ความงามนี้มีที่มา!
เปิดเผยความลับน่าสนใจเบื้องหลังภาพวาด
‘โมนาลิซ่า’ ของ ลีโอนาร์โด ดาวินชี
สวัสดีค่ะ มีใครชอบ ดาวินชีโค้ด บ้างไหมคะ แอดมินเป็นคนหนึ่งที่ชอบเรื่องนี้ และประทับใจกับจินตนาการที่ แดน บราวน์ มีต่อ โมนาลิซ่า ภาพเขียนที่ได้รับความนิยมที่สุดภาพหนึ่งของโลก ผลงานของลีโอนาร์โด ดาวินชี นักคิดนักเขียนและนักปรัชญาที่มีชื่อเสียง พูดชื่อปุ๊บ ไม่ต้องอธิบายต่อแล้ว ทุกคนรู้จักแน่นอน
แอดมินคิดว่าเสน่ห์ของนิยายเรื่องดาวินชีโค้ดก็คือ การที่นักเขียนได้นำเอาสมมติฐานต่างๆ เกี่ยวกับภาพวาดนี้มาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน สร้างปริศนาให้คนอ่านอย่างเราอยากรู้อยากเห็น เล่นกับความเชื่อของผู้คน มันทำให้แอดมินอดคิดไม่ได้ว่า ภาพวาดภาพเดียว แต่สร้างไอเดียได้ถึงขนาดนี้ ย่อมหมายความว่าภาพนั้นต้องมีอะไรซ่อนอยู่มากมายแน่ๆ ซึ่งในวันนี้ แอดมินก็ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาพวาดภาพนี้มาฝากกันค่ะ จะได้ทำความเข้าใจและรู้จักภาพได้มากขึ้นด้วย สำหรับแอดมินที่เป็นทั้งนักเขียนและนักอ่าน การที่เราสนใจสิ่งๆ หนึ่ง และสามารถนำไปต่อยอดจนกลายเป็นผลงานที่คนทั่วโลกชื่นชอบได้ ถือเป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ เลยค่ะ เผื่อใครสนใจเอาวิธีของแดน บราวน์ไปใช้เขียนนิยายบ้าง ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ
ภาพเขียนโมนาลิซ่าที่ได้รับความนิยมมากๆๆ
ประวัติของภาพเขียนโมนาลิซ่า
ก่อนจะเข้าหัวข้อต่างๆ เรามาเริ่มกันที่ประวัติของภาพก่อนดีกว่าค่ะ ภาพนี้รู้จักกันในนามโมนาลิซ่า หรือ La Gioconda ภรรยาของฟรานเชสโก้ เดล จีโอกอนโด (Francesco del Giocondo) เป็นภาพสีน้ำมันบนแผ่นไม้ ขนาด 77 x 53 เซ็นติเมตร หรือ 30 x 20 7/8 นิ้ว เจ้าของภาพตอนนี้คือรัฐบาลฝรั่งเศส และมันถูกติดอยู่บนกำแพงของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เป็นภาพวาดของผู้หญิง สวมชุดที่ได้รับความนิยมมากในฟลอเรนซ์ยุคนั้น พื้นหลังของภาพเป็นวิวภูเขา โดดเด่นด้วยเทคนิคของลีโอนาร์โด ดาวินชี ที่เรียกกันว่า สฟูมาโต" (sfumato) นั่นคือจะเป็นภาพแบบเบลอๆ ฟุ้งๆ ซึ่งเข้ามาแทนที่ภาพเขียนคมชัด สีหน้าของผู้หญิงในภาพนั้น ดูเหมือนจะสงสัยและเต็มไปด้วยความลับ ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ทำให้ภาพนี้กลายเป็นที่นิยม โดยเฉพาะ “รอยยิ้ม” เฉพาะตัวของโมนาลิซ่า ที่ใครๆ ต่างบอกว่ามันดูสวยงามก็จริง แต่ก็แฝงความน่าขนลุกไปด้วยในเวลาเดียวกัน ลีโอนาร์โด ดาวินชี เริ่มวาดภาพนี้ที่อิตาลีแต่ว่าไปวาดเสร็จที่ฝรั่งเศส และภาพนี้ตกเป็นของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 พระองค์ทรงแขวนภาพไว้ในพระราชวัง จนกระทั่งต่อมา พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้นำไปแขวนไว้ที่พระราชวังแวร์ซายส์แทน ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 นโปเลียน โบนาปาร์ต ได้นำภาพไปเก็บไว้ในที่พักของตน ปัจจุบัน ภาพโมนาลิซ่าประดับอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ โดยมีห้องส่วนตัว เพดานฉายไฟที่ควบคุมแสงธรรมชาติ ภายในห้องปรับอุณหภูมิไว้ที่ 43 องศาฟาเรนไฮต์เพื่อความปลอดภัย และเพื่อรักษาสีสันของภาพให้ไม่เสื่อมถอยไปตามกาลเวลา
