คนที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินหัวใจของสิ่งมีชีวิต! เพียงแค่ได้ยินครั้งแรกก็น่ากลัวแล้วใช่ไหมคะ จินตนาการตามเลยว่า หากมี "กลุ่มคน" ที่ต้องใช้ชีวิตด้วยการกินหัวใจนี้จริงๆ จะถูกสังคมต่อต้านกันแค่ไหน ซึ่งสถานการณ์ของ "เนฟ" ตัวเอกจากนิยายเรื่อง "And The War Came สงครามกลายพันธุ์" กำลังประสบอยู่ก็ไม่ต่างไปจากนี้เลยค่ะ เธอคือ "มนุษย์กลายพันธุ์" ที่ต้องใช้ชีวิตหลบซ่อนตัวจากมนุษย์ปกติ เพราะกินหัวใจของสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร!

คำโปรย

เด็กสาวกำพร้าคนหนึ่งอยู่อย่างหลบซ่อนเพราะมีเชื้อสายมนุษย์กลายพันธุ์
วันหนึ่งเธอถูกนำตัวเข้าร่วมต่อสู้เพื่อคงเผ่าพันธุ์ไว้
โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเผ่าพันธุ์เธอนั้น ยังมีความลับมากมายถูกซ่อนอยู่

*************
 

 

“เนฟ” เป็นเด็ก “กลายพันธุ์” ที่เติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวในเมืองชายแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสายฝน เธอมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกิน “หัวใจ” ของสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร และนั่นทำให้เธอตกอยู่ในสถานะของ “ผู้ล่า” ศัตรูของ “ผู้คุม” กลุ่มคนผู้มีอำนาจควบคุมดูแลมนุษย์ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ จนทำให้เธอต้องใช้ชีวิตห่างไกลผู้คน หลบซ่อนตัวจากคนทั่วไป เพื่อไม่ให้ความลับเรื่องการกลายพันธุ์รั่วไหล และป้องกันไม่ให้เหล่าผู้คุมเจอตัวเธอ
 

 

ทว่าการซ่อนตัวของ “เนฟ” ต้องสิ้นสุดลง เมื่อเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ถูกผู้คุมจับตัวไป เนฟจึงได้ตัดสินใจวางแผนช่วยเหลือ แต่น่าเสียดาย แม้เนฟจะพยายามช่วยเหลือเพื่อนของเธอสุดความสามารถแค่ไหน แต่กำลังของคนๆ เดียวไม่สามารถต่อกรกับผู้คุมที่มีกำลังเสริมมากมายได้ ทำให้ในที่สุด เนฟ ก็ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งแรกในชีวิต แต่เนฟก็จมอยู่กับความเศร้าได้ไม่นานนัก เพราะเหตุการณ์ที่ว่านี้ทำให้การมีอยู่ของ “เนฟ” ก็ไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป เธอต้องเข้าร่วมกลุ่มกับเหล่าผู้ล่าคนอื่นๆ และทำสงครามอย่างไม่มีทางเลือก! และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นบทเรียนครั้งสำคัญที่ทำให้ “เนฟ” เติบโตขึ้น และผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตไปได้
 

 

แต่การทำสงครามไม่ใช่จุดเด่นเดียวของนิยายเรื่องนี้ค่ะ ส่วนที่ทำให้พี่หญิงประทับใจมากๆ หลังจากอ่านนิยายเรื่อง And The War Came สงครามกลายพันธุ์ จบเลยก็คือ ปัญหาสังคมที่ถูกสะท้อนออกมาจากการดำเนินเรื่องถึง 2 ประเด็นใหญ่ด้วยกัน คือ
 

ปัญหาในส่วนนี้เป็นประเด็นที่ถูกผู้เขียนหยิบมาพูดตั้งแต่ช่วงแรกของเนื้อหานิยายผ่านมุมมองของ “เนฟ” และ “ไนล์” สองเด็กกำพร้าผู้ไม่เคยรู้จักกับความอบอุ่นของครอบครัว พวกเขาเห็นการ “ขโมย” เป็นเรื่องธรรมดาในการเอาชีวิตรอด และมอง “ผู้คุม” เจ้าหน้าที่รักษากฏหมายในเรื่องเป็นเหมือนดัง “ศัตรู” ที่ควรหลีกเลี่ยง  เมื่อถูกจับ “อิสระ” ที่พวกเขามีก็จะหายไป เหมือนดังตัวอย่างฉากที่ได้ยกมาข้างต้น 
 

 

เด็กๆ เหล่านี้ไม่เคยมองว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิด มันเป็นเพียงขั้นตอนเอาชีวิตรอดของพวกเขาเท่านั้น และเพราะไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ พวกเขาจึงต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง แม้การกระทำที่ว่านี้จะเป็นการทำร้ายคนอื่นก็ตาม มันจึงทำให้เราอ่านแล้วอดตระหนักไม่ได้ว่าเลยสาเหตุที่ทำให้เด็กเล่านี้มีปัญหาก็ล้วนแล้วเกิดจากปัจจัยภายนอกที่บีบคับทั้งนั้น หากเด็กเหล่านี้ไม่ถูกทิ้ง และได้รับความช่วยเหลือตั้งแต่แรก ทุกคนอาจไม่ต้องดิ้นรนหาทางเอาชีวิตรอดจนเลือกเดินทางผิดเหมือนดังในนิยายเรื่องนี้ก็เป็นไปได้นะคะ
 

 

จุดเริ่มต้นของสงครามในเรื่องนี้ ก็เกิดมาจากการ “แบ่งแยก” ในสังคมนี่ล่ะ มนุษย์ปกติรังเกียจและหวาดกลัว “มนุษย์กลายพันธุ์” จนต้องสร้าง “ผู้คุม” ขึ้นมาเพื่อขจัดความหวาดกลัวนี้โดยเฉพาะ ส่วนมนุษย์กลายพันธุ์ก็รวมตัวกันเพราะต้องการเอาชีวิตรอด จนเกิดเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่ต่างฝ่ายต่างสูญเสียด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ล่าหรือผู้คุมก็ตาม ซึ่งพอมาลองคิดๆ ดูแล้ว เหตุการณ์นี้มันก็ไม่ต่างไปจากการเกิดสงครามครูเสด สงครามอันเกิดจากการนับถือศาสนาที่แตกต่างกันในอดีตเลยสักนิด!
 

 

***************

 

และนี่คือเรื่องราวที่เราทำมาฝากทุกคนในวันนี้ค่ะ หากใครกำลังมองหานิยายแฟนตาซี วิทยาศาสตร์ แนวดิสโทเปีย ที่มีเนื้อหาเล่าถึงการทำสงคราม ความรัก และการสูญเสีย ต้องมาติดตามชีวิตของ “เนฟ” สาวน้อยกลายพันธุ์ที่ถูกบังคับให้ต้องเข้าร่วมสงครามคนนี้ได้เลย รับรองว่าทุกคนจะต้องพบเรื่องราวอันน่าประทับใจอย่างแน่นอน!