาดนี้ ทำไมเราถึงไม่ลองใช้เพลงที่เราชอบฟังมาสร้างแรงบันดาลใจในการแต่งนิยายกันล่ะ! 
 

 

“ฉันชอบฟังเรื่องราวของคนอื่นและชอบฟังเพลง
หลายครั้งเนื้อเพลงทำให้ฉันเกิดคำถาม สงสัย และเขียนเป็นนิยายได้”
 

ประโยคข้างต้นเป็นคำพูดของ เค. เอ็ม. วีแลนด์ (K. M. Weiland) เจ้าของผลงานที่ได้รับรางวัลหนังสือขายดีระดับสากลที่เขียนเกี่ยวกับโครงสร้างในการเขียนนิยาย (Outlining Your Novel and Structuring Your Novel) ที่พี่แนนนี่เพนติดตามมานานแล้ว วีแลนด์มีเทคนิคในการสร้างแรงบันดาลใจจากหลายๆ สิ่งรอบตัว รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจจากเสียงเพลงด้วย เธอฟังเพลงตอนที่ออกกำลังกายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในทุกเช้า และเลือกเพลงที่มีเสียงจากธรรมชาติในหนังมาใช้ประกอบเวลาเขียนงาน วีแลนด์หลีกเลี่ยงเพลงที่มีเนื้อเพลง เพราะนอกจากจะกวนใจแล้ว เธอยังไม่ต้องการฝึกสมองเพื่อทำให้เนื้อเพลงหายไปจากหัวจนเข้าสู่โลกส่วนตัว (วีแลนด์ไม่ได้ต้องการฟังเพลงเพื่อตัดสิ่งรบกวนรอบข้างออก แต่เธอต้องการฟังเพลงเพื่อหาแรงบันดาลใจในการเขียน)
 

เทคนิคของวีแลนด์คือการเลือกเพลงให้พอดีกับฉากที่กำลังเขียน เธอชอบฟังเสียงดนตรีไปด้วยเขียนไปด้วย เพราะมันทำให้เธอได้เขียนในสิ่งที่เธอไม่เคยเขียนมาก่อน เช่น เมื่อเขียนฉากต่อสู้ เธอใช้เพลง "Love Theme" จาก Attack of the Clones และเขียนฉากรักไปกับจังหวะกลองของ Master and Commander: The Far Side of the World "Smoke N 'Oakum" วีแลนด์คิดว่านี่เป็นวิธีการเขียนในแบบที่เธอไม่เคยทำมาก่อน และสร้างแรงบันดาลใจได้ 
 

 

พี่แนนนี่เพนมีวิธีสร้างแรงบันดาลใจในขั้นเริ่มต้นให้น้องๆ ได้ลองฝึกฝนกันดู ในเมื่อเพลงสามารถสร้างจินตนาการให้พี่แนนนี่เพน และวีแลนด์ได้ เชื่อว่าน้องๆ ชาวเด็กดีก็ต้องทำได้เหมือนกันค่ะ
 

ก่อนอื่นเลยน้องๆ ต้องเปิดเพลงที่เราชอบ และตั้งใจฟังนะ !
 

เมื่อน้องๆ ได้ฟังเพลงที่ชอบ ลองสังเกตดูว่าเพลงที่เรากำลังฟังทำให้เรามีอารมณ์ความรู้สึกแบบไหน? ฟังแล้วมีความสุข ฟังแล้วเศร้า มีกำลังใจ หรือฮึกเหิมมากขึ้น น้องๆ ลองเขียนถ่ายทอดความรู้สึกที่ได้จากเพลงออกมา ไม่ว่าจะทำให้นึกถึงเรื่องอะไรก็ตาม ลองเขียนเล่าไปตามอารมณ์ในตอนนั้นดูก่อน จากนั้นลองกลับมาอ่านในสิ่งที่เขียนดูนะคะ น้องๆ จะรู้ว่าตัวเราเองมีความคิด อารมณ์แบบไหน และอยากเขียนเล่าเรื่องอะไรออกมา  
 

เนื้อเพลงส่วนใหญ่มักจะบอกเล่าเรื่องราวให้เราคิดตามอยู่แล้ว เมื่อได้ฟังเพลงที่ชอบแล้ว ลองพยายามขยายเรื่องราวจากในเพลงให้มากกว่าเดิมดู เช่น เพลงของเรา ที่พี่แนนนี่พูดถึงไปข้างต้นนั้น มีเนื้อหาคิดถึงเรื่องราวของคนรักเก่าอย่างมีความสุข เราอาจลองเขียนเพิ่มเติมดูว่า หากเราสามารถเขียนให้ผู้ชายคนนี้ย้อนเวลากลับไปในช่วงที่มีความสุขนั้นได้อีกครั้ง ให้พระเอกได้เจอกับนางเอกและพยายามประคับประคองความรักนั้นดูอีกครั้ง เราจะเขียนออกมาในรูปแบบไหน หรือจากเนื้อเพลงที่น้องๆ ชอบฟัง อาจนำมาเป็นเพลงประจำตัวของตัวละครที่เราสร้างก็ได้ นอกจากนี้ เนื้อเพลงอาจทำให้น้องๆ คิดถึงเรื่องราวในอดีตราวกับย้อนเวลาไปอยู่จุดนั้นอีกครั้ง พี่แนนนี่เพนคิดว่าเราสามารถนำความทรงจำของเรามาสร้างแรงบันดาลใจในการเขียนได้เช่นกัน 
 

น้องๆ ลองจินตนาการถึงหนังเรื่องที่เราชอบมากๆ ดูสักเรื่อง แล้วลองคิดถึงเพลงประจำตัวของหนังเรื่องนั้นดู ประมาณว่าคิดถึงหนังเรื่องนี้ทีไร ต้องนึกถึงเพลงนี้ทุกที จากนั้นลองเลือกเพลงที่เราชอบมาสักหนึ่งถึงสองเพลง เป็นเพลงที่เวลาฟังแล้วเรามีอารมณ์ความรู้สึกร่วมด้วย รู้สึกอยากเขียนจนสามารถนึกเรื่องราวออกจนเขียนออกมาเป็นพล็อตได้ วิธีนี้เป็นเทคนิคในการสร้างแรงบันดาลใจได้ดีที่สุดเลยค่ะ การมีเพลงประจำนิยายของเรา ช่วยให้ตัวนักเขียนสามารถย้อนกลับไปรู้สึกถึงอารมณ์ตอนที่เริ่มคิดพล็อตตลอดจนเริ่มแต่งนิยายได้อีกครั้ง ทำให้นักเขียนเองไม่ลืมเป้าหมายและแรงบันดาลใจที่เคยมีได้แน่นอน
 

 

1. เลือกเพลงที่เราชอบเพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจ โดยเริ่มฟังเพลงตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเพลงและเก็บคำถามที่สงสัยไว้ในใจ
 

2. เขียนเรื่องราวที่เราได้จากการฟังเพลง ทั้งอารมณ์ คามรู้สึก ที่ทำให้เราจินตนาการออกมาได้ 
 

3. หากเขียนเสร็จแล้ว ลองแชร์ไอเดียของเราที่ได้จากการฟังเพลงให้เพื่อนๆ ช่วยอ่านดู แล้วลองถามความเห็นจากเพื่อนว่ารู้สึกอย่างไรกับความคิดของเรา 
 

พี่แนนนี่เพนขอท้าน้องๆ ชาวเด็กดีที่ยังหาแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายไม่ได้ ให้น้องๆ เลือกเพลงที่ชอบมาหนึ่งเพลง แล้วลองเขียนตามที่ได้แนะนำในเวลา 10 นาทีดูนะคะ จะให้เพื่อนดูหรือจะฝากคอมเมนต์ไว้ข้างล่างบทความนี้ก็ได้ พี่แนนนี่เพนเชื่อว่านี่เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายให้น้องๆ ได้แน่นอน เพราะถ้าลองฝึกตามที่แนะนำดู น้องๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปมองหาแรงบันดาลใจจากที่ไหนอีกเลย   
 

พี่แนนนี่เพน