Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

DUMBO ลูกช้างบินได้ของดิสนีย์ที่เต็มไปด้วยความมืดหม่น


น้องๆ ยังจำ 'เจ้าดัมโบ้' ช้างน้อยบินได้จากการ์ตูนของดิสนีย์กันได้ไหมเอ่ย? ล่าสุดดิสนีย์พาเจ้าช้างน้อยสุดแสนจะน่ารักในวัยเด็กของเราคัมแบคสู่จอภาพยนตร์ในรูปแบบของคนแสดงแล้วนะคะ พี่แนนนี่เพนจำได้ว่าตอนเด็กๆ เคยดูเจ้าดัมโบ้อยู่ครั้งหนึ่ง ตอนดูการ์ตูนเรื่องนี้ก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่โดยรวมก็สนุกดีค่ะ ทำให้เราซาบซึ้งกับความรักของแม่ได้ดีมากๆ จนเมื่อโตขึ้นและได้กลับมาดูการ์ตูนเรื่องนี้อีกครั้ง เจ้าดัมโบ้ในสายตาของพี่ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่สถานการณ์และเรื่องราวภายในการ์ตูน ทำให้พี่มองการ์ตูนเรื่องนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.. แน่นอนว่าแก่นแท้ของดัมโบ้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก แต่เรื่องการเหยียดเชื้อชาติ การบูลลี่ การทารุณสัตว์ และของมึนเมา ก็เป็นเรื่องที่พี่เพิ่งสังเกตเห็นและอยากนำมาเล่าสู่กันฟังในบทความนี้ค่ะ.. 


 

ดัมโบ้เป็นการ์ตูนเด็กที่เศร้าที่สุด เพราะโตมากับดิสนีย์ 

หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าการ์ตูนของดิสนีย์ส่วนใหญ่นั้น สร้างมาจากนิทานหรือตำนานเก่าๆ แทบทุกเรื่อง รวมถึงการ์ตูนเรื่อง ดัมโบ้ (DUMBO) ก็ดัดแปลงมาจากนิทานสำหรับเด็กเช่นเดียวกัน ต้นฉบับของดัมโบ้มาจากนิทานภาพแบบม้วนเรื่อง Roll-A-Book ที่เขียนโดยเฮเลน อเบอร์สัน และวาดภาพประกอบโดยแฮโรลด์ เพิร์ล เนื้อหาของนิทานเล่าถึง ดัมโบ้ ลูกช้างเกิดใหม่จากแม่ช้างคณะละครสัตว์ที่ชื่อว่า จัมโบ้ เจ้าลูกช้างเกิดมามีหูโตผิดปกติ ดัมโบ้ถูกพรากจากแม่ตั้งแต่ยังเด็กทำให้ถูกรังแกจากสัตว์ตัวอื่นเสมอ เพื่อนในคณะละครสัตว์เพียงตัวเดียวของดัมโบ้ที่คอยช่วยเหลือทุกอย่างก็มีเพียงเจ้าหนูตัวเล็กที่ชื่อ ทิโมที คิว. เมาส์ เท่านั้น วันหนึ่งดัมโบ้ค้นพบว่าหูที่โตผิดปติของตัวเองสามารถกระพือบินได้ เจ้าช้างน้อยจึงฝึกบินให้คล่อง และถูกคณะละครสัตว์สร้างให้เขากลายเป็นดาวเด่นในไม่ช้า.. 

เมื่อดัมโบ้ถูกนำมาสร้างเป็นการ์ตูนแอนิเมชัน ดิสนีย์ได้สร้างดัมโบ้ที่สุดแสนจะน่ารักออกมาท่ามกลางสังคมและสภาพแวดล้อมอันหดหู่ ดัมโบ้กลายเป็นตัวละครที่โดดเดี่ยวและกำพร้าเช่นเดียวกับตัวละครอื่นๆ ในการควบคุมของดิสนีย์ ลูกช้างที่มีหูผิดปกติ ต้องต่อสู้ดิ้นรนท่ามกลางสังคมที่ไม่ยอมรับความแตกต่าง เราในตอนเด็กอาจจะมองไม่เห็นว่าเรื่องราวมันหนักสาหัสแค่ไหน เพราะเราเห็นแค่ความสดใสของดัมโบ้ และฉากเศร้าเรียกน้ำตาเพียงไม่กี่ฉาก เราเสพเนื้อเรื่องของลูกช้างกำพร้าแม่ที่ในท้ายที่สุดก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง มีปลายทางที่เต็มไปด้วยความสุข โดยลืมมองว่าระหว่างทางของลูกช้าง ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง และสังคมที่เขาอยู่เป็นแบบไหน.. มาดูกันดีกว่าว่าดิสนีย์ทำอะไรกับดัมโบ้บ้าง

อย่ามองข้ามความเป็นมนุษย์ของใคร

หากใครจำตอนเปิดเรื่องดัมโบ้ได้ จะเห็นขบวนรถไฟหน้าตายิ้มแย้ม และการก่อตั้งคณะละครสัตว์ที่มีเหล่าคนงานผิวดำเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อสร้างทั้งหมด คนงานเหล่านี้ไม่มีหน้าตาให้เราได้ทำความรู้จัก เป็นเหมือนตัวประกอบที่มีหน้าที่เพียงขุดดิน ตอกเสา ตั้งเต้นท์ แล้วก็ร้องเพลง Song of the Roustabouts ตลอดการทำงาน เสมือนว่าพวกเขามีความสุขที่ได้ทำงานหนักท่ามกลางสายฝน ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อเพลงในสามท่อนแรกที่ร้องว่า 'เราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เราไม่เคยเรียนทั้งเขียนและอ่าน เราสุขใจที่ได้เป็นกรรมกร..' จากเนื้อเพลง ทำให้เราเห็นสภาพแวดล้อม และความเป็นอยู่ของชนชั้นแรงงานที่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา ไม่สามารถหยุดพักได้ ไม่มีความรู้ความสามารถที่จะนำไปต่อยอดอาชีพในอนาคตได้ คำว่า เราสุขใจที่ได้เป็นกรรมกร จึงเป็นเหมือนคำปลอบใจที่โหดร้ายที่สุด เป็นการกดดันให้คนชนชั้นแรงงานรับสภาพตามที่พวกเขาเป็นอยู่ เมื่อเรายังเด็กอาจจะเข้าใจว่าการทำงานของคนงานเหล่านี้เป็นความสามัคคีสมัครสมาน จึงไม่ได้สนใจการทำงานหนักท่ามกลางสายฝน เราไม่ได้มองเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวคนงานเหล่านี้เลย เรามองเห็นเพียงตัวละครที่ขับเคลื่อนเรื่องราวเท่านั้น 

อย่าเห็นว่าการทารุณสัตว์เป็นเรื่องสนุก

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน เราได้เห็นแม่ช้างจัมโบ้ กับลูกช้างดัมโบ้ ช่วยกันลากไม้ให้คนงานใช้ในการก่อสร้างท่ามกลางการกระหน่ำของสายฝน พร้อมบทเพลงปลอบใจของเหล่าคนงานที่มีจังหวะดนตรีสนุกสนาน ดังกลบความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในคณะละครสัตว์แห่งนี้.. หากเราตัดมุมมองที่ว่าคณะละครสัตว์สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมได้มากแค่ไหนออกไป เราจะเห็นว่าสัตว์ทุกตัวมีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง การถูกฝึกเพื่อสร้างความบันเทิง ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์รูปแบบหนึ่ง ลองคิดดูว่าการจะฝึกสัตว์ตัวหนึ่งให้เชื่อง จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหน ต้องมีเทคนิค เคล็ดลับหลากหลายวิธีในการหลอกล่อ แต่คณะละครสัตว์นั้น หากสัตว์ตัวใดไม่สามารถฝึกฝนจนเชี่ยวชาญได้ การทำให้สัตว์กลัวก็เป็นแรงกระตุ้นอย่างหนึ่งที่ทำให้สัตว์เชื่อง และทำตามคำสั่งอย่างว่านอนสอนง่าย นี่จึงเป็นอีกด้านหนึ่งที่ตอนเรายังเด็ก เรามองข้ามความเป็นจริงในส่วนนี้ไป เรารู้สึกสนุกทุกครั้งที่เห็นกายกรรม หรือโชว์พิเศษต่างๆ จนลืมไปว่าสัตว์เหล่านี้ต้องทรมานและเหนื่อยแค่ไหนจากการสร้างความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้เรา ที่ผ่านเข้ามาชมเพียงชั่วคราว แต่พวกมันต้องแสดงซ้ำๆ อยู่แบบนี้ ตลอดไป


แม่ช้างจัมโบ้ถูกกักขังในกรงแคบๆ และถูกล่ามโซ่ไว้กันหนี

อย่าทำร้ายใครเพียงเพราะความแตกต่าง 

แก่นเรื่องหลักของดัมโบ้คือความรักแน่นอนค่ะ เป็นความรักของแม่ที่มีต่อลูกอย่างแท้จริง ในการ์ตูนเราจะเห็นกันตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่าดัมโบ้ใช้ชีวิตในคณะละครสัตว์อย่างยากลำบาก เพราะหูที่โตผิดปกติทำให้ช้างน้อยไม่ได้รับการยอมรับจากสัตว์อื่นๆ รวมไปถึงฝูงช้างที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามดัมโบ้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครต้อนรับแห่งนี้ ก็ยังมีแม่ช้างจัมโบ้คอยดูแลและปกป้องอยู่ไม่ห่าง เธอปกป้องดัมโบ้จากนักแสดงละครสัตว์ และสัตว์อื่นๆ อยู่เสมอ จนกระทั่งดัมโบ้ถูกเด็กๆ ที่มาชมละครสัตว์เข้ามารังแก แม่ช้างจัมโบ้เลือกเข้าไปปกป้องลูกรัก ทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นช้างอันตรายที่กำลังคุ้มคลั่ง แม่ช้างจึงถูกจับไปขัง ถูกล่ามโซ่อยู่ในกรงขนาดเล็กที่ไม่มีอาหารหรือน้ำ และถูกพรากจากดัมโบ้.. หลังจากนั้นเมื่อดัมโบ้ค้นพบว่าตัวเองสามารถบินได้ด้วยการกระพือหูที่โตผิดปกติ เขาก็ถูกชาวคณะละครสัตว์บังคับให้กระโดดออกจากตึกสองชั้น ในขณะที่ไฟไหม้.. นี่เป็นฉากเริ่มต้นของการพรากแม่ลูกให้ออกห่างกัน และตัวละครต้องโดดเดี่ยว หรือกำพร้าตามสูตรของดิสนีย์เลยค่ะ ต่อไปนี้จะเป็นการเติบโตของลูกช้างด้วยตัวเองโดยปราศจากครอบครัว เขาต้องอยู่ในสังคมที่ไม่มีใครต้อนรับ และมีเพื่อนเพียงตัวเดียวก็คือเจ้าหนู ทิโมที คิว. เมาส์  


แม่ช้างจัมโบ้และลูกช้างดัมโบ้

การที่ดัมโบ้ถูกพรากจากแม่ตั้งแต่เด็กทำให้เขาคิดถึง และโหยหาความอบอุ่นอยู่เสมอ ความร่าเริงของดัมโบ้เป็นเพียงการแสดงออกเพื่อปิดกั้นความเหงาเท่านั้น แม้จะมีเพื่อนเป็นเจ้าหนูตัวเล็ก แต่เขาก็ยังต้องการพบแม่อีกครั้ง เราจะเห็นได้ว่าเจ้าหนูดัมโบ้เติบโตมาท่ามกลางความรักอันมากล้นของแม่ ราวกับไข่ในหิน เมื่อดัมโบ้เจอปัญหาในตอนเด็กๆ แม่ช้างจัมโบ้ก็จะวิ่งโร่เข้ามาปกป้องเขาเสมอ จนทำให้ดัมโบ้ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง เมื่อไม่มีแม่คอยปกป้อง เราจะเห็นว่าดัมโบ้ถูกกลั่นแกล้งจนน่าสงสารเพียงเพราะเขาแตกต่างจากสัตว์อื่นๆ แต่ช้างน้อยเติบโตมาด้วยความรักของแม่ ไม่ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน เขาก็มีความมุ่งมั่นและไม่ท้อยถอยเมื่อเจออุปสรรคถาโถมเข้ามา เชื่อว่าดัมโบ้หวังจะเจอแม่ช้างอีกครั้ง และปกป้องแม่ของมันด้วยกำลังของตัวเอง นี่จึงเป็นการเรียนรู้และการเติบโตตามฉบับการ์ตูนดิสนีย์ที่น่าจะอยากสอนให้เด็กๆ ทุกคนรู้จักพึ่งพาตนเอง และให้ความหวังกับตัวละคร รวมถึงคนดูว่าสุดท้ายแล้ว ความสุขที่หวังไว้จะต้องรออยู่ที่ปลายทางแน่นอน!


ช้างสีชมพู

อย่าหลงผิดในสิ่งที่คนอื่นมองว่าดี

ประเด็นที่น่าสนใจมากๆ ของดัมโบ้ก็คือ ขบวนพาเหรดช้างสีชมพู (The Pink Elephants on Parade) ที่อยู่ๆ ก็กลายมาเป็นจุดเด่นของการ์ตูนดิสนีย์เรื่องนี้ขึ้นมา ตอนเด็กเมื่อได้ดูฉากนี้ ยอมรับเลยว่ารู้สึกสนุกไปกับการเล่นสี และท่วงทำนองที่หลอนแบบแปลกๆ คิดว่าเจ้าดัมโบ้คงสนุกที่ได้เต้นไปเต้นมา แต่ไม่กี่วันก่อนพี่ได้มีโอกาสกลับมาดูฉากนี้อีกครั้ง ก็แอบรู้สึกหลอนๆ ขึ้นมาเหมือนกัน เพราะการที่เราเห็น 'ช้างเป็นสีชมพู' นั้นไม่ได้เป็นเรื่องของความสนุกเสมอไป การเห็นช้างสีชมพู เป็นถ้อยคำที่คนในศตวรรษที่ 20 ใช้เป็นสำนวนหรือใช้เรียกคนที่มีอาการประสาทหลอนจากอาการมึนเมา หรือจากอาการเพ้อคลั่งจากการเสพยา การที่ดิสนีย์ให้ดัมโบ้เสพของมึนเมาจนมีอาการเห็นช้างสีชมพู เป็นการนำเสนอที่สะท้อนแง่คิดได้หลากหลายแง่มุม หนึ่งคือ การหลงผิดของดัมโบ้ที่ขาดแม่ช้างจัมโบ้คอยชี้นำ สองคือการอยากรู้อยากลองของเด็กที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ และสามคือการนำเสนอความจริงว่าการเสพของมึนเมานั้น คนเสพรู้สึกอย่างไร สนุกสนาน หรือจมอยู่กับความทุกข์ ซึ่งในมุมมองของพี่คิดว่ามีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ดิสนีย์นำเสนอภาพออกมาเป็นช้างสีชมพู อาจจะด้วยเทคนิคในสมัยนั้นที่อยากลอง หรืออยากสร้างไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาก็ได้ อยู่ที่เราเลือกจวิเคราะห์ หรือมองเรื่องราวเหล่านี้ในมุมใด 

Clip

Pink Elephants on Parade

หรือจริงๆ แล้วการ์ตูนดิสนีย์ไม่ได้สร้างมาเพื่อเด็ก!? พี่แนนนี่เพนสงสัยเรื่องราวของดิสนีย์อยู่เสมอ จนกระทั่งค้นพบความจริงที่ว่า การ์ตูนนั้นอยู่ตามช่วงวัย แต่ความคิดนั้นโตตามวัย จึงไม่ผิดและไม่แปลกหากในวัยเด็กหลายๆ คนจะชื่นชอบเจ้าดัมโบ้เป็นอย่างมาก และก็ไม่แปลกเมื่อโตขึ้นแล้วกลับไปดูจะรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม สื่อบันเทิงทุกอย่างเป็นเรื่องราวของความสนุก ถ้าอยากจะคิดเยอะๆ จนปวดหัวแบบพี่ก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกัน สำหรับดัมโบ้ เจ้าช้างบินได้ยังเป็นเรื่องราวความรักระหว่างแม่ลูกที่พี่ประทับใจอยู่เสมอ และในอีกมุมหนึ่งก็ทำให้พี่ได้รู้อะไรหลายๆ อย่างเพิ่มขึ้น เช่นเราไม่ควรตัดสินใจเพียงเพราะเขาแตกต่าง ควรเคารพในความต่างและยอมรับการมีอยู่ของทุกคนบนโลกนี้อย่างเท่าเทียม นี่คือสิ่งที่พี่ได้เรียนรู้จากเรื่องของดัมโบ้ค่ะ

พี่แนนนี่เพน

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก

http://new-savanna.blogspot.com/2010/10/secrets-of-pink-elephants-revealed.html


Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture