7 เรื่องผีๆ สำหรับเด็กจาก
'Scary Stories To Tell In The Dark'
หนังสือรวมเรื่องผีที่อ่านแล้วต้องอึ้ง!
สวัสดีนักอ่านชาวเด็กดีทุกคนค่ะ ในปี 2019 นี้ มีหนังสือสำหรับเด็กที่นำไปสร้างเป็นหนังและกำลังจะเข้าฉายในเดือนสิงหาคมอยู่เรื่องหนึ่ง เป็นหนังผีสำหรับเด็กที่เรื่องราวไม่เด็กเลยสักนิดในความคิดของพี่ หนังเรื่องนี้สร้างมาจากหนังสือรวมเรื่องผีสำหรับเด็กเรื่อง Scary Stories to Tell in the Dark ซึ่งเป็นหนังสือขายดีของ Alvin Schwartz ที่มีเรื่องราวชวนขนหัวลุกเล่าต่อกันยาวถึงสามเล่ม และแต่ละเล่มมีราวๆ ยี่สิบกว่าเรื่องได้ ซึ่งพี่แนนนี่เพนอยากนำเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีสำหรับเด็ก เน้นเลยว่าสำหรับเด็ก! มาเล่าสู่กันฟังให้น้องๆ ชาวเด็กดีได้รู้จักกัน มาดูกันว่าจะมีเรื่องราวสยองขวัญแบบไหนบ้าง
เรื่องเล่าในความมืด คือตำนานที่มาพร้อมกับภาพวาดอันน่ากลัว
ต้องย้อนกลับไปเล่าก่อนว่าหนังสือเรื่อง 'Scary Stories to Tell in the Dark' หรือเรื่องเล่าในความมืดเล่มนี้ มีด้วยกันทั้งหมดสามเล่ม แต่ละเล่มผู้เขียนอย่าง Schwartz ใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีในการศึกษาหาข้อมูลและจดบันทึกไว้เป็นอย่างดี อาจกล่าวได้ว่าเรื่องผีสำหรับเด็กแทบทุกเรื่องของผู้เขียน มีพื้นฐานมาจากความเชื่อตามคติชนวิทยา คือ เป็นเรื่องราวกึ่งตำนานพื้นบ้านและกึ่งตำนานเมือง (Urban Legend) เช่น เด็กขุดนิ้วเท้าไปกินและผีมาตามเอาคืน หรือเป็นเรื่องที่มีแมงมุมออกมาจากผิวหนังของเด็ก โดยหลังจาก Schwartz ออกเล่มแรกในปี 1981 แล้ว เขาก็เขียนเรื่อง More Scary Stories to Tell in the Dark และ Scary Stories 3: More Tales to Chill Your Bones ออกมาต่อเนื่องกัน จนกลายเป็นหนังสือรวมเรื่องผีสำหรับเด็กที่ฮิตกันมากในยุค 80-90 ซึ่งในหนังสือทั้งสามเล่มมีเรื่องราวชวนขนหัวลุกราว 29 เรื่อง และทุกเรื่องได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานแทบทั้งสิ้น
Scary Stories to Tell in the Dark เป็นผลงานการเล่าเรื่องของ Schwartz ก็จริง แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบเรื่องสยองขวัญก็คือภาพประกอบนั่นเอง ฝีมือลายเส้นสุดสยองขวัญจากเรื่องผีๆ ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของ Stephen Gammell ที่วาดภาพได้ชวนสยองและไม่น่ามองเป็นที่สุด (สำหรับคนกลัวผี) จนได้รับความเห็นว่าภาพวาดเหล่านี้ไม่เหมาะกับเด็กเลยสักนิด เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าเรื่องผีสำหรับเด็กอันโด่งดังนี้จะมีเรื่องราวเป็นแบบไหนกันบ้าง
7 เรื่องผีๆ สำหรับเด็กที่ชวนสยองขวัญยิ่งกว่าเรื่องของผู้ใหญ่
1. THE RED SPOT
"จุดแดง" เป็นเรื่องเล่าในความมืดจากคอลเลกชัน Scary Stories เล่มสามที่โหดร้ายมากเกินกว่าจะเป็นนิทานสำหรับเด็ก ยิ่งถ้าใครที่กลัวพวกสัตว์ตัวเล็กหรือแมลงอยู่แล้ว เรื่องจุดแดงจะทำให้คนขวัญผวาจนหวาดกลัวความมืดที่มองอะไรไม่เห็นได้แน่นอน ไอเดียเรื่องจุดแดงมาจากการที่เรานอนหลับอยู่ดีๆ ก็มีแมงมุมออกมาจากใบหน้านั่นเอง คนเขียนได้ใส่รายละเอียดของเรื่องราวลงไปให้ชวนขนหัวลุกมากขึ้นด้วยการเล่าถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับในค่ำคืนหนึ่ง บนเตียงของเธอมีแมงมุมตัวใหญ่คลานไปมา และหยุดอยู่ที่แก้มซ้ายของเธอ หญิงสาวถูกแมงมุมกัดบนใบหน้า และทิ้งรอยแดงเป็นจุดเล็กๆ เอาไว้ จากนั้นจุดแดงก็เริ่มขยายกว้างขึ้นและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่ากลัว จนในที่สุดก็มีลูกแมงมุมนับสิบตัวออกมาจากจุดแดงและไต่อยู่บนใบหน้าของเธอ.. เรื่องราวคงไม่ได้น่าสนใจเหมือนสไปเดอร์แมนปล่อยใยแมงมุมออกมาหรอกใช่ไหม? ใครจะอยากเจอแมงมุมมาไต่อยู่บนหน้ากันล่ะ แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว
2. THE BABYSITTER
"พี่เลี้ยง" หรือคนรับจ้างดูแลเด็ก เป็นหนึ่งในตำนานที่มีอิทธิพลและมีชื่อเสียงมากที่สุด จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง Slasher ซึ่งเป็นหนังเชือดแนวฝรั่งที่ฮิตทุกยุคทุกสมัย โดยเรื่องราวในความมืดเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าสุดคลาสสิกที่เล่าถึงหญิงสาวซึ่งเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เธอได้รับโทรศัพท์ปริศนาที่โทรเข้ามาและถามว่า "เธอได้ตรวจดูเด็กๆ หรือยัง?" เสียงพูดของคนในสายเต็มไปด้วยการคุกคามและการข่มขู่ จากนั้นเขาก็โทรมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนหญิงสาวนึกหวาดกลัวและตัดสินใจโทรหาตำรวจ เมื่อตำรวจตรวจสอบและติดตามข้อมูลจนเจอตัวคนร้าย พวกเขาพูดคำที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัวตลอดกาลออกมาว่า "ออกจากที่นั่นเดี๋ยวนี้! สายมาจากชั้นบนของบ้าน!" และเรื่องราวก็จบลงตรงที่มีฆาตกรโรคจิตอยู่ชั้นบนของบ้านจริงๆ เขาต้องการฆ่าเด็กๆ และพี่เลี้ยง
3. THE THING
เหตุการณ์ชวนขนหัวลุกในคืนนี้ เล่าถึงเรื่องราวของเด็กชายสองคนที่ออกเที่ยวรอบๆ เมืองในช่วงวันหยุดฤดูร้อน กระทั่งคืนหนึ่ง ขณะที่เด็กทั้งสองคนกำลังนั่งเล่นอยู่บนรั้ว เด็กชายคนหนึ่งสังเกตเห็นคนที่น่ากลัวเหมือนผียืนอยู่ท่ามกลางความมืด แต่เมื่อพวกเขามองหาอีกครั้งกลับไม่เจอใครเลย และทันใดนั้น คนที่มีร่างกายเน่าเปื่อยก็ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ใกล้ๆ เด็กชายทั้งสอง ร่างกายของคนน่ากลัวมีเนื้อที่เน่าเปื่อยจนเห็นกระดูก มันคว้าแขนของเด็กชายคนหนึ่งไว้ได้ก่อนที่พวกเขาจะต่อสู้และวิ่งหนีไป ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากเด็กทั้งสองคนหนีไปได้แล้ว เด็กคนที่เคยสัมผัสกับร่างของคนน่ากลัว ตอนนี้เนื้อของเด็กชายเน่าเปื่อยเหมือนเนื้อของคนที่เคยสัมผัสเขาในคืนนั้น
4. IS SOMETHING WRONG
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้กลายมาเป็นเรื่องน่ากลัวได้ยังไง แต่ภาพประกอบจากฝีมือของ Gammell ก็ทำให้เรื่องเล่านี้น่ากลัวขึ้นมาได้ IS SOMETHING WRONG เป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่งัดเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งเพื่อหาที่พักหลังจากรถของเขาพัง และเขาก็เจอผีอยู่ในบ้านหลังนั้น! ด้วยความกลัว เขาวิ่งออกจากบ้านเพื่อหนีผีตนนั้นสุดชีวิต และในที่สุดเขาก็หยุดวิ่งวิ่งและหันมาถามผีที่ยังตามเขามาว่า "โทษนะ มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?"..
5. JUST DELICIOUS
"ตับของฉันอยู่ไหน" เป็นเรื่องราวสยองขวัญที่ชวนขนหัวลุกที่มีพื้นฐานมาจากนิทานพื้นบ้านเก่าแก่เรื่องหนึ่งในนิวยอร์ก เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ขโมยตับของศพนำมาปรุงเป็นอาหารให้สามีกิน.. เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในคืนหนึ่งระหว่างมื้อดินเนอร์ ภรรยาสาวเอาตับจากศพของหญิงสาวที่นอนโดดเดี่ยวอยู่ในโลงมาทำเป็นอาหารให้สามีกิน หลังจากที่เธอแอบกินตับของสามีที่ซื้อมาเก็บไว้ทำมื้อเย็น และในคืนนั้นผีหญิงสาวที่ชายหนุ่มกินตับไปก็มาตามหาตับของเธอ หญิงสาวหวาดกลัวและประสาทหลอน จนยอมสารภาพเรื่องทั้งหมดกับสามีของตัวเอง จากนั้นชายหนุ่มผู้เป็นสามีก็ลงมือฆ่าภรรยาสาวด้วยความโกรธ และชดใช้ตับที่หายไปด้วยศพของเธอ!
6. THE DREAM
การต้องอยู่ไกลบ้านคือความกลัวในวัยเด็กที่คลาสสิคและเป็นเรื่องที่นำมาเล่นได้ง่าย ใน THE DREAM จึงเล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องห่างจากบ้านเพื่อตามหาความฝัน และความฝันของเธอคือการตามหาบุคคลลึกลับและห้องอันมืดมิด.. หญิงสาวในฝันของเธอเตือนเธอให้ออกห่างจากห้องที่เธออาศัยอยู่ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอก็ทำตามที่หญิงสาวในฝันบอกทันที เธอมุ่งหน้าไปเมืองดอร์เซ็ตตามคำแนะนำของเจ้าของที่ดิน เมื่อเธอเดินทางไปถึงที่นั่น เธอได้ห้องเหมือนกับที่เธอเคยฝันเอาไว้ และเมื่อเจ้าของที่ดินมาเคาะประตู เธอเปิดประตูและเจอเข้ากับผู้หญิงที่น่ากลัวในฝันคนนั้น
7. THE BIG TOE
เรื่องสยองขวัญเรื่องนี้เล่าถึงเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ขุดเจอเจอนิ้วเท้าแถวสวนในบ้าน และเขากับครอบครัวก็กินนิ้วเท้านั้นเป็นอาหาร.. เรื่องมันเริ่มมาจากที่เด็กชายไปขุดสวนแถวบ้านแล้วบังเอิญเจอนิ้วเท้าโผล่ขึ้นมา เด็กชายพยายามหยิบมันขึ้นมาแต่ไม่สามารถดึงมันออกมาได้ เด็กน้อยใช้กำลังสุดแรงเกิดจนนิ้วเท้าหลุดติดมือออกมา จากนั้นเด็กชายก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญร้องไห้ และวิ่งหนีไปจากสวนแห่งนี้ เด็กชายนำนิ้วเท้าใหญ่ไปให้แม่ของเขา และแม่ของเด้กชายก็นำนิ้วเท้ามาทำเป็นซุปเพื่อทานมื้อเย็น พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกแบ่งชิ้นเนื้อกินด้วยกันอย่างมีความสุข แต่พอตกดึกเด็กชายก็ได้ยินเสียงที่ก่อกวนเขาตลอดทั้งคืนจนเด็กชายขวัญผวาและหลับไม่ลง "นิ้วเท้าของฉันอยู่ไหน!?"
นี่เป็นเพียงเรื่องสั้นเล็กๆ น้อยๆ พร้อมภาพประกอบเรื่องราวที่ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมหนังสือเรื่องผีสำหรับเด็กเรื่อง Scary Stories to Tell in the Dark จึงเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมอย่างมากจนได้รับเลือกให้ไปสร้างเป็นหนังผีสำหรับเด็ก.. พี่แนนนี่เพนรู้มาว่าหนังที่จะเข้าฉายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เป็นหนังที่นำเรื่องสั้นเหล่านี้มาร้อยเรียงต่อกันจนเป็นเรื่องราวขึ้นมา โดยมีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเป็นคนแก้ไขปริศนาลึกลับและการตายของคนในเมืองเล็กๆ ที่พวกเขาอาศัยอยู่ ท่ามกลางความมืดมิด.. ซึ่งเรื่องราวจะเป็นไปในทิศทางไหนนั้น ก็อยากให้รอชมกันดู แต่ระหว่างนี้ก็อยากชวนให้นักอ่านชาวเด็กดีไปตามเรื่องผีๆ ที่เหลือมาลองอ่านเล่นกันดูก่อนค่ะ รับรองว่าภาพประกอบรวมกับเรื่องเล่าเหล่านั้น จะทำให้เราขนหัวลุกได้แน่นอน
พี่แนนนี่เพน
https://en.wikipedia.org/wiki/Scary_Stories_to_Tell_in_the_Dark
http://www.scaryforkids.com/
https://read.innersplendor.com/guillermo
2 ความคิดเห็น
มีฉบับแปลให้อ่านไหมคะ
ขอบคุณ