4 ตอนจบที่นักเขียนควรหลีกเลี่ยง
ถ้าไม่อยากให้นิยายน่าเบื่อ
สวัสดีค่ะนักเขียนชาวเด็กดีทุกคน ในฐานะนักอ่านพี่อยากบอกว่าทุกๆ ครั้งที่อ่านนิยายสิ่งแรกที่คนอ่านคาดหวังก็คือการเปิดเรื่องที่น่าดึงดูดใจนี่แหละค่ะ จากนั้นเรื่องราวระหว่างทางจะเป็นยังไงต่อก็ให้คุกกี้ทำนายกัน.. แต่ถึงอย่างไร ในท้ายที่สุดสิ่งที่คนอ่านคาดหวังมากที่สุดก็คือตอนจบของเรื่อง ไม่ว่าจะจบแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง หรือแบด เอนดิ้ง ก็ถือเป็นการปิดม่าน เปิดปม เคลียร์ทุกปัญหาที่ค้างคาใจตลอดมา รวมถึงเป็นการวัดใจคนอ่านกับคนเขียนด้วย ว่าจะจบตามใจฉัน ตามใจเธอ หรือตามใจพล็อต! ดังนั้น นิยายเรื่องนี้จะได้อยู่ในดวงใจหรือไม่ นักอ่านจะเลือกติดตามนักเขียนคนนี้ต่อหรือเปล่า เราตัดสินกันที่ตอนจบได้เลยค่ะ ในบทความนี้พี่แนนนี่เพนจึงอยากจะแนะนำตอนจบที่นักเขียนควรหลีกเลี่ยงเอาไว้ เพราะพี่อยากให้นักเขียนทุกคนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และสร้างตอนจบให้ตราตรึงใจด้วยตัวของเราเองค่ะ มาดูกันว่ามีตอนจบแบบไหนบ้างที่เราควรหลีกเลี่ยง!
4 ตอนจบที่นักเขียนควรหลีกเลี่ยง!
1. จบแบบมีความสุขตลอดไป
การจบแบบให้ตัวละครชนะอุปสรรคและมีควาามสุขตลอดไป เป็นการสร้างโลกจำลองที่ไม่สมจริงที่สุด แน่นอนว่าเราทุกคนต่างคาดหวังให้ตัวละครประสบความสำเร็จ หรือทำตามความฝันที่หวังเอาไว้ได้ แต่การเขียนจบแบบนี้จะเป็นการผูกปมที่ค่อนข้างเดาง่าย และอาจทำให้เรื่องราวที่เราอุตส่าห์ปูทางมาอย่างดี กลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อขึ้นมาได้ คล้ายๆ กับวลีที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่ามักตายตอนจบนั่นแหละค่ะ ดังนั้นการจบแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง ควรมีแนวทางที่หลากหลายและสมจริงมากยิ่งขึ้น เพราะชีวิตจริงของเราไม่ได้จบลงแค่การแต่งงาน หรือครองคู่กันอย่างมีความสุขตลอดไป เหมือนในนิทานสมัยเด็กที่เราเคยอ่าน เพราะฉะนั้นเราไม่ควรสร้างค่านิยมให้คนอ่านมองเห็นชีวิตในด้านเดียวนะคะ
2. จบแบบถูกดึงออกจากความฝัน
เป็นตอนจบที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่าผิดหวังมากเลยค่ะ หลายๆ คนอาจจะชอบตอนจบแบบนี้ แต่ก็มีอีกหลายคนที่รู้สึกเหมือนใจสลาย เพราะถูกหักหลัง ในฐานะที่เราเป็นนักเขียนควรคำนึงถึงความรู้สึกของคนอ่านเอาไว้ด้วยนะคะ เพราะการที่เราจบเรื่องด้วยการดึงคนอ่านออกมาจากความฝัน(ที่เราสร้างไว้) ทำให้คนอ่านรับรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่อ่านมาเป็นเพียงการหลอกเท่านั้น ตอนจบแบบนี้ถือเป็นการทรยศต่อความไว้ใจของคนอ่าน และลดความชอบในนิยายของเราลงไปได้ค่ะ ดีไม่ดีจะพาลเกลียดเราไปด้วยนะคะ แนะนำว่าอย่าเล่นกับใจคนค่ะ เพราะคนอ่านหลายๆ คนมีจินตนาการที่ล้ำเลิศ และโลกในนิยายก็อาจจะเป็นโลกทั้งใบของเขาก็ได้ แม้การหลอกว่าเป็นเพียงความฝันจะเป็นการหักมุมที่ดี แต่ก็ต้องเขียนให้จบในแบบที่ยอมรับได้นะคะ
เช่น ในเรื่อง The Twilight Saga ตอน Breaking Dawn มีฉากการต่อสู้กันของครอบครัวตัวเอกและฝั่งผู้คุมกฏ เราเห็นความสูญเสียของฝั่งครอบครัวตัวเอก และฝั่งหมาป่า จนหลายๆ คนถึงกับใจสลาย แต่เมื่อเฉลยว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพนิมิตล่วงหน้า ทุกคนต่างดีใจและรู้สึกสนุกไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว นั่นเพราะทุกคนคาดหวังความสงบสุข และไม่ต้องการความสูญเสียนั่นเอง แม้จะจบแบบแฮปปี้ เอนดิ้งตามที่ข้อ 1 บอกว่าเราควรหลีกเลี่ยง แต่ก็เป็นการจบที่เฉลยปมหลายๆ อย่างเอาไว้ให้นักอ่านได้คิดตามต่อนั่นเอง
The Twilight Saga : Breaking Dawn
3. จบแบบบรรยายความรู้สึกของตัวละครที่มีความผิด
เป็นเรื่องปกติที่ตัวละครของเราจะเป็นสีเทา และแน่นอนว่าตัวละครของเราต้องเคยทำผิดหรือมีความรู้สึกผิดหลายๆ อย่างเกิดขึ้น นักเขียนไม่ควรเปิดโหมดความดีให้ตัวละครมากจนเกินไป เราไม่ควรช่วยเขียนบรรยายความรู้สึกและอารมณ์ของตัวละครในขณะนั้น แต่ควรเขียนในแง่ของภูมิหลัง หรือประสบการณ์ของพวกเขา เพื่อให้คนอ่านคิดหาข้อสรุปด้วยตัวเองว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เราต้องคิดให้มากๆ ว่าความผิดและการกระทำของแต่ละคนบนโลกนี้ตัดสินใจออกมาไม่เหมือนกัน และบางคนอาจไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของตัวละคร ดังนั้น เราควรเขียนให้เห็นว่าเขาเจอเหตุการณ์อะไรมา และทำไมถึงต้องตัดสินใจแบบนี้ จะทำให้คนอ่านรู้สึกสนุกที่จะไขความลับด้วยตัวเองมากกว่าต้องมาถูกยัดเยียดความคิดที่พวกเขาอาจจะไม่เห็นด้วย
เช่น ในวรรณกรรมเรื่องเพื่อนยาก (of mice and men) ของ จอห์น สไตน์เบ็ค ตัวละครหลักคนหนึ่งตายเพราะถูกเพื่อนรักของเขาฆ่า คนอ่านต่างตีความไปหลากหลายเหตุผลว่าทำไมคนที่เป็นเพื่อนรักกันถึงฆ่ากันได้ โดยเหตุผลสำคัญที่คนอ่านตีความได้จากเหตุการณ์ทั้งหมดคือ หนึ่ง ตัวละครที่ตายไปแล้ว มีความผิดฐานฆ่าคนตาย ถ้าถูกจับได้โดยคนอื่นอาจจะถูกทรมานจนตาย ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจฆ่าเพื่อนรักด้วยมือของเขาเอง ส่วนเหตุผลที่สอง ตัวละครที่ตายไปแล้ว เปรียบเสมือนตัวเก็บความฝันอันสวยงาม หากตัวละครนี้ตายลงไป ความฝันที่เคยหวังกันไว้ก็จะจบลง และตัวละครที่เป็นเพื่อนรักก็จะเป็นอิสระ ไม่ต้องทำตามความฝันนี้อีกต่อไป เป็นต้น
4. จบแบบชีวิตของคู่รัก
การจบที่แสดงให้เห็นชีวิตรักของพระเอกนางเอก เป็นตอนจบที่นักเขียนส่วนใหญ่เลือกใช้กันแทบทุกคน เรามักจะเห็นการบอกรักกันของคู่พระนาง หรือคำสัญญาที่จะครองรักกันตลอดไปอยู่บ่อยๆ การจบแบบนี้ไม่ได้ผิด และไม่ได้น่าเบื่อด้วย เพราะเป็นสิ่งที่คนอ่านคาดหวังแน่นอน แต่ความจริงก็คือเราทุกคนไม่ได้ตกหลุมรักและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป ดังนั้น เราควรเขียนให้ชีวิตรักของพวกเขาจบแบบ To be continued เพื่อให้คนอ่านรู้สึกคาดหวังและจินตนาการเรื่องราวของพวกเขาต่อจากนี้ไปได้อีกไกล
มีตอนจบแบบไหนที่ทำให้เรารู้สึกผิดหวังบ้างไหมคะ? พี่แนนนี่เพนอ่านนิยายมาเยอะมาก มีทั้งตอนจบที่ชอบมากๆ และรู้สึกผิดหวังกับตอนจบของหลายๆ เรื่องที่ไม่เป็นไปดั่งใจอยู่บ่อยๆ เช่นกัน บางเรื่องจบไม่เคลียร์ บางเรื่องตัดจบเร็วไป บางเรื่องก็ละทิ้งปมบางอย่างไปเลยก็มี แต่ท้ายที่สุดเราทุกคนต่างก็เคารพการตัดสินใจของนักเขียนเสมอนะคะ เพราะคนที่รู้ดีที่สุดว่าจะจบแบบไหนก็คือนักเขียนนั่นแหละค่ะ ดังนั้น ได้โปรดเขียนตอนจบที่สมเหตุสมผลและน่าประทับใจสมกับการรอคอยด้วยเถอะค่ะ พี่เชื่อว่านิยายของเราจะเป็นที่จดจำและสมบูรณ์มากขึ้นแน่นอน
23 ความคิดเห็น
"...แต่ท้ายที่สุดเราทุกคนต่างก็เคารพการตัดสินใจของนักเขียนเสมอนะคะ"
ชอบตรงนี้จัง
เราชอบตอนจบแบบพระเอกกับนางเอกตายจากกัน ไปแต่งงานกับคนอื่นแทน
เราก็เป็นคนหนึ่งที่หลังๆ.....ไม่เขียนการจบด้วยการแต่งงาน
แต่สุดท้าย....ในตอนพิเศษก็มีจนได้
และมักจะไม่อยากเขียนความรักที่ว่า....รักกันตลอดไป....
เพราะไม่มีเรื่องแบบนี้จริงๆในหมู่คู่รักแล้ว TT
แต่จะเขียนประมาณว่า...จะทำให้ดีที่สุด วันนี้จะรักที่สุด ...พรุ่งนี้...ก็พรุ่งนี้
เราเป็นคนชอบอ่านตอนจบแบบสุดท้าย ชอบอ่านแบบหวานซึ้งๆของพระเอกนางเอก
แต่นิยายตัวเองแทบจะไม่เขียนตอนจบแบบนั้นเลยเพราะตอนเขียนเรารู้สึกว่ามันเลี่ยนเกินไป
ในมุมนักเขียนการเขียนจบไม่แฮปปี้นี่ยากนะ
จบแฮปปี้ แสนสุข บรรยายครบทุกความรู้สึกไม่เหลืออะไรให้คิด:เดาพล็อตง่ายจัง ซ้ำๆเดิมๆ เบื่อ! สูตรสำเร็จแสนหวานไม่ลุ้นอะไรเลย เดาฉากจบได้ตั้งแต่บรรทัดแรกที่อ่าน
จบแหก เรียลลิตี้ ดาร์ก ไปเดาเอง:ความเสี่ยงถูกด่าสูง บางครั้งก็เป็นตามทำลายความฝัน เจอด่ามาเป็นพรวนก็มี บางทีกลายเป็นทำลายเนื้อเรื่องเเละพล็อตไปเลยก็มี
สรุปฉากจบที่ดีขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องเพราะเชื่อว่านิยายทุกเรื่องที่สามารถ"จบได้"ในเว็บนี้อาศัยการคิดมาหลายปี อย่าดัดเนื้อเรื่องให้เข้ากับผู้อ่านมากกว่าที่ตัวเราเองเชื่อถือ เพราะ"นิยายคือความฝันของนักเขียน"
สุดท้ายนี้:ไม่ต้องจบลงคู่หรือบรรยายความรู้สึกมากก็ได้คือก็ไม่ได้เบื่อนะ...คือว่าเราจิ้นอีกคู่อ่ะ
อาทิเรื่องที่ไม่มีฉากจบเเล้วคนจะนึกว่าอีกคนเป็นนางเอก
นารุโตะxฮินาตะ อันนี้ทำใจได้อยู่ๆไปเเล้วเรารักฮินาตะเลย ซากุระกับซาซึเกะในสองเรือนี้เรือซาสึเกะผลกระทบน้อยกว่ามาก(แน่อยู่เเล้ว)
อิจิโกะXโอริฮิเมะ ไม่นะยมทูตสาวหัวดำ! คู่จันทราสิริยันของเรา(รู้สึกคุ้นๆในมิซึกิกับโบรุโตะ ถ้าคุณดูอนิเมะจะพบว่ามิซึกิพูดหัวข้อนี้บ่อยมากด้วยหน้าตาซาบซึ้ง มีหลายภาคเหมือนฮินาตะกับนารุโตะมากทั้งเรื่องที่สโตกเกอร์หรือแม้แต่ประโยคที่พูด!) แต่ก็โอเคแหละ
เซบาสเตียนและชิเอล แปลกนะที่คู่นี้เราสงสารเซบาสเตียนมาก คือนางเป็นคนใช้ตลอดไปชิเอลก็เขกสับเย็นชาใส่ตลอดกาล? คือนางจบมาทางวายเเล้วแต่ไม่ลงความรู้สึกให้วายไปเลย แต่ก็ฟินไปอีกแบบ
สุดท้ายนี้เราก็เคารพการตัดสินใจของคนแต่งทุกคนที่สุดนะ
ไม่รู้ว่าทำการฆ่าตัวหลักจะโดนด่าไหมเนี้ยเรา
เขียนไม่จบสิ โครตสนุกเลย555
ตอนจบนิยายtime ของพี่ภาคินัยเป็นเรื่องที่จบได้ปวดหัวใจมาก
เขียนแบบว่าให้ทุกอย่างที่พระเอกทำมาทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน พอตื่นมาทั้งเรื่องดีและไม่ดีก็จบลง สนุกสุดละ
ยังไม่จบนี่สิ...
1.เรื่องของผมมันไม่อิงความสมเหตุสมผล เมากาว(?) เหตุผลหาไม่ค่อยได้ในนิยายผม เน้นเทพ เก่ง ไม่อยากอ่านก็ไม่บังคับ
2.ไม่เคยแต่ง และไม่คิดจะแต่ง
3.ไม่เคยแต่ง ไม่คิดจะแต่ง
4.อยากให้มีคู่ ไม่ว่าจะคู่พระนาง คู่ตัวร้าย บลาๆๆ
เคยเขียนตอนจบคู่รักแบบ to be con แล้วคนอ่านบอกว่า ตอนจบไม่ประทับใจเลย
เราเป็นประเภทที่ชอบ'อ่าน'กับชอบ'เขียน' ค่อนข้างจะคนละแนวเลย อ่านรักแฟนตาซี จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่เขียนแนวดราม่า สุดท้ายคือจบแบบแยกย้ายกันไปคนละทางหรือไม่ก็แบดเอด ตายบ้างไรบ้าง และมักจะบอกกับตัวเองเสมอว่า"มันคือสีสันชีวิตน้าาาา" 555
ส่วนตัวชอบจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งนะคะ เพราะโลกความจริงมันก็โหดร้ายอยู่แล้ว โลกในนิยายก็ขออะไรที่มันมีความสุขเถอะ 555 แต่ก็ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยังไงเราก็เคารพการตัดสินใจของคนเขียนเสมออยู่แล้วคร้า #สู้ๆ
แล้วคำถามต่อมาก็คือควรให้นิยายจบแบบไหน?
โอ๊ยย! รอด!! หลบได้ทุกข้อเลยวุ้ย เพราะเพิ่งเขียนจบแค่เรื่องเดียว lol
ควรไม่จบแบบนี้เพราะน่าเบื่อ..งันก็ดองสะจะได้สนุกๆใช่ปะ>\\\<เยี่ยม
จบแบบมีคนสปอยล์ครับ
เขียนให้มันจบก่อนเถอะ
เราชอบให้จบดีนะ เพราะสำหรับเรานิยายคือโลกในจินตนาการอยากให้อ่านไปยิ้มไปไม่ใช่เครียด แค่โลกความเป็นจริงนี่ก็อกจะแตกแล้วววว 555555555555
ทำไมมีแต่ตอนจบของนิยายรัก นิยายผมไม่มีนางเอกนะ(ไม่มีนายเอกด้วย บอกไว้ก่อน)