รีวิวนิยายแนะนำประจำสัปดาห์ ยอดหญิงแห่งหมู่บ้านถงซาน : สาวงามข้ามมิติผู้ใช้เสน่ห์ปลายจวักมัดใจสามี!

รีวิวนิยายแนะนำประจำสัปดาห์  ยอดหญิงแห่งหมู่บ้านถงซาน

สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีทุกคน สำหรับนิยายที่เราหยิบมาแนะนำในวันนี้เป็นนิยายเกิดใหม่ในโลกคล้ายจีนโบราณ “จันทร์เจ้า” ในวัยสี่สิบสามปีได้ข้ามมิติไปเกิดใหม่ในร่างของ “กุ้ยเหมย” หญิงสาวอายุสิบแปดปี ชาวสาวบ้านที่ขาดใจตายอยู่ริมลำธารในป่า…

อ่านมาถึงจุดนี้ ดูเหมือนพล็อตของ “ยอดหญิงแห่งหมู่บ้านถงซาน” จะไม่ต่างจากนิยายแนวเกิดใหม่เรื่องอื่นใช่ไหมคะ แต่ความพิเศษของเรื่องนี้อยู่ที่คาแรกเตอร์ของนางเอกค่ะ นอกจาก จันทร์เจ้า จะเป็นหญิงสูงอายุที่ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแล้ว  จันทร์เจ้า ยังมีของวิเศษความสามารถเลิศอย่าง “ช่องว่างมิติ” ติดตัวมาเกิดใหม่ด้วย ทำให้เธอสามารถใช้อาหาร ของยังชีพที่อยู่ในมิติ เอาตัวรอดในโลกยุคโบราณได้แบบสบายๆ เลยค่ะ แม้เธอจะต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูบุตรสาวตัวน้อย และสามีพิการติดเตียงของ “กุ้ยเหมย” ร่างที่จันทร์เจ้ามายืมร่างเกิดใหม่ก็ตาม

และก็เพราะ “กุ้ยเหมย” มีภาระติดตัวให้รับผิดชอบมากมาย “จันทร์เจ้า” ที่มาใช้ชีวิตแทนจึงตัดสินใจที่จะดูแลลูกและสามีของอีกฝ่ายให้ดีที่สุด หยิบเอาความรู้ที่ติดตัวมาพยายามรักษา ฟื้นฟูร่างกายของสามีให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง รวมถึงบำรุงทั้งคู่ด้วยอาหารเลิศรสที่บอกเลยว่าเป็นทีเด็ดที่อ่านแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องหิวตาม!

วันนี้จึงถือเป็นโอกาศดี หยิบนิยายเรื่อง มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันผ่านเมนูอาหารชวนน้ำลายไหลที่ “จันทร์เจ้า” ใช้เป็นไพ่ลับครองใจเหล่าตัวละครในเรื่องกัน 

โดย early2018

ฟรีสไตล์ > อดีต ปัจจุบัน อนาคต

คำโปรย

เกิดมาต้องทำงานหนักมาทั้งชีวิต พอตายกลับต้องมาอยู่ในร่างของคนจน 
แถมยังมีสามีที่นอนติดเตียงอย่างกับคนตาย 
ยังต้องเลี้ยงลูกสาวตัวน้อยอีก สวรรค์ช่างเอ็นดูข้านัก
 แต่ข้ากุ้ยเหมยผู้นี้จะดูแลทุกคนเอง

เมนูที่ 1 ซี่โครงหมูทอดสามรส

เมนูอาหารจากเนื้อที่ “จันทร์เจ้า” เลือกจากบำรุงร่างกายของลูกสาว และสามีเป็นเมนูแรกๆ เธอเลือกใช้ซี่โครงหมูจากช่องมิติที่เคยซื้อใส่ไว้ตั้งแต่ยังไม่เกิดใหม่ เอามาหันซี่โครงหมูเป็นท่อนๆ ขนาดพอดีคำเอาไว้  มาหมักด้วยเกลือป่น แล้วตามด้วย พริกไทยป่น ซอสปรุงรส และแป้งสาลี นวดส่วนผสมให้เข้ากับกระดูกซี่โครงหมูและหมักทิ้งไว้จนเข้าที่  ก็นำมาผัดในกระทะมีกระเทียมบดเจียวเข้ากับน้ำมันจนหอมเตรียมไว้ ผัดจนซี่โครงหมูสุก ปรุงรสด้วย น้ำสับปะรด น้ำตาลปี๊บ น้ำส้มสายชู และซีอิ๊วขาว ผัดให้ส่วนเข้ากันจนเริ่มแห้ง ก็ตักใส่จาน จัดให้สวยงามด้วยผักสด สับปะรด และ พริกหั่นฝอย แล้วเตรียมเสิร์ฟ!

ผลตอบรับของอาหารมื้อนี้ บอกเลยว่าทำดาเมจรุนแรงมาก นอกจากจะทำให้คนอ่านต้องท้องร้องด้วยความหิวแล้ว มันยังทำให้ “โจวซิ่นเฉิง” เพื่อนสนิทของสามี ติดใจในรสชาติถึงขนาดแอบเนียนมาขอกินข้าวด้วยเกือบทุกวันเลยค่ะ 

เมนูที่ 2 ข้าวมันไก่ต้ม 

เมนูที่เหมือนธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา เมื่อไปอยู่ในโลกจีนโบราณจ้า เพราะนอกจากนางเอกของเราแล้ว ยังไม่เคยมีใครเคยทำเมนูนี้มาก่อน พอคุณสามี ลูกสาวได้ลิ้มรสจึงเกิดอาการร้องว้าวติดใจในความมันของข้าวหอมๆ ที่เข้ากันกับเนื้อไก่นุ่มๆ และน้ำจิ้มรสเด็ดได้อย่างลงตัว

ซึ่งเห็นเป็นเมนูธรรมดาๆ แบบนี้แต่ขั้นตอนการทำก็ยุ่งยากไม่เบาเลยค่ะ “จันทร์เจ้า” หรือ “กุ้ยเหมย” เริ่มต้นจากทำน้ำซุปสำหรับต้มไก่ก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยการตั้งหม้อต้มน้ำใส่ขิงบุบ กระเทียมบุบรากผักชีบุบและเกลือ พอน้ำเดือดก็ใส่ไก่ตัวขาวๆ  ลงไปลงไปต้มทั้งตัว พอเดือดแล้วก็ต้มต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 30 นาที (ตามเนื้อหาบอกไว้ 2 เค่อ แต่ 1 เค่อจะเท่ากั 15 นาที พี่หญิงตีเป็นว่า 30 นาทีแล้วกันนะคะ)  จากนั้นก็เอาไก่ออกมาใส่ลงไปในน้ำเย็นจัด จนคลายร้อนก็เตรียมสับใส่จาน

หลังจากเต็มไก่เสร็จ คราวนี้ก็มาถึงคราวของ “ข้าวมัน” พระเอกในจาน กุ้ยเหมยเอาข้าวหอมมะลิมาทำเป็นข้าวมันไก่ ผสมกับข้าวขาวนิดหน่อย จะได้ไม่นิ่มเกินไป  แล้วนำขิงแก่ปลอกเปลือกหั่นเป็นแว่น ทุกกระเทียม รากผักชีพอแตก มาเตรียมเอาไว้ ผัดร่วมกับหนังไก่ที่เจียวจนได้น้ำมัน ใส่เกลือเล็กน้อย รอจนมีกลิ่นหอมแล้วเอาน้ำซุปไก่มาผัดกับข้าว แล้วเอาไปหุง โดยใส่น้ำซุปแทนน้ำเปล่า จะได้ข้าวมันที่หอมมันแสนอร่อย

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือน้ำจิ้ม สูตรของ กุ้ยเหมย จะนำเต้าเจี้ยว น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว น้ำตาล ผสมเข้าด้วยกัน ชิมรสแล้วว่าใช้ได้แล้วก็ใส่ขิง กระเทียม พริกนิดหน่อย ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยแต่งหน้าด้วยผักชีเป็นอันเรียบร้อย!

เมนูที่ 3 ต้มยำปลาช่อนมะขามอ่อน

อีกหนึ่งเมนูจากโลกยุคปัจจุบันที่สร้างความแปลกใหม่ให้ครอบครัวของกุ้ยเหมยมากๆ เพราะนอกจากรสหวานจากน้ำผึ้ง รสเค็มของเกลือแล้ว คนในยุคที่กุ้ยเหมยไปเกิดใหม่ไม่เคยกินอาหารที่มีรสชาติอื่นเลยสักนิด “ต้มยำปลาช่อนมะขามอ่อน” จึงเป็นหนึ่งในเมนูที่เปิดโลกกว้าง แนะนำให้กับผู้คนในยุคโบราณได้สัมผัสได้รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด อันแสนลงตัวของรสต้มยำ

โดยเมนูนี้ กุ้ยเหมย ใช้ประโยชน์จากมะขามอ่อนที่บังเอิญซื้อไว้ แต่ยังไม่ทันได้กินก็ข้ามโลกมาก่อน เอาไปต้มในน้ำเดือดร่วมกับข่า ใบมะกรูด ตะไคร้ หอมแดงทุบ รอจนเปื่อยได้รสเปรี้ยวแล้วก็ตักฝักมะขามออก พอน้ำเดือดชิ้นปลาช่อนลงไป พอสุกให้ตามด้วยเห็ดฟาง ปรุงรสด้วยเกลือกับน้ำปลา ใส่มะเขือเทศลงไป แล้วรอจนปลาเริ่มเปื่อยให้ใส่ใบกะเพราแดงตามด้วยพริกทอดที่ขยำพอแตก เพิ่มความหอม บีบมะนาวลงไป แล้วตักใส่ชามโรยด้วยผักชีฝรั่งเตรียมกินได้เลย

เมนูที่ 4 หมูกระทะ

เมนูเด็ดที่ครองใจพี่หญิงมากที่สุด ก็ขนาดพี่หญิงกักตัวอยู่บ้านช่วงโควิดแค่สองถึงสามเดือน แล้วไม่ได้กินหมูกระทะยังรู้สึกโหยหา พอร้านเปิดยังรีบไปกินทันที “จันทร์เจ้า” ที่ต้องไปใช้ชีวิตเป็น “กุ้ยเหมย” ในโลกจีนโบราณจะไม่ทำเมนูนี้ออกมาได้ยังไง แล้วยิ่งอุปกรณ์ เครื่องปรุงทุกอย่างพร้อมในช่องว่างมิติด้วยแล้ว เธอจึงจัดเต็ม งัดเมนูนี้มาเป็นไม้เด็ดต้อนรับครอบครัวสามีที่เดินทางไกลมาเจอกันครั้งแรก!

แถมการทำก็ง่ายแสนง่ายเพียงแค่เอาหมูจากช่วงว่างมิติมาหันเป็นชิ้นบางๆ นำไปหมักกับน้ำตาลปี๊บ ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว พริกไทย แป้งมันสำปะหลัง ผงฟู และงาขาวจนเข้าที เตรียมน้ำซุปให้พร้อม ตามด้วยผักเครื่องเคียงอีกนิดหนึ่ง หยิบน้ำจ้มสุกี้จากช่องมิติออกใส่ถ้วย ตั้งเตาไฟแล้ววางกระทะลงไป แค่นี้เราก็ได้กินหมูกระทะรสเลิศแล้วค่ะ

ซึ่งเสน่ห์ของหมูกระทะก็ไม่มีใครสามารถต้านทานได้จริงๆ ขนาดแม่สามีของกุ้ยเหมยที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดกุลสตรี ผู้มีกิริยาดีงาม ยังเสียอาการกินเยอะจนลืมตัวเลยจ้า 

แหม...อ่านแล้วก็หิว แต่ละเมนูชวนท้องร้องจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นต้มยำปลา หรือ หมูกระทะก็ทำเอานักอ่านสายกินอย่างพี่หญิงอยากจะหยุดอ่านนิยาย แล้วรีบไปร้านหมูกระทะจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอ่านถึงฉากที่บรรยายถึงการย่างหมู คือเขียนได้เห็นภาพชัดเจนเกินไป อ่านจบบอกได้อย่างเดียวว่า...หิวไม่ไหวแล้วจ้า

แต่บอกนิดนึงว่าเมนูที่ยกมานี้เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของเนื้อหานิยายเท่านั้น นักอ่านคนไหนเป็นสายกิน ชอบอ่านนิยายที่นักเอกเข้าครัวบ่อยมากๆๆๆ มีเมนูแปลกๆ มาให้ติดตามอยู่ตลอดเวลา ก็เชิญไปเกาะติดชีวิตของ “จันทร์เจ้า” ที่ไปใช้ชีวิตเลี้ยงดูลูกและสามีในโลกจีนโบราณนี้ได้เลยค่ะ คลิกอ่านที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลย!

พี่หญิง