ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมน : เพลงแสนเศร้าและการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ได้ตั้งใจของเด็กๆ


 
ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมน :
เพลงแสนเศร้าและการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ได้ตั้งใจของเด็กๆ

 
สวัสดีค่ะ หนึ่งในเทศกาลที่ทุกคนชื่นชอบคงไม่พ้นคริสต์มาสใช่ไหมคะ แอดมินเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบเทศกาลนี้ ช่วงเวลาแห่งการให้ ช่วงเวลาแห่งความสุข ช่วงเวลาแห่งการนึกถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง พอถึงช่วงคริสต์มาสเมื่อไหร่ หิมะขาวโพลนก็จะตก (อันนี้หมายถึงต่างประเทศ ไม่ใช่ประเทศไทยที่แทบไม่เคยสัมผัสอากาศเย็นๆ แงๆ) และทุกคนก็จะตกแต่งบ้านด้วยต้นคริสต์มาส นำของขวัญมาแลกกัน และหนึ่งในกิจกรรมที่เด็กๆ (หรือแม้แต่ผู้ใหญ่) ชอบทำก็คือ ออกไปนอกบ้านเล่นหิมะ แล้วปั้นหิมะให้เป็นก้อนกลมๆ สองก้อน ก้อนเล็กเป็นหัว ก้อนใหญ่เป็นตัว จากนั้นก็เอากิ่งไม้มาประดับเป็นจมูก แค่นี้ก็ได้ตุ๊กตาหิมะแสนน่ารักแล้ว... 
 
ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนในตำนาน
 
สโนว์แมน สัญลักษณ์ของคริสต์มาส
 
ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมน เพลงจังหวะร่าเริงแต่เนื้อหาแสนเศร้า 
ตุ๊กตาหิมะหรือสโนว์แมนเป็นหนึ่งในของที่อยู่คู่กับเทศกาลคริสต์มาสมาตลอด เพลงเกี่ยวกับตุ๊กตาหิมะที่เราได้ยินสม่ำเสมอในช่วงเทศกาลก็คือ ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมน จังหวะดูร่าเริงสนุกสนาน แต่เนื้อหากลับเศร้าแสนเศร้า ถ้าตั้งใจฟังดีๆ เนื้อหาของมันน่าเจ็บปวดทีเดียวค่ะ ผู้เขียนเพลงนี้ขึ้นคือ วอลเตอร์ แจ๊ค โรลลิ่งส์ และสตีฟ เนลสัน ทั้งคู่เขียนเพลงขึ้นในปี ค.ศ. 1950 ด้วยเหตุผลเดียวคือ ต้องการหาเงิน เพลงคริสต์มาสในช่วงนั้นได้รับความนิยมมาก Here comes Santa Clause แต่งขึ้นในปี ค.ศ. 1947 และกลายเป็นเพลงฮิตสุดๆ ต่อมาในปี ค.ศ. 1949 ก็มีเพลงชื่อว่า Rudolph the Red-Nosed Reindeer ออกมาให้ได้ร้องกัน เพลงนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง จนทำให้นักแต่งเพลงหลายๆ คนวางแผนว่าจะต้องแต่งเพลงเกี่ยวกับคริสต์มาสบ้าง จะได้มีชื่อเสียง ได้เงินทองกับเขาสักที
 
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า เพลงฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนถูกเขียนขึ้นในช่วงปี  ค.ศ. 1950 และได้รับความนิยมอย่างสูงไม่แพ้เพลงอื่นๆ มันกลายเป็นเพลงเกี่ยวกับสโนว์แมนเพลงแรกของโลก และเราเชื่อว่าแค่เอ่ยชื่อเพลง ทุกคนก็สามารถร้องตามเป็นจังหวะได้แล้ว แต่มีใครเคยอ่านเนื้อหาบ้างไหม... มันไม่ได้สนุกเหมือนจังหวะเพลงหรอกนะ เนื้อหาพูดถึงเจ้าฟรอสตี้ ตุ๊กตาหิมะที่มีชีวิตจริง และสวมหมวกผ้าไหมไว้บนหัว ในช่วงหน้าหนาว ฟรอสตี้มีความสุขดี แต่พอหน้าร้อนมาถึง มันก็รู้แล้วว่าชะตากรรมของตนคือ ต้องละลายหายไป (นึกถึงโอลาฟเลย...) เด็กๆ เสียใจมากที่ฟรอสตี้จะต้องจากไป ฟรอสตี้เลยวิ่งหนีไปเรื่อยๆ โดยมีเด็กๆ วิ่งตาม และฟรอสตี้ได้สัญญาว่า... สักวันมันจะกลับมาอีก จากนั้นมันก็หายวับไป...
 