โมนาลิซ่าเป็นใคร
ตัวจริงของบุคคลในภาพยังคงเป็นความลับ แต่ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่า เธอน่าจะเป็นภรรยาของฟรานเชสโก้ เดล จีโอกอนโด มีชื่อว่าลิซ่า อายุ 24 ปี เธอเกิดมาในตระกูลผู้ดีของฟลอเรนซ์ ในช่วงปี ค.ศ. 1479 ตัวลิซ่าหลังแต่งงานทำงานในร้านของสามีผู้ประกอบอาชีพค้าขายเสื้อและผ้าไหม มีลูกห้าคน ได้แก่ ปีเอโร อันเดรีย คามิลล่า จีโอกอนโด และมาเรียตตา นอกจากนี้ก็มีสมมติฐานที่เชื่อว่าผู้หญิงในภาพคือ แคทริน่า สฟอร์ซา เคานท์เตสแห่งฟอร์ลิ ยังมีสมมติฐานที่เชื่อว่าเธอน่าจะเป็นภรรยาลับๆ ของ จูเลียโน เดอ เมดิชี ผู้มีอิทธิพลแห่งฟอลเรนซ์ หรือแม้แต่สมมติฐานที่เชื่อว่า เธอคือแม่ของลีโอนาร์โด ดาวินชี ตลอดจนเธอคือตัวเขาในภาคผู้หญิงด้วย
เบื้องหลังรอยยิ้มของโมนาลิซ่า
ภาพเขียนของโมนาลิซ่านั้นขึ้นชื่อมากเรื่อง “รอยยิ้ม” รอยยิ้มของเธอลึกลับและเต็มไปด้วยความซับซ้อน ซึ่งอาจจะเป็นเทคนิคภาพสีน้ำมันของลีโอนาร์โด ดาวินชีนี่เอง เป็นเวลากว่า 500 ปี ที่ผู้คนเฝ้าถกเถียงกันว่า... ตกลงแล้ว เธอยิ้มหรือไม่ เธอมีความสุขหรือโศกเศร้า หรือกำลังหัวเราะเยาะใครอยู่ ศาสตราจารย์มาร์กาเร็ต ลีฟวิ่งสโตนแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุว่า “ด้วยเทคนิคภาพวาดแบบความถี่เชิงพื้นที่ต่ำ” ที่ดาวินชีใช้ ทำให้ภาพนี้ส่งผลต่อความรู้สึกของคนมอง ทำให้พวกเขารู้สึกว่า... โมนาลิซ่ากำลังยิ้มให้ ต่อมาในปี ค.ศ. 2005 นักวิจัยชาวดัชต์ได้ใช้เครื่องมือตรวจจับอารมณ์กับภาพ และเปิดเผยว่า อารมณ์ของภาพโมนาลิซ่ามีหลากหลายมาก คือมีความสุข 83% รังเกียจขยะแขยง 9% หวาดกลัว 6% และโกรธ 2% อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่านได้วิเคราะห์ว่า รอยยิ้มของเธอเปลี่ยนไปได้ตามตำแหน่งการมอง แล้วแต่มุมที่ผู้ชมยืนอยู่ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในภาพ สร้างความแตกต่าง และทำให้ผู้ชมประหลาดใจ
ภาพเขียนที่ใครๆ ก็อยากไปชม เก็บรักษาที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ฝรั่งเศส
รหัสลับซ่อนอยู่ในภาพ
จากการตรวจสอบด้วยเทคนิคขั้นสูงของคณะกรรมการมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติประจำอิตาลี (National Committee for Cultural Heritage) พวกเขาพบรหัสมากมายในภาพเขียนชิ้นนี้ เบื้องหลังดวงตาขวาของโมนาลิซ่า มีตัวอักษร LV ซ่อนอยู่ ซึ่งน่าจะหมายถึงตัวย่อของชื่อ ลีโอนาร์โด ดาวินชี เจ้าของภาพ ส่วนในตาซ้าย เชื่อกันว่า มีตัวอักษร CE หรืออาจเป็นตัว B ก็ได้เช่นกัน ส่วนที่สะพานมีตัวเลข 72 หรือไม่ก็ตัวอักษร L ตามด้วยเลข 2 ที่ตรงช่องโค้งของสะพาน หลายคนจึงสงสัยว่า... แท้จริงแล้ว ลีโอนาร์โด ดาวินชีต้องการสื่ออะไรผ่านดวงตาคู่นั้นของเธอ
ความจริงของสะพานที่ไม่มีใครรู้จัก
ด้านหลังศีรษะของโมนาลิซ่าเป็นเงารอบๆ กรอบหน้า เราจะมองเห็นโค้งของสะพานสามสะพาน ที่นักวิจารณ์ใช้ชื่อว่าดินแดนแห่งความลึกลับ นักประวัติศาสตร์ชาวอิตาเลียน คาร์ลา กลอริ เชื่อว่าสะพานที่อยู่เหนือไหล่ซ้ายของโมนาลิซ่าคือสะพาน Ponte Gobbo หรือ Ponte Vecchio แปลว่าสะพานเก่า ทำเลที่ตั้งอยู่ใน Bobbio หมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนใต้ของปีอาเซนซ่า ซึ่งตั้งอยู่ทางอิตาลีตอนเหนือ กลอริยังระบุต่อด้วยว่ามีตัวเลข 72 อยู่ตรงสะพานหิน เธอเชื่อว่าตัวเลขนี้มาจาก ค.ศ. 1472 ซึ่งเป็นปีที่เกิดภัยพิบัติน้ำท่วม แม่น้ำเทรบเบียน้ำเอ่อล้นสูงจนทำลายสะพานหลายๆ แห่งใน Bobbio และเธอมั่นใจว่าลีโอนาร์โด ดาวินชีต้องการบันทึกประวัติศาสตร์นี้ไว้ผ่านทางภาพวาดของเขา
สายตาของโมนาลิซ่ามองตามไปทุกที่
เป็นเรื่องน่าแปลกมากที่ผู้ชมภาพวาดมักจะรู้สึกว่าสายตาของโมนาลิซ่ามองตามตัวเองไปทุกๆ จุด ไม่ว่าจะอยู่ที่มุมไหนของห้อง ไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหน เมื่อหันมาก็จะสบตากับเธออยู่เสมอ เชื่อกันว่าแสงและเงาในภาพทำให้เกิดความเป็นสามมิติ จนทำให้ไม่ว่ามองจากมุมไหน ก็เห็นภาพในแบบเดียวกัน มหาวิทยาลัยโอโฮโอได้ทำการวิเคราะห์ และให้ข้อสรุปตามหลักวิทยาศาสตร์ว่า ภาพวาดโมนาลิซ่ามีความสมจริงและมีความลึก ทั้งในแง่แสงและเงา จึงทำให้ผู้ดูรู้สึกเหมือนกำลังมองใบหน้าของคนจริงๆ นั่นเอง
ภาพเขียนที่ซ้อนอยู่
นักวิทยาศาสตร์ในแคนาดาได้ลองสำรวจภาพด้วยรังสีอินฟราเรดและเลเซอร์ ในปี ค.ศ. 2006 และพบภาพสเก็ตช์อีกภาพเบื้องหลังภาพวาดโมนาลิซ่า ซ่อนอยู่ระหว่างนิ้วกลางและมือซ้ายของเธอ รวมถึงยังพบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ลูกไม้ที่เป็นระบายของชุด ตลอดจนผ้าคลุมที่ปิดหน้าท้องของเธอ ภาพวาดทั้งหมดที่ซ่อนอยู่มีมากถึง 4 ภาพ ภาพที่ชัดที่สุดเป็นภาพของหญิงสาวอายุน้อยที่มีใบหน้าเล็กเรียว และเรียวปากหุบสนิทไร้รอยยิ้ม อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร มีที่มาอย่างไร
โมนาลิซ่าเอามือประคองท้องเอาไว้ หรือเธอจะท้อง?
หรือโมนาลิซ่าจะกำลังท้อง?
ตามทฤษฎีที่เชื่อว่าโมนาลิซ่าเป็นภรรยาของจีโอกอนโด เชื่อว่าโมนาลิซ่าน่าจะกำลังท้องในช่วงเวลาที่ลีโอนาร์โด ดาวินชีวาดภาพของเธอ และเป็นลูกคนที่สอง บางที จีโอกอนโดอาจจะว่าจ้างดาวินชีให้วาดภาพภรรยาที่กำลังตั้งท้องก็ได้ ถ้าเราสังเกตจะพบว่า เธอวางมือซ้อนกันหลวมๆ ตรงหน้าท้อง และหน้าท้องของเธอค่อนข้างนูน นอกจากนี้ เรายังเห็นผ้าคลุมบนไหล่ของเธอ ผ้าคลุมลินินนี้ เป็นสัญลักษณ์ของหญิงตั้งครรภ์ในยุคนั้น
ทำไมทุกคนถึงบอกว่าโมนาลิซ่าสวย...?
ใครๆ ก็บอกว่าโมนาลิซ่าสวย ซึ่งจะว่ากันแล้ว มันเป็นเรื่องที่พูดยากมาก เพราะความสวยความงามนั้นมันแล้วแต่คนมอง แต่คนส่วนใหญ่ก็เชื่อกันว่าเธอสวยน่ะแหละ นักวิทยาศาสตร์มีเหตุผลอธิบายด้วย และนั่นคือ สัดส่วนบนใบหน้าของเธอนั่นเอง เชื่อกันว่าทั้งความกว้างความยาวนั้นอยู่ในสัดส่วนที่พอดี ทำให้ใบหน้าของเธอสมมาตรกัน เทคนิคนี้เรียกว่า อัตราส่วนทองมหัศจรรย์ หรือ Golden Ratio ที่เป็นเทคนิคทางคณิตศาสตร์ เป็นการคำนวณที่พอดิบพอดี เราขออธิบายคร่าวๆ ว่าดาวินชีใช้เทคนิคที่เรียกว่า ฟี (Phi) ซึ่งเป็นค่าคงที่ของธรรมชาติที่มีคุณสมบัติที่น่าทึ่งหลายประการ แต่คุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุด ของ Phi ก็คือ Phi มีความเกี่ยวพัน กับลำดับเลขฟีโบนักชี (มีกล่าวถึงในนิยายเรื่องดาวินชีโค้ดด้วย) ถ้าเราเอาเลขฟีโบนักชีตัวใดตัวหนึ่งมา แล้วหารด้วยเลขฟีโบนักชี ในลำดับที่มาก่อนหน้าหนึ่งตำแหน่ง มักจะได้ผลหารเท่ากับหรือใกล้เคียงกับ Phi หรือ 1.618… เสมอ ตัวฟีนี้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ และสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งศาสตร์สัญลักษณ์ในวงการศิลปะ สถาปัตยกรรมต่างๆ เช่น พีระมิดอียิปต์ วิหารพาร์เธนอน ดนตรี เกลียวสับปะรด หลุมดำ ฯลฯ และด้วยความที่ภาพของโมนาลิซ่าใช้วิธีนี้ ทำให้ใบหน้าของเธอสมดุลและงดงาม
โมนาลิซ่าอาจจะป่วย
ยังมีความลับอีกอย่างเบื้องหลังภาพวาดที่น่าสนใจมากๆ นั่นคือ โมนาลิซ่าน่าจะป่วยอยู่ ผู้เสนอแนวคิดนี้คือ ดร. แมนดีพ อาร์ เมห์รา เขาบอกว่ามีรายละเอียดไม่เหมาะสมในภาพ เช่น ผิวที่ซีดเซียว ผมที่แห้งและบาง รวมถึงรอยยิ้มบิดเบี้ยว เมห์ราประจำอยู่ที่สถาบันหัวใจและหลอดเลือด เขาวิเคราะห์ภาพตามมุมมองของหมอ และระบุว่า ใบหน้าของโมนาลิซ่าสื่อถึงอาการเจ็บป่วยอย่างชัดเจน ตาซ้ายที่ดูไม่สดใส ผมที่ลีบบาง เส้นผมแนบไปกับใบหน้า ไม่มีคิ้ว รอยนูนที่นิ้วชี้ ผิวของเธอซีดเซียวถึงขั้นดูเหลืองแห้ง และลำคอก็โป่งออกมา จนดูน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของโรคไทรอยด์ นายแพทย์เชื่อว่ารอยยิ้มของเธอบอกความอ่อนแรง เพราะกล้ามเนื้อนั้นอ่อนล้า นายแพทย์สรุปว่า โมนาลิซ่าน่าจะป่วยเป็นโรค hypothyroidism หรือไทรอยด์ขาดฮอร์โมน เขาได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมและพบว่า... ผู้หญิงในยุคนั้นขาดไอโอดีนเยอะมาก และไอโอดีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเรื่องการทำงานของไทรอยด์ นายแพทย์ผู้นี้ได้ปิดท้ายว่ารอยยิ้มของโมนาลิซ่าไม่ได้ลึกลับอะไรหรอก แต่น่าจะเป็นรอยยิ้มอ่อนเพลียของคนพักผ่อนไม่พอมากกว่า
ทีมงานนักเขียนเด็กดี
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://listverse.com/2018/12/25/10-mysteries-surrounding-leonardo-da-vincis-mona-lisa/
https://www.leonardodavinci.net/the-mona-lisa.jsp
https://en.wikipedia.org/wiki/Mona_Lisa
https://travel.nine.com.au/2019/01/14/10/00/mona-lisa-eyes-myth-debunked-scientists
1 ความคิดเห็น
ขอบคุณ