The Chosen EP.06 : ไอราวัณ - การกลับมาของนักเขียนชอบเทที่ไม่เคยทิ้งนิยายตลอด 8 ปี!

. . . . . .

                    มงคล องอาจ หรือที่หลายคนรู้จักในนามปากกา ‘ไอราวัณ’ นักเขียนนิยายแนวเกมออนไลน์รุ่นบุกเบิกที่ปัจจุบันเขียนนิยายเรื่อง ‘พลิกเกมล่าจารชน คนออนไลน์’ ที่มียอดวิวมากกว่าหกแสนหกหมื่นวิว และมีผู้ติดตามมากกว่าแปดพันคน โดยนิยายเรื่องปัจจุบันเป็นนิยายเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่เขาใช้เวลาเขียนนานกว่าแปดปี  

                    นิยายเรื่องนี้เดิมมีชื่อว่า ‘Inception Online’ ก่อนจะรีไรต์และเปลี่ยนชื่อใหม่จนกลายเป็นนิยายเรื่องปัจจุบัน ไอราวัณบอกว่าเขาเขียนนิยายและหยุดไปเขียนไปราวๆ สามครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านชีวิตที่สำคัญมากๆ คือ ช่วงเรียนจบ ทำงาน และเปลี่ยนงานใหม่  

                    เมื่อกลับมาเขียนนิยายอีกครั้ง สิ่งที่ไอราวัณตั้งใจทำให้สำเร็จคือกลับมาเขียนนิยายให้นานที่สุด เพราะเขามีสัญญาใจ(เปิดขาย)กับนักอ่านที่ยินดีสนับสนุนนิยายตั้งแต่ภาคแรก และรู้สึกขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ยังติดตามนิยายมาจนถึงตอนนี้ 

. . . . . .

                    นักอ่านนักเขียนชาวเด็กดีทุกคนคะ ตลอดระยะเวลาแปดปีที่ผ่านมาของ ‘ไอราวัณ’ เขาเขียนนิยายและหยุดเขียนไปแล้วหลายครั้ง ในมุมมองของนักอ่านเขาอาจจะเป็นนักเขียนที่ไร้ความรับผิดชอบ ปล่อยให้นักอ่านรออ่านนิยายข้ามเดือนข้ามปีทั้งที่เปิดขายนิยายไปแล้วสองภาค ขณะที่ในมุมมองของนักเขียน หลายคนกลับเข้าใจเขาเป็นอย่างดีว่าการหายตัวไปของนักเขียนนั้นเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและมักจะกลับมาเขียนนิยายเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วเสมอ

                    พี่แนนนี่เพนได้มีโอกาสพูดคุยกับไอราวัณถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่เขาเขียนนิยายเรื่องแรกมานานกว่าแปดปีจนมีนิยายมากกว่าสองร้อยตอน ทั้งเรื่องที่เขาเปิดขายนิยายสองภาคแรก และหายตัวไปนานกว่าหนึ่งปี ก่อนจะกลับมาเขียนนิยายอีกครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เองค่ะ 

                    เรามาเปิดใจกว้างๆ แล้วอ่านเรื่องราวที่ขาดหายไปของ ‘ไอราวัณ’ กันค่ะ
 


 

เล่าให้ฟังหน่อยว่าทำไมคุณถึงอยากเป็นนักเขียน

                    ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะนิยายมาตั้งแต่ยังเด็ก พออ่านมากๆ เข้าก็เริ่มมีความรู้สึกว่าอยากจะเปลี่ยนจากคนอ่านไปเป็นคนเขียนบ้าง จริงๆ มันเป็นความฝันของผมตั้งแต่เด็กด้วย พออ่านไปแล้วเราเริ่มจินตนาการว่าถ้าเราเป็นคนเขียนเราอยากให้เรื่องเป็นแบบนั้น แบบนี้มากกว่า พอคิดไปคิดมาเราก็เลยคิดว่า ‘ลองเขียนนิยายของตัวเองสักเรื่องดีไหม’ ตั้งแต่นั้นก็เริ่มเขียนนิยายลงในเว็บเด็กดีครับ ผมเริ่มเขียนนิยายแบบจริงจังเลยตอนอายุ 20 ช่วงนั้นกำลังเรียนอยู่ ก็เขียนเป็นงานอดิเรกไป ไม่ได้คิดจะหารายได้จากนิยายที่เขียน แต่ก็แอบฝันอยู่หน่อยๆ ว่าอยากจะเป็นนักเขียน
 

นิยายเรื่องปัจจุบันคือนิยายเรื่องแรกและเรื่องเดียวของคุณเลยไหม

                    ‘พลิกเกมล่าจารชน คนออนไลน์’ เป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวเลยครับ ถ้านับจากวันแรกที่ลงนิยายเรื่องนี้ วันที่ 20 พ.ค. 63 ก็จะครบ 8 ปีแล้วครับ (จำวันที่ลงครั้งแรกได้ด้วยเหรอคะ) ผมดูจากคอมเมนต์แรกของนักอ่านครับ มันเด้งขึ้นมาทำให้ผมจำได้ว่าแปดปีแล้วเหรอ อ่านแล้วก็มีกำลังใจขึ้นครับ

                    ตอนเขียนแรกๆ ผมใช้ชื่อนิยายว่า ‘Inception Online’ ครับ หลังรีไรท์เลยเปลี่ยนชื่อใหม่ ลงช่วงแรกๆ ผมฟิตมาก เขียนวันละตอนสองตอน ติดท็อปหมวดแฟนตาซีด้วย อาจเป็นเพราะช่วงนั้นกระแสนิยายเกมออนไลน์กำลังมา ช่วงปี 55-56 ในยุคนั้นยังไม่มีแอปเด็กดีให้อ่าน สมาร์ทโฟนก็ยังไม่เกลื่อนอย่างทุกวันนี้ สังเกตได้ว่าคอมเมนต์ต่อตอนจะค่อนข้างเยอะกว่าปัจจุบัน แต่ก็จะมีปุ่มให้กำลังใจเข้ามาทดแทน ส่วนยอดวิวทุกวันนี้ก็ทำใจครับ นิยายเราเก่าแล้ว เทคนอ่านไปก็หลายรอบ จะให้เหมือนหลายปีก่อนก็คงต้องพยายามเยอะๆ หน่อย
 


นิยายเรื่องแรกและเรื่องเดียวของไอราวัณตลอดระยะเวลาแปดปีที่ผ่านมา
 

ช่วงที่ผ่านมาคุณหายไปไหน และทำไมถึงกลับมาเขียนนิยายอีกครั้ง

                    ถ้าเทแบบหายไปเลยหลายๆ เดือนหรือเป็นปีก็ประมาณสามครั้งครับ หลังเรียนจบ ตอนเปลี่ยนงานใหม่อีกสองครั้ง ช่วงที่หายไป เรียนจบ ได้งานใหม่ เหมือนเราไปโฟกัสให้กับงาน ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นรึเปล่านะ พอเปิดหน้าเวิร์ดขึ้นมาจะเขียนนิยาย พิมพ์ไปได้บรรทัดหนึ่งแล้วก็นิ่งไปเลยครับ มันตันครับ แต่หลัก ๆ เลยคือไม่มีเวลาครับ บางคนอาจจะมองว่างานเขียนนิยายเป็นงานง่าย งานสบาย ใช้เวลาว่างตอนไหนก็ได้แต่ง แต่เอาเข้าจริงมันมีลายละเอียดเยอะมาก ไม่ใช่แค่เวลาไม่พอ บางทีเราทำงานมาเหนื่อย ๆ สมองก็ตัน เขียนไม่ออกไปเลย

                    ช่วงหลายๆ ปีที่ผมเริ่มแต่งนิยายมา แล้วก็ทำงาน เราได้ทำหน้าที่ที่ต้องทำคือ เรียนจบแล้วก็ทำงาน ด้วยความที่ตอนนั้นเรายังไม่สามารถแต่งนิยายเพื่อเลี้ยงชีพตัวเองได้ แต่พอเราทำงานไปเรื่อยๆ แล้วเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเรา เราไม่ชอบที่จะไปทำงานแบบนั้น เราชอบเขียนนิยายมากกว่า แต่เพราะเราต้องไปทำงาน เราเลยไม่สามารถแบ่งเวลามาเขียนนิยายได้ ครั้งนี้ก็เลยคิดว่าจะลองดูแบบจริงๆ จังๆ เลยว่าเราจะกลับมาได้นานแค่ไหน 
 

สิ่งที่คุณกลัวที่สุดเมื่อกลับมาเขียนนิยายอีกครั้ง

                    กลับมาแรกๆ ไม่กล้าอ่านคอมเมนต์ครับ กลัวคนอ่านจะว่าเราว่า ‘หายไปไหนมา’ ‘ทิ้งไปไม่บอกไม่กล่าว’ แต่พอลงไปได้สักสองสามตอน ทำใจได้ก็ลองเข้าไปอ่านดู ปรากฏว่าคอมเมนต์เชิงลบที่เขาจะมาว่าเราอ่ะครับ มันไม่มีเลยครับ มีแต่จะบอกว่า ‘คิดถึงไรต์จัง’ ‘ไรต์หายไปไหนมา’ ‘รอได้นะถ้าหายไปก็ขอให้กลับมา’ ผมก็รู้สึกว่าใจมาแล้ว 

                    ส่วนคนที่ด่าก็มีครับ แต่ผมก็อ่านแล้วผ่านๆ ถ้าเราตัดสินใจที่จะกลับมา แล้วไปอ่านคอมเมนต์แนวนั้นมันจะรู้สึกแย่ครับ ทุกครั้งที่ผมกลับมาแล้วมาลงนิยายต่อ ผมเห็นคอมเมนต์จากนักอ่าน มันทำให้ผมรู้สึกว่าเขายังไม่ทิ้งเรา แต่เป็นผมเองที่หายไป นี่แหละที่ทำให้ผมคิดว่า ‘เราจะทิ้งเรื่องนี้ไปไม่ได้ต้องแต่งให้เสร็จ’ ผมเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่เราเปิดขายแล้วหายไป ตรงนี้เราก็ต้องพยายามปรับปรุงตัวเอง เพิ่มวินัยให้กับตัวเองครับ
 


ไอราวัณไม่กล้าอ่านคอมเมนต์ในช่วงแรกเพราะกลัวเสียกำลังใจ
 

การขายนิยายเป็นแรงผลักดันให้คุณกลับมาเขียนนิยายต่อได้ไหม

                    ใช่ครับ ตอนนั้นทำงานหนักมากก็พักเรื่องแต่งนิยายไป แต่ว่าเราเปิดแอปเด็กดีแล้วก็เห็นว่ามีการขายนิยาย คือ มีนิยายที่เราอ่านอยู่แล้วล็อกตอนขาย แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้คิดว่าจะขายนิยายของเรา จนผ่านไปสักพักนึงประมาณปี 61 ตอนลงขายเราก็ไม่ได้คิดว่าจะขายได้หรอกครับ ตอนนั้นคิดแค่ว่าเรามีนิยายของเราอยู่แล้ว อยากจะลองดูซักหน่อยว่ามันจะทำรายได้ให้กับเราได้ไหม 

                    เราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับมัน คิดว่าจะขายไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่พอเปิดขายกลับขายได้ ก็แอบภูมิใจหน่อยๆ ว่าที่เราทำมา นอกจากจะได้บอกคนอื่นว่าเราแต่งนิยายออนไลน์นะ ยังสามารถสร้างรายได้เล็กๆ น้อยจากตรงนี้ได้ด้วย มันก็เหมือนเป็นแรงผลักดันให้กับเราว่า สิ่งที่เราทำไม่ได้ทำเพื่อปล่อยจินตนาการของเราเฉยๆ นะ จะเรียกว่าแต่งเล่นๆ ก็ไม่ได้เพราะเราก็จริงจังอยู่ มันเป็นงานอดิเรกแต่มันสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้ มีผลตอบแทนบ้างถึงแม้ว่าจะไม่เยอะมากก็ตาม

                    แล้วเราเปิดขายนิยายไปแล้วทั้งๆ ที่นิยายเรายังไม่จบ จบเพียงแค่สองภาคแล้วเปิดขาย นักอ่านเขาก็ยังซื้อนิยายของเราอ่านทั้งๆ ที่เราจะแต่งจบรึเปล่าก็ไม่รู้ นักอ่านบางคนอ่านจบไปแล้วก่อนเปิดแพ็กเกจ พอผมแพ็กขาย เขาก็ยังซื้อแพ็ก เพื่อเป็นการให้กำลังใจผม ทั้งที่ไม่ต้องซื้อก็ได้ ตรงนี้ผมต้องขอบคุณมาก ๆ นักอ่านเหล่านี้ทำให้ผมทำใจทิ้งนิยายเรื่องนี้ไม่ลงจริง ๆ เหมือนเป็นสัญญาใจระหว่างคนแต่งกับคนอ่านว่า ‘ในเมื่อเรากล้าที่จะเรียกเงินจากเขาแล้ว เราต้องแต่งให้มันจบนะ’ 
 

พอกลับมาอัปนิยายแล้วผลตอบรับเป็นยังไงบ้าง

                    ก่อนกลับมาอัปนิยายเราไม่คิดไม่ฝันว่าจะยังมีคนติดตามเราอยู่ มีนักอ่านเก่าๆ ที่คอยเราอยู่ แต่พอเรากลับมาอัปนิยาย ผมบอกนักอ่านไปว่า นิยายเรื่องนี้จะแปดปีแล้วนะ ขอโทษที่หายไป ก็มีนักอ่านหลายๆ คนเข้ามาตอบว่า ‘ไม่เป็นไรรอได้เสมอ’ ‘แค่กลับมาก็ดีใจแล้ว’ บางคนก็อ่านมาตั้งแต่เราเริ่มแต่งใหม่ๆ เขาก็ยังอยู่กับเรา เห็นคอมเมนต์แบบนี้เราก็ใจมาเป็นกองเลยครับ 
 

ฝากถึงคนที่หายไปและอยากกลับมาเขียนนิยายอีกครั้งหน่อย

                    สำหรับนักเขียนที่เขียนนิยายแล้วก็หยุดเขียนไป ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลว่า ทำงานก็ดี หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าคิดว่าการแต่งนิยายมันคือความสุข มันคือเป้าหมายอย่างหนึ่งในชีวิตของเราแล้วเราอยากกลับมาแต่งต่อ แต่ว่าแต่ละปัจจัยมันอาจจะไม่อำนวย และหลายคนอาจจะไม่กล้ากลับมาแต่งต่อเพราะคิดว่า ‘กลับมาแล้วผลตอบรับจะดีไหม’ ‘กลับมาแล้วจะโดนนักอ่านว่าไหม’ หรือว่า ‘เราจะกลับมาแต่งต่อได้นานไหม’ ผมไม่อยากให้คิดถึงเรื่องนี้เลยครับ เพราะนักอ่านเขาก็เข้าใจอยู่แล้วว่าเราไม่ได้เป็นนักเขียนมืออาชีพ เราไม่ได้เขียนประจำอยู่แล้ว แค่เรากลับมาเขาก็ดีใจแล้วครับ นักอ่านเขาไม่ว่าเราหรอกว่าเราหายไปไหนมา ส่วนใหญ่ก็คือจะให้กำลังใจเรามากกว่าครับ

                    เมื่อก่อนผมก็กลัวครับ แต่พอกลับมาแต่งอีกรอบ ก็รู้เลยว่าเราคิดมากไปเอง สำหรับคนที่ทิ้งนิยายไป ลองหาเวลาว่างสักวันในหนึ่งเดือน ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเวลาว่างหรืองานประจำ ลองแต่งนิยายหนึ่งตอน อัปให้นักอ่าน เขาได้อ่านแล้วมีความสุข เราก็จะมีความสุขไปด้วยครับ 
 

                    ‘ไอราวัณ’ เป็นนักเขียนที่โตมากับเด็กดีค่อนข้างยาวนานเลยค่ะ เขียนนิยายมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ทั้งยังมีความฝันอยากเห็นนิยายของตัวเองอยู่ในร้านหนังสือเหมือนความฝันของนักเขียนหลายๆ คนอีกด้วย แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากไอราวัณกลับมารีไรต์และเขียนนิยายใหม่อีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจลองขายนิยายของตัวเองดูบ้าง และเมื่อได้รับการสนับสนุนจากนักอ่านทั้งที่เพิ่งเขียนจบไปเพียงสองภาคเท่านั้น  เขาก็เริ่มมองเห็นเส้นทางนักเขียนที่ชัดเจนมากขึ้น   

                    ไอราวัณสารภาพความในใจต่อว่า เขารู้สึกผิดเสมอที่ทำให้นักอ่านต้องเฝ้ารอการกลับมา ทั้งนักอ่านเก่า นักอ่านใหม่ คนที่ซื้อนิยาย และคนที่รออ่านฟรี ในวันนี้นอกจากเขาจะตั้งใจยึดมั่นสัญญาใจระหว่างนักเขียนกับนักอ่านแล้ว เขายังตั้งใจจะทำตามฝัน เป็นนักเขียนที่เขียนนิยายจบเรื่องให้ได้อีกด้วย

                    และนี่คือถ้อยคำสุดท้ายที่ ‘ไอราวัณ’ ฝากถึงนักเขียนชาวเด็กดีทุกคนค่ะ 

                    “ถ้าหายไปก็ขอให้กลับมาครับ แค่เรากลับมานักอ่านก็ดีใจแล้วครับ”
 

พี่แนนนี่เพน

5 เรื่องต้องรู้! เปิดขาย “แพ็กเกจใหม่” อย่างไรไม่ให้เสียสิทธิ์แคมเปญ “ลดราคา”
พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture