เผย 5 สิ่งสุดแปลกของเมืองเพอร์เฟกต์ ที่ไม่ได้เพอร์เฟกต์อย่างตาเห็น!

เผย 5 สิ่งสุดแปลกของเมืองเพอร์เฟกต์
ที่ไม่ได้เพอร์เฟกต์อย่างตาเห็น!

 

สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน สำหรับวันนี้พี่น้ำก็มีนิยายมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ เป็นเรื่องที่มีพล็อตน่าสนใจมากค่ะ ชื่อเรื่องว่า “ชีวิตดีๆ ที่เพอร์เฟกต์ เล่ม 1 : ชุด A Place Called Perfect” เป็นนวนิยายแปล แฟนตาซี เรื่องราวเกี่ยวกับ “เมืองเพอร์เฟกต์” ที่ทั้งเมืองต้องสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างต้องเนี้ยบ ทุกคนต้องเชื่อฟังและทำตามกฎเป๊ะๆ หากไม่ปฏิบัติตามล่ะก็ทุกคนจะมองว่าเราแปลกแยกทันที เพราะเมืองนี้ทุกอย่างต้องเพอร์เฟกต์!

ชีวิตดีๆ ที่เพอร์เฟกต์ ได้ยินชื่อเมืองแล้ว น้องๆ พอจะจินตนาการออกไหมคะว่าเรื่องราวจะเป็นแบบไหน นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวไวโอเลตที่ย้ายมาอยู่ในเมืองเพอร์เฟกต์ เพราะพ่อของเธอถูกชักชวนให้มาทำงานที่นี่ ไวโอเลตไม่อยากย้ายมาอยู่ที่เมืองเพอร์เฟกต์ เพราะถึงแม้ใครจะว่าเมืองนี้สมบูรณ์แบบยังไง เธอก็ยังรู้สึกว่าที่นี่น่ะเพี้ยนแสนเพี้ยน ไม่เชื่อก็ลองดูสิ... ต้นไม้ขึ้นเป็นแถวตรงเป๊ะ เพื่อนบ้านสุดเนี๊ยบเรียบร้อย แจกจ่ายยารักษา “โรคเด็กดื้อ” สวมแว่นตาเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นจะตาบอด! เธอก็รู้ดีที่สุดว่าเมืองนี้น่ะแสนพิลึก คิดดูสิว่า.. เมืองประสาอะไรกันที่คนเราต้องสวมแว่นตาเพื่อไม่ให้ตาบอด! และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อย้ายมาได้สักพัก เรื่องประหลาดก็เริ่มเกิดขึ้นกับครอบครัวเธอ เมื่อเธอเริ่มได้ยินเสียงลึกลับไร้ที่มา.. แม่ทำตัวประหลาด.. แถมพ่อก็หายไป.. เธอยิ่งมุ่งมั่นจะพิสูจน์ให้ได้ว่าเมืองนี้ไม่ได้เพอร์เฟกต์อย่างที่ตาเห็น! ไวโอเลต ได้พบกับ “เด็กชาย” ทั้งสองร่วมมือกันและเริ่มสืบหาความจริง เพื่อเปิดเผยให้ชาวเมืองได้รับรู้ว่าเมืองเพอร์เฟกต์ที่เห็นนั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา!
 

จากที่พี่ได้อ่านจบเล่มแล้วเนี่ยพี่ก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเมืองเพอร์เฟกต์ ไม่ได้สวยหรูเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์อย่างที่ชาวเมืองคิด เป็นเพียงแผนการของ จอร์จและเอดเวิร์ด พี่น้องอาร์เชอร์ ที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น เมืองเพอร์เฟกต์จึงกลายเป็นเมืองที่มีแต่ความแปลกประหลาด วันนี้พี่ก็เลยจะมาพูดถึง 5 สิ่งสุดแปลกของเมืองนี้ให้น้องๆ ได้รู้กัน เอาล่ะไปดูกันเลยว่าจะมีเรื่องแปลกประหลาดสักแค่ไหน

1 : ถ้าไม่อยากตาบอด ต้องสวมแว่นตา

น้องๆ อาจจะสงสัยแค่ไม่สวมแว่นตา ถึงขนาดจะทำให้ตาบอดได้เลยหรอ ใช่ค่ะ! ทุกคนในเมืองนี้ต้องสวมแว่นตาตลอด หากไม่สวมแว่นสายตาจะพร่ามัวจนมองไม่เห็นอะไรเลยเหมือนคนตาบอดนั่นเองค่ะ ในวันแรกนั้นเมื่อไวโอเลตและครอบครัวย้ายมาที่เมืองเพอร์เฟกต์ สายตายังปกติดี แต่พอเช้าอีกวันเท่านั้นแหละดวงตามืดบอดสนิท จอร์จและเอดเวิร์ดอ้างว่าป็นเพราะเมืองนี้อยู่ใกล้พระอาทิตย์มากเกินไปจึงทำให้สายตาเราผิดปกติ ต้องสวมแว่นตาที่จอร์จและเอดเวิร์ดคิดค้นขึ้นมาเท่านั้นถึงจะมองเห็นได้เป็นปกติ

เมื่อได้สวมแว่นสายตาของไวโอเลตก็กลับมาเหมือนเดิมจริงๆ ค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน น้องๆ คิดไหมคะว่าแว่นอะไรจะวิเศษขนาดนั้น ใส่ปุ๊บจากตาบอดก็หายเป็นปลิดทิ้ง แถมทัศนียภาพในการมองเห็นก็ดีกว่าเมื่อก่อนอีกต่างหาก พอใส่แว่นนี้แล้วทุกอย่างในเมืองก็ดูสวยงามไปหมด นั่นก็เป็นเพราะว่าแว่นตานี้ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเหมือนภาพลวงตา ให้เราเห็นแต่สิ่งดีๆ เห็นในสิ่งที่อยากจะเห็น ซึ่งเมื่อมองแบบผิวเผินจะมองไม่เห็นความแตกต่างจากแว่นตาธรรมดาเลยล่ะค่ะ แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะแว่นนี้มีความลับซ่อนอยู่!

2 : ชาวเพอร์เฟกต์คลั่งไคล้การดื่มชา

ชานี้เป็นสูตรพิเศษเฉพาะตัวของที่นี่มาจากโรงงานชาของพี่น้องอาร์เชอร์ เก็บเกี่ยวทุกวันและส่งตรงสดๆ ถึงทุกประตูบ้านในแต่ละเช้า ชานี้ทำจากต้นกิ่งก่าที่มีเฉพาะแค่เมืองเพอร์เฟกต์ หากใครได้ลองดื่มรับรองว่าจะติดใจ จนต้องขอเพิ่ม พี่น้องอาร์เชอร์บอกว่าให้จินตนาการถึงรสชาติที่เราอยากจะกิน แล้วเราก็จะได้ดื่มชาที่แสนจะอร่อยในแบบที่เราจินตนาการ

ขนาดไวโอเลตที่ไม่ชอบดื่มชาที่สุด เมื่อได้ลองจิ๊บเพียงนิดเดียวก็ชอบชาขึ้นมาทันที ผู้คนในเมืองนี้คลั่งชามากอย่างน้อย ต้องดื่มวันละหนึ่งถ้วยให้ได้ แต่ใครจะรู้ว่า
ชานี้แหละที่เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดที่ทุกคนในเมืองต้องตาบอด พี่น้องอาร์เชอร์นั้นร้ายกาจยิ่งนัก! แต่พี่ก็ยังแต่สงสัยนะคะว่านี่ตกลงเป็นชาหรือยาเสพติดกันแน่ ผู้คนถึงได้คลั่งไคล้ที่จะดื่มชาขนาดนี้ คิดดูสิคะ แค่ลองดื่มเพียงครั้งเดียวก็ติดใจจนต้องดื่มทุกวัน แน่นอนล่ะว่าถ้าชานี้ทำให้ผู้คนติดใจได้ขนาดนี้มันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

3 : ใครดื้อต้องกินยารักษา “โรคเด็กดื้อ”

ผู้คนในเมืองนี้เคร่งครัดกับกฎระเบียบเป็นที่สุด! ทุกอย่างต้องเนี๊ยบ เป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้าไม่อยากแปลกแยกห้ามทำผิดกฎ เด็กๆ ที่นี่เป็นเด็กดีมากๆ ไม่มีใครทำผิดกฎแม้แต่ข้อเดียวเลยสักคน ยกเว้นก็แต่ไวโอเลตของเรานี่แหละ แค่ก้มลงไปเก็บดินสอโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ก็กลายเป็นเรื่องเป็นราว อาจารย์ถึงกับต้องให้ยารักษา “โรคเด็กดื้อ” และเชิญผู้ปกครองกันเลยทีเดียว เมื่อไวโอเลตโต้แย้งก็ถูกมองว่าเป็นเด็กไม่ดี แค่พูดอะไรนิดหน่อยก็ผิดหมด เด็กที่นี่ห้ามเถียง ห้ามโต้แย้ง ห้ามแสดงความคิดเห็น ต้องเชื่อฟังทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเด็กดื้อทันที

เห็นแล้วก็น่าอึดอัดนะคะ การที่เรามีความคิดเห็นที่ต่างออกไป ก็กลายเป็นว่าเราดื้อไม่เชื่อฟัง เด็กๆ ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้แสดงจุดยืนของตัวเอง ผู้ใหญ่จะคอยบงการทุกอย่าง เพื่อให้เด็กๆ สมบูรณ์แบบตามความคิดของตัวเองที่เชื่อว่าถูกต้องที่สุด และที่มันแปลกก็คือมียารักษาโรคเด็กดื้อนี่แหละ แถมมันก็ใช้ได้ผลซะด้วยสิ อย่างตอนที่แม่บังคับให้ไวโอเลตกินยานี้พอกินเข้าไปปุ๊บ ไวโอเลตก็ฉุกใจคิดขึ้นมาได้เลยว่าเธอนั้นทำผิดกฎจริงๆ (ยาวิเศษหรอเนี่ยกินแล้วเป็นเด็กดีเลย) แต่ไวโอเลตก็คือไวโอเลตค่ะ กินแค่ครั้งเดียวเท่านั้นครั้งอื่นๆ ก็แกล้งทำเป็นกิน เพราะเธอเชื่อว่ามันไม่ปกติ เธอจะไม่ยอมให้มันมาควบคุมเธอได้เด็ดขาด!

4 : ตราบใดที่ยังสวมแว่นตา จะไม่มีทางได้มองเห็นความจริง

ในเรื่องนี้ เด็กชาย มีตัวตนอยู่ก็จริงค่ะ แต่เขาล่องหน!  ผู้คนในเมืองเพอร์เฟกต์นั้นมองไม่เห็นเขา ไม่ได้ยินเสียงเขา ไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเด็กชายด้วยซ้ำ ในเมืองเพอร์เฟกต์แห่งนี้ยังมีดินแดนไร้ผู้ครองซ่อนอยู่! เป็นดินแดนที่เอาไว้ขังคนที่ทำผิดกฎนั่นเองค่ะ ผู้คนในดินแดนไร้ผู้ครองแตกต่างจากผู้คนในเมืองเพอร์เฟกต์โดยสิ้นเชิงเลยค่ะ ทั้งๆ ที่มีเพียงกำแพงกั้นไว้เท่านั้น แต่ตราบใดที่ผู้คนในเมืองเพอร์เฟกต์ยังสวมแว่นตาอยู่ จะไม่มีทางมองเห็นดินแดนนี้และผู้คนในดินแดนนี้ได้เลย

ในดินแดนไร้ผู้ครองผู้คนมีชีวิตที่ยากลำบาก เด็กชายก็เป็นเด็กกำพร้าและอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย จอร์จและเอดเวิร์ดได้ทำข้อตกลงกับคนในดินแดนไร้ผู้ครองว่า ให้ออกมานอกดินแดนได้แค่ในเวลากลางคืนเท่านั้น หากคนในเพอร์เฟกต์เห็นเข้าจะต้องถูกลงโทษ จึงไม่เคยมีใครได้เห็นดินแดนนี้และผู้คนในดินแดนนี้นั่นเอง เพราะแว่นตาที่ชาวเพอร์เฟกต์สวมนั้นทำให้มองเห็นแต่สิ่งสวยงาม ผู้คนไม่ได้มองเห็นถึงความเป็นจริงว่าเมืองเพอร์เฟกต์นั้นไม่ได้สวยงามอย่างที่เห็น มันเป็นแค่ภาพลวงตาและจินตนาการที่จอร์จและเอดเวิร์ดสร้างมันขึ้นมาเท่านั้น

5 : พี่น้องอาร์เชอร์ ขโมยจินตนาการไปจากผู้คน

อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ น้องๆ อาจจะงง จินตนาการน่ะหรอจะขโมยไปได้ยังไงกัน ของแบบนี้ไม่น่าจะขโมยกันได้ใช่ไหมล่ะ แต่นิยายเรื่องนี้พี่น้องอาร์เชอร์ทำได้ค่ะ! พวกเขาทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามต้องการ ทำทุกวิถีทางให้เมืองเพอร์เฟกต์เป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบที่สุด และแน่นอนกว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมคนเราย่อมมีความคิดที่ไม่ตรงกันอยู่แล้ว จะเปลี่ยนความคิดใครให้คล้อยตามและเชื่อเราทั้งหมดคงทำได้ยาก

ด้วยความที่พี่น้องอาร์เชอร์ต้องการให้ทุกอย่างเพอร์เฟกต์ พวกเขาจึง
ทำการขโมยความคิดจินตนาการจากผู้คนในเมืองนั่นเอง เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ต้องคิดแตกต่างจากพวกเขา สงสัยใช่ไหมคะว่าพวกเขาขโมยด้วยวิธีไหน เพราะพี่น้องอาร์เชอร์นั้นฉลาดกันมาก จึงวางแผนต่างๆ อย่างดี แว่นตาไงคะ แว่นตาที่ทุกคนสวมกันนั้นมันสามารถเก็บจินตนาการของแต่ละคนไว้ได้ เมื่อตอนที่ผู้คนหลับไหล พี่น้องอาร์เชอร์ก็สั่งให้คนเอาเครื่องมือไปดูดจินตนาการเหล่านั้นมาเก็บไว้ในขวดโหลนั่นเอง หลังจากที่ผู้คนถูกขโมยจินตนาการไปแล้วนั้นเรื่องราวต่างๆ ก็ค่อยเลือนหายไปจากความจำ ไม่ว่าพี่น้องอาร์เชอร์จะพูดอะไรก็เห็นดีเห็นงามด้วยไปเสียหมด พี่น้องอาร์เชอร์ก็เลยสามารถควบคุมเมืองนี้ให้สมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการได้นั่นเองค่ะ 

ก็จบไปแล้วนะคะสำหรับ 5 สิ่งสุดแปลกประหลาด ของเมืองเพอร์เฟกต์ ที่พี่ได้นำมาฝากน้องๆ กันในวันนี้เมื่ออ่านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างคะ ส่วนใครที่อยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมดของเรื่องนี้ก็ลองไปอ่านกันดูนะคะ สนุกมากๆ เลยล่ะค่ะ อ๋อ! แล้วก็ไม่ใช่แค่ได้ความสนุกนะคะ นวนิยายแปล แฟนตาซีเล่มนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเด็กๆ สนับสนุนให้เด็กๆ ได้รู้จักคิด วิเคราะห์ แยกแยะสิ่งต่างๆ ด้วยหลักการและเหตุผลอีกด้วย ถือว่าเรื่องนี้ก็ให้แง่คิดในด้านต่างๆ เยอะพอสมควรเลยล่ะค่ะ และที่สำคัญยังเสียดสีสังคมที่ผู้คนมักเชื่อในสิ่งที่พวกเขาอยากเชื่อ เห็นในสิ่งที่พวกเขาอยากเห็น โดยไม่มองโลกความจริงว่าเป็นอย่างไรได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ สำหรับวันนี้พี่ก็ต้องลาไปก่อน ไว้คราวหน้าพี่จะนำนิยายสนุกๆ  มาฝากอีกนะคะ สวัสดีค่ะ
 

พี่น้ำ ^^

Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น