ไม่มีการระบุในเนื้อเพลงว่า... ฟรอสตี้ยังอยู่หรือว่าตาย อย่างไรก็ตาม ฟรอสตี้วิ่งไปวิ่งมาท่ามกลางแสงแดดและละลายหายไป จากนั้นทุกคนก็อบอุ่นขึ้น ในเนื้อเพลงบอกว่า เด็กๆ วิ่งไล่ฟรอสตี้ และทำให้มันวิ่งเร็วมากขึ้นจนสุดท้ายก็ละลายหายไป จึงทำให้นักวิจารณ์หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า... เด็กๆ คือฆาตกรที่ทำใฟ้ฟรอสตี้ตายเร็วขึ้นหรือไม่... นอกจากนี้ในเพลงยังมีพูดถึงตำรวจจราจรที่พยายามไล่จับฟรอสตี้ด้วย ตัวฟรอสตี้เอง แม้จะบอกว่าเป็นเพื่อนๆ กับเด็กๆ แต่ว่าก็วิ่งฝ่าไฟแดงโดยมีเด็กๆ ทั้งฝูงวิ่งตาม จนน่าสงสัยว่าจะเกิดอุบัติเหตุได้หรือไม่ มันคือเพลงที่บอกถึงสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วน และทุกอย่างผิดที่ผิดทางไปหมด 
 
ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนภาคแอนิเมชั่น 
 
ถ้าวางหมวกลงบนศีรษะ มันจะมีชีวิตไหม...?
 
ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนฉบับแอนิเมชั่น จบลงอย่างเลวร้ายเช่นกัน 
แม้เนื้อหาจะสั้นๆ แต่ว่า... เพลงนี้ให้อารมณ์ไม่ต่างจากเทพนิยาย เป็นเทพนิยายที่ดูไม่สมจริงจนไม่น่าจะมีผู้ใหญ่คนไหนยอมเชื่อแน่ๆ ทั้งนี้ เราขอพูดถึงเทพนิยายอื่นๆ สักหน่อย โดยปกติแล้ว เทพนิยายส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาที่โหดร้ายชัดเจน และถ่ายทอดความจริงอันน่าเจ็บปวดของสังคม แต่ส่วนใหญ่แล้ว ตัวเอกในเรื่องมักจะมีชีวิตรอด มีฟรอสตี้นี่แหละที่แตกต่าง แม้ว่าเนื้อหาอาจไม่ได้ยาวจนน่าจับใจ แต่ถ้าพิจารณาดูดีๆ มันก็แฝงความจริงอันน่าเจ็บปวดเอาไว้ด้วย หลายครั้งที่เรารวมตัวกันทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่ได้เจตนา หลายครั้งที่เราเผลอมีส่วนร่วมในกลุ่ม แล้วไปบูลลี่คนอื่น ทำให้เขาเจ็บช้ำและกลายเป็นแบบฟรอสตี้ ต้องละลายหายไป... (นึกถึงเรื่อง 13 บันทึกลับหัวใจสลาย ที่เด็กสาววัยรุ่น ฮันน่าห์ เบเคอร์ ฆ่าตัวตายเลย อ่านบทความวิจารณ์ได้ที่นี่ 13 Reasons Why แน่ใจนะว่าพวกเขาคือสาเหตุที่ทำให้เธอตาย?) และยังมีเรื่องที่ใกล้เคียงกับฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนอีก ก็คือเรื่องของ จินเจอร์เบรดบอย หรือเด็กชายขนมปังขิง (ตัวละครที่กลายมาเป็นขนมปังวิ่งในคุกกี้รันไง) ที่ถูกมนุษย์สร้างขึ้น ต่อมาก็มีชีวิตและต้องวิ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตายไปเองในที่สุด จะว่าไปแล้ว เด็กชายขนมปังขิงก็คือต้นแบบของฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนน่ะแหละ และน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้นักแต่งเพลงทั้งสองสร้างสรรค์ผลงานขึ้น   
 
ต่อมาในปี ค.ศ. 1969 เพลงนี้ก็กลับมาฮิตอีกครั้ง เมื่ออาร์เธอร์ เรนกิน จูเนียร์และจูลส์ เบสส์ เลือกมันมาดัดแปลงเป็นแอนิเมชั่น 3 นาทีจบในชื่อเดียวกัน และออกฉายในช่วงวันหยุด ทั้งคู่ได้ทำการปรับเนื้อเพลงให้ดาร์กยิ่งกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับ ได้มีการเพิ่มตัวละครเข้าไปในเรื่อง และใช้ช่วงเวลาคริสต์มาสเป็นฉากหลัง ไม่ใช่ฤดูหนาวอย่างในเพลง การสร้างผลงานเป็นไปอย่างง่ายๆ หยาบๆ แทบไม่มีอะไรพิเศษ ฟรอสตี้ในบางฉากมีห้านิ้ว บางฉากมีแค่สี่ และมีสีสันสดใสแตกต่างจากที่บรรยายไว้ในเพลงต้นฉบับ 
 
เนื้อเรื่องเริ่มมาด้วยการเล่าว่า... หิมะมีความสำคัญอย่างไรในช่วงเทศกาล มันทำให้ผู้คนได้ใช้เวลาร่วมกันและมีความสุข และหิมะแรกนี้ตกมาในช่วงคริสต์มาสอีฟ ระหว่างนั้นเด็กๆ ยังคงเรียนหนังสืออยู่ พอเห็นหิมะ ทุกคนก็ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความสุข ครูที่มีชื่อว่าฮินเคิลแอบมีพรสวรรค์พิเศษอยู่ในตัว เมื่อเห็นเด็กๆ ชอบหิมะ ก็เลยอนุญาตให้เด็กๆ ออกจากห้อง ทุกคนไปช่วยกันปั้นตุ๊กตาหิมะ และเมื่อเสร็จสมบูรณ์ ครูฮินเคิลวางหมวกลงบนศีรษะกลมๆ ทันใดนั้น มันก็มีชีวิตขึ้นมา ในแอนิเมชั่น เด็กๆ จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น มีเด็กคนหนึ่งชื่อว่าแคเร็น เธอหนาวมากและเกือบจะตายเพราะใกล้ชิดฟรอสตี้ อย่างไรก็ตาม เด็กๆ ไม่อยากให้ฟรอสตี้ต้องตาย พวกเขาจึงวางแผนส่งฟรอสตี้ไปยังขั้วโลกเหนือ เพื่อให้มันได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ระหว่างการเดินทาง แน่นอนว่ามันก็ต้องผ่านสถานที่ที่มีอากาศอบอุ่นอยู่บ้าง สุดท้ายเด็กๆ เลือกใช้วิธีพาฟรอสตี้ไปทางรถไฟ  ในเรื่องนี้ ฟรอสตี้ไม่ตายแต่มีชีวิตรอดอยู่ที่ขั้วโลกเหนืออย่างเดียวดายในตอนจบ...
 
นักวิจารณ์หลายคนยังคงยืนยันว่า... เรื่องของฟรอสตี้เดอะสโนว์แมน ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นเพลงหรือเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น ล้วนเป็นสถานการณ์เลวร้าย พวกเด็กๆ สร้างฟรอสตี้ขึ้นมา ทำให้มันมีชีวิต แต่ก็ไม่อาจรับผิดชอบชีวิตของมันไว้ได้ และไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหน จะอยู่หรือตาย ฟรอสตี้ก็ต้องเจอกับชะตากรรมที่เลวร้ายอยู่นั่นเอง  
 
สโนว์แมนใจดี หรือฟรอสตี้นี่เอง 
 
ในช่วงคริสต์มาสก็จะเห็นสโนว์แมนบ่อยหน่อย 
 
ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนอาจเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด 
ทว่าแม้เนื้อหาของเรื่องฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดในตอนจบ แต่มันก็กลายเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ยิ่งในช่วงคริสต์มาส เราก็จะต้องได้ยินเพลงเพลงนี้ ความน่ากังวลอยู่นิดๆ อยู่ที่ เราทุกคนต่างร้องเพลงอย่างรื่นเริง และสนุกสนาน โดยไม่ได้คำนึงเลยว่า... เนื้อหาของเพลงคือ การฆาตกรรมตุ๊กตาหิมะที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หลายครั้งชีวิตของเราเป็นแบบนั้น มีความสุขกับสิ่งที่เราไม่รู้ว่า... มันคือความทุกข์ของผู้อื่น เวลาคนอื่นเจอชะตากรรมเลวร้าย เราหัวเราะเยาะ เราขำเขา เพราะเราไม่ได้โดนกับตัว ยิ่งเวลาอยู่กันเป็นหมู่คณะ ก็จะยิ่งเผลอสนุกสนานไปเรื่อยๆ กับสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม และมันสะสมกลายเป็นบาดแผลในใจให้กับคนที่ตกเป็นเหยื่อ จนบางทีอาจกลายเป็นถึงขั้น ทำลายชีวิต 
 
สุดท้ายเพลงๆ นี้ทำให้เราพบความจริงว่า เทศกาลคริสต์มาสอาจไม่ได้งดงามอย่างที่เราคิด และเราควรคำนึงถึงผู้อื่นให้มากกว่าที่ควรจะเป็น  
 
ขอปิดท้ายด้วยเนื้อเพลงนะคะ ฟังแล้วจะได้รู้ว่าเศร้าแค่ไหน
 
Frosty the snowman was a jolly happy soul,
ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนมีวิญญาณที่เต็มไปด้วยความสุข 
With his corncob pipe and his button nose
มันมีไปป์ทำจากข้าวโพดและจมูกทำจากกระดุม
And two eyes made out of coal.
สองตาทำจากถ่านหิน 
Frosty the Snowman was alive the children say.
เด็กๆ บอกว่าฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนมีชีวิต 
He was made of snow but the children know
มันถูกสร้างจากหิมะ
How he came to life one day.
และวันหนึ่งก็มีชีวิตขึ้นมา 
There must have been some magic in
คงจะมีเวทมนตร์บางอย่าง 
That old silk hat they found
อาจเป็นหมวกผ้าไหมที่พวกเด็กๆ ค้นพบ
For when they placed it on his head
และเมื่อวางมันลงบนศีรษะ 
He began to dance around.
ฟรอสตี้ก็เริ่มเต้นไปรอบๆ 
Oh, Frosty the snowman was alive as he could be
ฟรอสตี้เดอะสโนว์แมนมีชีวิตขึ้นในที่สุด
And the children say he could laugh and play
เด็กๆ บอกว่ามันสามารถหัวเราะและเล่นได้
Just the same as you and me.
เหมือนกับมนุษย์ทั่วไปนี่แหละ
Frosty the snowman knew the sun was hot that day.
จนวันหนึ่งที่แสงแดดส่อง อากาศร้อนแสนร้อน 
So he said let’s run and we’ll have some fun
ฟรอสตี้จึงชวนทุกคนมาวิ่งเล่นสนุกกัน
Now, before I melt away.
ก่อนที่มันจะละลายหายไป
Down to the village with a broomstick in his hand,
มันถือไม้กวาดไว้ในมือ 
Running here and there, all around the square
วิ่งไปวิ่งมา รอบๆ จัตุรัส
Saying, “Catch me if you can.”
บอกเด็กๆ ว่า “จับฉันให้ได้สิถ้าทำได้”
Now, Frosty the Snowman had to hurry on his way.
ฟรอสตี้ต้องไปตามทางของมันแล้ว
So he waved goodbye saying, “Don’t you cry.
มันโบกมือลาและบอกเด็กๆ อย่าร้องไห้
I’ll be back on Christmas Day.”
คริสต์มาสครั้งหน้าฉันจะกลับมาใหม่นะ 
Thumpity Thump Thump, Thumpity Thump Thump, Look at Frosty go.
ดูสิฟรอสตี้จากไปแล้ว 
Thumpity Thump Thump, Thumpity Thump Thump, Over the fields of snow…
ท่ามกลางทุ่งหิมะกองใหญ่ 
       
ทีมงานนักเขียนเด็กดี
 
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 
https://comicbook.com/movies/2018/12/09/frosty-snowman-shocked-parents/ 
https://essaysbylin.wordpress.com/tag/frosty-the-snowmans-symbolic-meaning/  
https://www.boldsky.com/insync/pulse/2010/significance-frosty-snowman-171210.html 
https://en.wikipedia.org/wiki/Frosty_the_Snowman 
https://www.tor.com/2018/12/13/a-thin-but-frosty-modern-fairy-tale-frosty-the-snowman/ 
https://makemomentsmatter.org/classroom-ideas/critical-thinking-in-frosty-the-snowman/
 
 
ทีมงาน writer

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
คนผ่านมา 1 ต.ค. 67 14:27 น. 2

เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เป็นสัจธรรม วัฎจักรสังขาร แม้การจากลาเป็นเรื่องเศร้าแต่เราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สุดท้ายทุกสิ่งก็ต้องพลัดพรากจากกันไป ถ้าเราสอนให้เด็กเข้าใจถึงสัจธรรมที่แฝงอยู่ในเพลงนี้ได้ เขาก็จะมีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ เมื่อถึงวันที่เขาต้องพลัดพรากจากสิ่งใด เขาก็จะยืนหยัดคงอยู่ต่อไปได้ และส่งต่อสัจธรรมนั้นแก่คนรุ่นต่อไป

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture