รู้แล้วจะอึ้ง “จินนี่” เผย 5 คุณลักษณะคนรักที่ดี
ผ่าน “อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ” 

เชื่อว่าทุกคนในที่นี้รู้จัก “จินนี่” เจ้ายักษ์สีฟ้าแห่งอะลาดินกับตะเกียงวิเศษแน่นอน น้องๆ เชื่อมั้ย เห็นแบบนี้แล้ว     จินนี่ของเราคือนักจิตวิทยาวิวัฒนาการที่ยอดเยี่ยมนะ! เขาสามารถบอกได้เลยว่าเหตุใดคนเราถึงมีพฤติกรรมทางสังคมหรือพฤติกรรมความรักแบบนี้ โดยนำแนวคิดจากทฤษฏีวิวัฒนาการมาประยุกต์ใช้ 

ดูเหมือนว่าตลอดช่วงเวลายาวนานถึง 10,000 ปีที่จินนี่ถูกจองจำอยู่ในตะเกียงวิเศษ เขาได้อ่านหนังสือจิตวิทยาการเลือกคู่ครองมาซะเยอะ พออะลาดินถูตะเกียงเท่านั้นแหละ จินนี่จึงปรากฎตัวออกมาพร้อมเผยถึง 5   คุณลักษณะของคนรักที่ดีตามหลักจิตวิทยาผ่านบทเพลง “เจ้าชายอาลี” ของเขา ซึ่งพี่เห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจมาก เลยนำมาฝากน้องๆ ชาวเด็กดีในวันนี้ เผื่อใครคนไหนกำลังหาไอเดียสร้างพระเอกนิยายจะได้เก็บเกี่ยวนำไปใช้กันค่ะ เอาเป็นว่าถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยดีกว่า
 

สถานะทางสังคมมีผลต่อความสัมพันธ์

“ก้มลงพื้น ทำความเคารพน้อมจนแนบดิน!”
 

หากได้ฟังเพลงเจ้าชายอาลีจะพบว่า จินนี่เน้นย้ำสเตตัสการเป็น “เจ้าชายอาลี” ของอาละดินตลอดทั้งเพลง บอกเลยว่านี่ไม่ใช่การเน้นย้ำเล่นๆ นะคะ แต่มันมีเหตุผลซ่อนอยู่ต่างหาก จินนี่รู้ว่าการเป็น “เจ้าชาย” จะทำให้ผู้หญิงรู้สึกสนใจในตัวอะลาดินมากขึ้นไงล่ะ (จากการมโนของพี่น้ำผึ้งเอง) สาเหตุหลักๆ ก็คือ โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงมักถูกตาต้องใจผู้ชายที่มีสถานะสูงกว่าตัวเองค่ะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เรื่องนี้มีการทำวิจัยอย่างเป็นจริงเป็นจังเลยทีเดียว

ในการศึกษาผู้ชายจำนวน 21,973 คนในสหรัฐอเมริกาพบว่า ยิ่งสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของผู้ชายสูงมากเท่าไหร่ โอกาสในการแต่งงานของเขาก็จะยิ่งสูงขึ้น โดยนี่ปรากฎอยู่ในบทความ Driving a hard bargain: Sex ratio and male marriage success in a historical US population งานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับโอกาสการแต่งงานของผู้ชายในสหรัฐอเมริกา 

นอกจากนี้อีกหนึ่งงานวิจัยอย่าง Sex differences in human mate preferences: Evolutionary hypotheses tested in 37 cultures ยังพบอีกด้วยว่า ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จทางการเงินให้ความสำคัญกับคู่ครองที่มีฐานะทางการเงินที่ดี มีการศึกษาที่ดีและฉลาด พูดง่ายๆ ก็คือยิ่งผู้หญิงประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ สเปคของเธอยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าผู้หญิงมักชอบและอยากแต่งงานกับคนที่มีฐานะเท่าเทียมหรือสูงกว่าเธอ

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า...จินนี่รู้ว่าตำแหน่งของเจ้าหญิงจัสมินนั้นสูงกว่าอะลาดิน และอะลาดินจำเป็นจะต้องมีสถานะทางสังคมที่ดีในระดับใกล้เคียง (หรือดีกว่า) เธอ  ดังนั้นถ้าอยากให้อะลาดินสมหวังในความรัก เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานะอะลาดิน จากคนข้างถนนสู่เจ้าชายร่ำรวยเพื่อให้เทียบเคียงกับฐานะของจัสมิน เธอจะได้รู้สึกสนใจเขาไงล่ะ

 

 

ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งต้องตาใจสาวๆ

“แกร่งกว่าใคร คือผู้ยิ่งใหญ่ อาลี อาบับวา”
 

ณ จุดหนึ่ง จินนี่ร่ายเวทมนตร์ไปยังอะลาดิน ทันใดนั้นอะลาดินก็สามารถยกกลุ่มผู้ชายขึ้นเหนือหัวเขาได้! “หนุ่มสิบคนยังยกสบาย ช่างแข็งแรงจัง” จินนี่ร้องเพลงวนไป

“มัดกล้ามน่าดึงดูด” เป็นสิ่งที่งานวิจัย Costs and benefits of fat-free muscle mass in men: relationship to mating success, dietary requirements, and native immunity ได้กล่าวไว้ จากการศึกษาผู้ชายมากกว่า 7,000 คนพบว่า มวลกล้ามเนื้อและมัดกล้ามมีผลค่อความสัมพันธ์ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักต้องตาต้องใจผู้ชายกล้ามโต พีคยิ่งไปกว่านั้น นักวิจัยยังพบว่าความแข็งแกร่งของร่างกายผู้ชายสามารถทำนายจำนวนอดีตคนรักของเขาได้ด้วย!! อึ้งไปอีก 

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “ผู้ชายที่มีรูปร่างแข็งแรงมักประสบความสำเร็จในเรื่องคู่ครอง” ด้วย งานวิจัยนี้ชื่อว่า The relative importance of intra- and intersexual selection on human male sexually dimorphic traits ซึ่งทีมนักวิจัยบันทึกวิดีโอสั้นๆ ของผู้ชายที่แตกต่างกัน 157 คน จากนั้นให้ผู้ชายกลุ่มหนึ่งดูวิดีโอเหล่านี้และตอบคำถามว่า “มีโอกาสเป็นไปได้ไหมที่ผู้ชายคนนี้จะชนะการต่อสู้กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง?” ซึ่งคำตอบอยู่ในช่วง “มีโอกาสสูงมาก” ไปจนถึง “ไม่มีโอกาสเลย” ขณะที่กลุ่มผู้หญิงเองก็ได้ชมวิดีโอนี้เช่นกัน โดยพวกเธอต้องตอบคำถามว่า “ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ระดับไหน?” และคำตอบจะอยู่ในช่วง “ไม่น่าดึงดูดเลย” ไปจนถึง “ดึงดูดใจมาก” 

18 เดือนต่อมา คนในวิดีโอได้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับประวัติทางเพศของพวกเขาในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ทั้งหมดช่วยให้นักวิจัยค้นพบว่า แท้จริงแล้วผู้ชายแข็งแรงและมีมัดกล้ามมักประสบความสำเร็จในเรื่องคู่ครองมากกว่าผู้ชายที่ดูดีเฉยๆ 

“ผู้ชายที่มีความโดดเด่นทางกายภาพ แม้ไม่มีเสน่ห์แต่ก็ประสบความสำเร็จในเรื่องคู่ครองมากกว่าผู้ชายที่ดูภายนอกไม่แข็งแรง” นักวิจัยสรุป ดังนั้นพี่จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจินนี่ถึงได้เอาแต่โพนทะนาความแข็งแรงแข็งแกร่งของอาละดินให้ชาวบ้านรับรู้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เจ้าหญิงจัสมินรู้สึกสนอกสนใจในตัวอะลาดินมากขึ้นไงล่ะ!

 

 

ผู้หญิงมักตกหลุมรักคนใจดี

“เจ้าลิงน้อยเก้าสิบตัว พันธุ์ขาวเปอร์เซีย
ข้ามีเลี้ยงไว้ให้ดู ตามชอบใจ
(เจ้าชายที่ดี แสนดีเหลือเกิน)”
 

ในท่อนนี้ อะลาดินโปรยทองมากมายให้แก่ชาวเมืองอาร์กาบาห์ราวกับว่าเป็นจินนี่ แต่ก็นั่นแหละ มันแสดงให้เห็นว่าเขาเป็น “เจ้าชายที่ดี แสนดีเหลือเกิน” จริงๆ แถมยังใจกว้างอีกด้วยนะ ดูสิแจกเงินแจกทองใหญ่เลย ร่ำรวยไปอีก

เมื่อพูดถึงเรื่องความใจกว้าง เจฟฟรีย์ มิลเลอร์ นักจิตวิทยาวิวัฒนาการเคยเขียนไว้ในงานวิจัย Sexual selection for moral virtues ของเขาว่า คุณธรรมเชิงจริยธรรมเช่นความมีน้ำใจ ความเอื้ออาทร และความกล้าหาญ อาจมีวิวัฒนาการมาจากการเลือกคู่ครอง พูดอีกอย่างก็คือ บรรพบุรุษของเรามีส่วนสำคัญต่อระดับศีลธรรมของเรา หากว่าบรรพบุรุษหญิงของเราเลือกคู่ครองที่มีจิตใจเมตตา ความมีเมตตานั้นก็จะส่งต่อตกทอดมายังเรา

ตัวอย่างเช่น งานวิจัย Showing Off in Humans: Male Generosity as a Mating Signal ชี้ว่า ผู้หญิงมักสังเกตเห็น (และสนใจ) ผู้ชายที่ชอบบริจาคเงินหรือทำการกุศล ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงมักแพ้ทางคนที่ใจดี มีจิตใจกว้างขวางและโอบอ้อมอารี ไม่เพียงแค่นั้นนักวิจัยยังมองอีกว่าการให้ทาน การบริจาคเงินหรือการทำกุศลคือตัวชี้วัดสถานะทางการเงินของผู้ชายด้วย เลยสรุปกลายๆ ได้ว่าผู้หญิงชอบคนทำดี บริจาคเงินและทำการกุศลเพราะเชื่อว่าผู้ชายเหล่านั้นมีสถานภาพทางการเงินที่มั่นคง สุดท้ายเลยวนกลับไปข้อแรกที่บอกว่าผู้หญิงชอบคนรวยอยู่ดี…

แต่สำหรับข้อนี้   พี่น้ำผึ้งมองว่าต่อให้ไม่รวย แต่เราก็ทำความดีหรือบริจาคเงินเพื่อการกุศลได้เสมอนะ ของแบบนี้มันอยู่ที่จิตใจคนต่างหาก แล้วก็นั่นแหละ จินนี่คงอยากให้อะลาดินเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงประทับใจ

 

 

ใครๆ ก็ชอบคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดทั้งนั้น
 

“หล่ออย่างนี้มีหรือเจ้าชายอาลี อาบับวา
หุ่นสมาร์ท ดูก็ช่างน่าใจนี้เต้นรัว”
 

ยักษ์ฟ้าจินนี่เน้นถึงรูปร่างหน้าตาของอะลาดินหนักมาก ขณะที่เจ้าของชื่ออย่างอะลาดินยืนฉีกยิ้มอวดฟันขาวให้แก่ผู้คนมากมาย ใช่แล้วค่ะ ใครๆ ต่างก็ชอบคนดูดีทั้งนั้น จินนี่รู้ความจริงข้อนี้ดี

เห็นแบบนี้แล้วรูปลักษณ์เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเปล่งปลั่งและสุขภาพที่ดีนะจ๊ะ สำหรับมนุษย์ยุคแรก การแต่งงานกับคนที่มีสุขภาพไม่ดีจะก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงเช่น ไม่สามารถหาอาหาร ปกป้อง และช่วยเลี้ยงดูลูกๆ ได้

งานวิจัยหลายฉบับไม่ว่าจะเป็น Facial Shape Analysis Identifies Valid Cues to Aspects of Physiological Health in Caucasian, Asian, and African Populations หรือ Cross-Cultural Variation in Mate Preferences for Averageness, Symmetry, Body Size, and Masculinity พบว่า ผู้หญิงยกตำแหน่ง “ผู้ชายเจ้าเสน่ห์” ให้กับหนุ่มๆ ที่มีใบหน้าสมมาตรและมีความเป็นผู้ชาย 

ไม่เพียงแค่นั้น นักวิจัยเจ้าของบทความ Male facial attractiveness: Evidence for hormone-mediated adaptive design นำทีมโดยวิกเตอร์ จอห์นสโตนยังออกมาเผยว่า “ผู้หญิงชอบผู้ชายที่ใบหน้าดูมีสุขภาพดี” โดยทีมนักวิจัยได้โชว์รูปใบหน้าหนุ่มๆ เพื่อให้สาวๆ เลือกผู้ชายที่ดูมีสุขภาพดีและมีใบหน้าเปล่งปลั่ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พวกเธอล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่แหละคือผู้ชายที่มีเสน่ห์มากที่สุด!

นอจากนี้ยังมีสันนิษฐานน่าสนใจที่เรียกว่า The Sexy Son Hypothesis แนวคิดก็คือผู้หญิงจะเลือกผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดต่อเพศตรงข้าม เพราะพวกเขาคิดว่าหากมีลูก เด็กก็น่าจะมีเสน่ห์เช่นกัน จากนั้นเด็กก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่าดึงดูดและประสบความสำเร็จในการเลือกคู่ครอง

ริชาร์ด ดอว์กินส์นักชีววิทยาชื่อดัง เจ้าของหนังสือยีนเห็นแก่ตัว (The Selfish Gene) ได้อธิบายในหนังสือของเขาไว้ว่า “หนึ่งในคุณสมบัติที่พึงประสงค์ที่สุดที่ผู้ชายสามารถมีได้ในสายตาของผู้หญิง คือ เสน่ห์ทางเพศของตัวเอง” แบบนี้ก็การันตีได้เลยว่านอกจากจิตใจที่ดีแล้ว รูปลักษณ์ยังเป็นส่วนสำคัญที่ตัดสินว่าเราจะนกหรือไม่ เศร้าไปอีก ดีนะอะลาดินหน้าตาดีอย่างที่จินนี่บอก เลยไม่นก

 

 

ความซื่อสัตย์สำคัญที่สุดในความสัมพันธ์เสมอ

“บอกความจริงกับเธอ!”
 

นี่ไม่ได้มาจากเพลงเจ้าชายอาลี แต่มาจากฉากหนึ่งในภาพยนตร์ต่างหาก! ความจริงก็คืออะลาดินไม่อยากให้เจ้าหญิงจัสมินรู้ว่า แท้จริงแล้วเขาไม่ใช่เจ้าชาย แต่เป็นคนข้างถนน ซึ่งจินนี่ไม่เห็นด้วยกับการโกหกนี้ เขาจึงแนะนำให้อะลาดินซื่อสัตย์กับเธอ

ลองพิจารณาสิ่งที่ค้นพบจากบทความงานวิจัย Be yourself: Authenticity as a long-term mating strategy นำทีมโดยลอว์เรนซ์ โจเซฟ นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลับอะเดลฟีสิ นักวิจัยพบว่าจริงๆ แล้วความซื่อสัตย์ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นความซื่อสัตย์ยังเป็นตัวทำนายความพึงพอใจที่มีต่อความสัมพันธ์ในปัจจุบันได้ดีกว่าความฉลาดทางอารมณ์ด้วยค่ะ

นักวิจัยยังค้นพบว่า คนจริงใจมีแนวโน้มจะเลือกคนจริงใจเหมือนกันมาเป็นคู่ครอง ส่วนคนชอบโกหกหลอกลวงก็มักจะเลือกคนประเภทเดียวกันมาเป็นคู่ เรื่องนี้ยังรวมไปถึงการคบหาเพื่อนฝูงด้วย หากเราเป็นคนเฟค เราก็จะมีแต่คนเฟคเป็นเพื่อน เพราะงั้นถ้าอยากได้คนแบบไหนมาเป็นแฟน ก็จงเป็นคนแบบนั้น

จากผลการวิจัยนี้ นักวิจัยจึงสรุปเลยว่า “ความซื่อสัตย์” และ “ความจริงใจ” มาเหนืออารมณ์ทั้งหมดทั้งมวล ต่อให้เราชอบเขามากขนาดไหน ถ้าจับได้ว่าอีกฝ่ายไม่ซื่อสัตย์ก็ทำให้ความรู้สึกของเราที่มีต่อเขาลดลงฮวบฮาบ ที่สำคัญความซื่อสัตย์ยังเป็นสิ่งยืนยันว่าบุคคลนี้เหมาะกับความสัมพันธ์ระยะยาวด้วยค่ะ 

เพราะงั้นพอรู้แบบนี้แล้ว อาละดินจึงสารภาพความจริงกับเจ้าหญิงจัสมิน จัสมินเข้าใจ จากนั้นทั้งคู่ต่างก็ตกหลุมรักยิ่งกว่าเดิมอีก จนในที่สุดทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน...เติมเต็มความปรารถนาที่อยากเป็นเจ้าชายอย่างแท้จริงให้แก่อะลาดิน 

 

เห็นเป็นเทพนิยายแบบนี้ หากอ่านให้ลึกซึ้ง เราจะพบว่ามันเต็มไปด้วยแง่คิดหลายอย่างที่สามารถนำมาปรับใช้กับปัจจุบันได้ ดูอย่างเรื่องอาละดินกับตะเกียงวิเศษที่พี่น้ำผึ้งหยิบยกมาเป็นต้นสิ บอกอะไรเราได้ตั้งมากมาย ที่พี่ชอบมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “ความซื่อสัตย์” ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของความสัมพันธ์ที่ดี หากความสัมพันธ์เริ่มต้นที่การโกหก มันก็จะดำเนินต่อไปอย่างไม่ราบรื่น เผลอๆ อาจจะจบลงแบบไม่สวยด้วยซ้ำ ซึ่งจินนี่ทำถูกแล้วที่แนะนำให้อะลาดินสารภาพความจริงกับเจ้าหญิงจัสมิน แล้วน้องๆ ล่ะคะ คิดว่ายังไง? อย่าลืมแชร์ให้พี่น้ำผึ้งฟังด้วยนะคะ จะรอนะ ^ ^

พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://eprint.ncl.ac.uk/pub_details2.aspx?pub_id=76510
https://www.cambridge.org/core/journals/behavioral-and-brain-sciences/article/sex-differences-in-human-mate-preferences-evolutionary-hypotheses-tested-in-37-cultures/0E112ACEB2E7BC877805E3AC11ABC889
https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1090513809000397
https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1090513817304105
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/17583267
https://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/147470490800600302
https://www.journals.uchicago.edu/doi/10.1086/283379
https://psycnet.apa.org/record/2001-01742-003
https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fpsyg.2017.01883/full
https://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/1069397112471806
https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0191886919301291
https://www.psychologytoday.com